Leapmotor เข้าทำตลาดในประเทศไทยด้วยรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% โมเดลแรกอย่าง C10 ด้วยความที่เป็นแบรนด์หน้าใหม่ในประเทศไทย ด้วยรถที่มีราคาจำหน่ายเกิน 1 ล้านบาท อาจทำให้ไม่ถึงกับเป็นที่พูดถึงหรือยอดขายปังจนเป็นกระแส แม้ตัวรถ และการขับขี่จะค่อนข้างได้รับการชื่นชนจากสื่อมวลชนที่ได้ทดสอบพร้อมๆ กัน
และนี่อาจเหมือนเป็นโจทย์ใหญ่ที่ทาง Leapmotor ต้องปรับกลยุทธ์บางอย่างที่จะทำให้คนไทยสามารถเข้าใกล้รถรุ่นนี้ได้มากขึ้น และอาจเป็นที่มาของ Leapmotor C10 รุ่นย่อยใหม่ ชื่อว่า Style โดยเป็นเพียงการตัดออปชันการตกแต่งบางจุดออกไป ในขณะที่ช่วงล่าง และสมรรถนะโดยรวมยังคงไว้อย่างครบถ้วน ด้วยค่าตัวที่ถูกตัดทิ้งไป 120,000 บาท ทำให้มันราคาไม่ข้ามล้าน
ในการทดสอบทางไกล เราได้ทำการทดลองไปถึงจังหวัดสุโขทัย ซึ่งเต็มไปด้วยเรื่องราว เหมือนได้ย้อนเวลาไปกับรถยนต์ไฟฟ้ายุคสมัยใหม่ เป็นการนำเทคโนโลยีกลับไปสู่ประวัติศาสตร์ และยังได้ทดสอบอย่างจริงจังว่า เมื่อวิ่งทางไกลแบบนี้ รถยนต์ไฟฟ้าที่เคลมระยะวิ่งได้ 477 กม./ชาร์จ จะทำได้ใกล้เคียงมากน้อยเพียงใด
การเดินทางครั้งนี้ มีทั้งผ่านถนนลาดยาง ทางตรงแบบเนียนๆ กับถนนหนทางที่พังและกำลังทำการซ่อมแซม ทำให้เราได้เห็นอีกรอบเหมือนเป็นการยืนยันอีกครั้งว่าช่วงล่างของรถรุ่นนี้ค่อนข้างโดดเด่น แม้ในรุ่น Style จะมีความแตกต่างบ้างเล็กน้อย ด้วยขนาดล้อและยางที่เล็กลงทำให้มันค่อนไปทางติดนุ่มกว่าในรุ่น Design ที่เป็นตัวทอปอย่างรู้สึกได้ แต่โดยรวมมันยังเก็บอาการความเฟิร์มไว้ได้ในบางจังหวะ มองว่ายังอยู่ในระดับที่ทำได้ดีเช่นกัน
เมื่อต้องใช้รถไฟฟ้าทางไกล หนีไม่พ้นเรื่องจุดชาร์จอย่างแน่นอน ในวันที่เราทดสอบเดินทางตรงกับช่วงหยุดยาว จุดชาร์จระหว่างทางจะมีรถต่อคิวรออยู่บ้าง แต่จะเป็นช่วงๆ เหมือนคนก็มักคิดตรงๆ กันว่าถึงระยะนี้ควรหาที่ชาร์จได้แล้ว รวมถึงระยะทางการวิ่งของรถยนต์ไฟฟ้าในระดับกลางมักมีระยะวิ่งที่ใกล้เคียงกัน แต่ถ้ามั่นใจทำการบ้านมาอย่างดี แล้วอึดใจขับต่อไปอีกสักนิด จะมีจุดชาร์จที่ว่างรออยู่ได้ไม่อย่าง ก็ต้องยอมรับว่าเส้นทางขึ้นเหนือค่อนข้างมีจุดชาร์จที่รองรับในจำนวนที่เยอะพอสมควรในตอนนี้ แต่เรากลัวดวงไม่ดีเมื่อต้องเจอกับหัวชาร์จที่กำลังเสียอยู่นี่สิ เป็นอย่างไรไปดู คลิปรีวิวตัวเต็ม ได้เลย