Continental GT Supersports การกลับมาของสปอร์ตพันธุ์แท้ในตำนาน 100 ปี

Bentley Motors ได้เปิดตัว Continental GT Supersports ยนตรกรรมสปอร์ตในตำนานรุ่นที่ 4 ซึ่งเป็นการกลับมาอีกครั้งเพื่อฉลองครบรอบ 100 ปี นับตั้งแต่ Supersports คันแรกในปี พ.ศ. 2468 ที่ทำความเร็วได้กว่า 160 กม./ชม. ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 500 คัน ทั่วโลก และมีการระบุหมายเลขประจำตัวรถทุกคัน ราคาเริ่มต้น 21.9 ล้านบาท

คอนเทนต์แนะนำ

เบื้องหลังบาดแผลของเด็กในสังคมชายเป็นใหญ่และครอบครัวพ่อเลี้ยงแม่เลี้ยง

ศัพท์ใหม่ช็อกวงการภาษาที่ต้องรู้ก่อนปี2026 "หน้าบ้วนรองพื้น-ผมดื้อหวี"

อนาคตอยู่ตรงนี้ ! 10 อันดับ เมืองยั่งยืนที่สุดในโลก Sustainable Cities

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เบนท์ลีย์ เปิดศูนย์เทคนิควิศวกรรมแห่งใหม่ รองรับการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า

เบนท์ลีย์ มูลินเนอร์ เผย Batur Convertible รุ่นพิเศษ 'One Plus One'

เบนท์ลีย์ เปิดตัวออปชันสีใหม่ 'Ombre by Mulliner' งานฝีมือการไล่เฉดสี

ขุมพลังและสมรรถนะสุดเร้าใจ

• เครื่องยนต์ มาพร้อมเครื่องยนต์สันดาปภายในล้วน (Non-hybrid) V8 เทอร์โบคู่ ขนาด 4.0 ลิตร ที่ได้รับการพัฒนาใหม่
• พละกำลัง 666 แรงม้า (166.5 แรงม้าต่อลิตร)
• แรงบิด 800 นิวตันเมตร
• ระบบส่งกำลัง เกียร์คลัตช์คู่ 8 สปีด ZF ที่ได้รับการพัฒนาให้ตอบสนองฉับไวขึ้น
• ระบบขับเคลื่อน เป็นครั้งแรกที่ Continental GT รุ่นนี้ใช้ระบบ ขับเคลื่อนล้อหลัง (Rear-Wheel Drive) นอกเหนือจากรุ่น Continental GT3 ซึ่งมอบการมีส่วนร่วมในการขับขี่สูงสุด
• อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 3.7 วินาที
• ความเร็วสูงสุด 310 กม./ชม.

เทคโนโลยีและโครงสร้างเพื่อสมรรถนะ

• น้ำหนัก เป็นที่สุดแห่งยนตรกรรมที่มีน้ำหนักเบาที่สุด โดยมีน้ำหนักตัวรถ น้อยกว่า 2,000 กิโลกรัม (เบากว่า Continental GT เกือบครึ่งตัน) ปัจจัยหลักมาจากการใช้เครื่องยนต์ ICE ล้วน ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง และการใช้หลังคาคาร์บอนไฟเบอร์แทนอะลูมิเนียม
• ระบบเบรก ติดตั้งระบบเบรกคาร์บอนเซรามิกที่ใหญ่ที่สุดในโลกเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน (จานเบรกคาร์บอน-ซิลิคอน-คาร์ไบด์ (CSiC) ขนาด 440 มม. ที่เพลาหน้า และ 410 มม. ที่เพลาหลัง)
• ยางและล้อ มาพร้อมล้ออัลลอยด์น้ำหนักเบาขนาด 22 นิ้ว ที่พัฒนาร่วมกับ Manthey Racing และตัวเลือกยางสมรรถนะสูง Pirelli Trofeo RS
• ระบบช่วงล่าง ใช้ระบบกันสะเทือนแบบปีกนกคู่ด้านหน้า/มัลติลิงค์ด้านหลัง, สปริงลม, โช้คอัพทวินแชมเบอร์, และ Bentley Dynamic Ride (ระบบควบคุมการทรงตัวด้วยไฟฟ้า 48 โวลต์)
• ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง ส่งกำลังไปยังล้อหลังผ่านระบบ eLSD (Electronic Limited Slip Differential) และเสริมด้วยระบบกระจายแรงบิดด้วยเบรก เพื่อการเข้าโค้งที่แม่นยำและการยึดเกาะสูงสุด
• ระบบไอเสีย ท่อไอเสียไทเทเนียมที่พัฒนาร่วมกับ Akrapovič เพื่อเสียงเครื่องยนต์ V8 ที่ดุดันและทรงพลังยิ่งขึ้น

การออกแบบภายนอกและภายใน (Aerodynamics & Design)

• อากาศพลศาสตร์ (Aerodynamics) มีการพัฒนาฟังก์ชันเพื่อเพิ่มแรงกด (Downforce) และลดน้ำหนักอย่างชัดเจนกันชนหน้าใหม่พร้อม สปลิตเตอร์หน้าขนาดใหญ่ที่สุด เท่าที่เบนท์ลีย์เคยติดตั้งมาชิ้นส่วนคาร์บอนไฟเบอร์รอบคัน เช่น กาบประตู, บังโคลน, ดิฟฟิวเซอร์หลัง, และ ปีกหลังติดตั้งถาวรการพัฒนาทั้งหมดนี้ทำให้มีแรงกดมากกว่า Continental GT Speed ถึง 300 กิโลกรัม ขณะที่ยังคงสมดุลของตัวรถ
• ห้องโดยสาร เป็นแบบ 2 ที่นั่ง สไตล์สปอร์ต โดยมีการจัดวางเบาะโดยสารแบบสปอร์ตคู่ใหม่ให้ตำแหน่งต่ำลงเพื่อความกระชับ
• วัสดุภายใน ใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์และหนังไดนามิกา (Dinamica) เพื่อสร้างบรรยากาศสปอร์ต โดยห้องโดยสารด้านหลังถูกแทนที่ด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์และการหุ้มหนัง

การผลิตและจำหน่าย

• ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 500 คัน ทั่วโลก และมีการระบุหมายเลขประจำตัวรถทุกคัน
• การจำหน่ายในไทย Bentley Bangkok โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด เปิดรับคำสั่งจองแล้ว สำหรับรุ่น New Continental GT (High Performance V8 Hybrid) ราคาเริ่มต้น 21.9 ล้านบาท (พร้อมการรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริดนาน 8 ปี หรือ 160,000 กม.)