สมาคมผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้ว ได้มีการเปิดเผยสาส์นจากนายกสมาคมฯ ถึงความกังวลต่อการสิ้นสุดลงของโครงการรถยนต์ไฟฟ้า 3.0 หรือ EV 3.0 ที่กำลังจะสิ้นสุดลงในช่วงเดือนธันวาคมของปี 2568 ที่จะถึงนี้
โดยมีการคาดการณ์ว่าระยะเวลาของโครงการรถยนต์ไฟฟ้า 3.0 ที่เหลืออยู่จนถึงสิ้นปี จะเกิดกระแสสงครามราคาของกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าชนิดเต็มรูปแบบซึ่งจะไม่ได้ส่งผลกระทบแค่อุตสาหกรรมรถยนต์ใหม่เท่านั้น แต่เชื่อว่าจะลามไปยังอุตสาหกรรมอื่นๆ รอบด้าน อย่างเช่น อุตสาหกรรมรถยนต์ใช้แล้ว เป็นต้น พร้อมทั้งยังได้แสดงความห่วงใยในกลุ่มรถยนต์ในตลาดกระบะขนาด 1 ตัน ที่ยังมีอัตราการเติบโตลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งด้วยยอดขายรถกระบะขนาด 1 ตันป้ายแดงที่ลดน้อยลง ก็ย่อมส่งผลต่อปริมาณรถยนต์มือสองหมุนเวียนในกลุ่มนี้ลดลงไปด้วย จึงเชื่อว่ารถในกลุ่มพลังงานใหม่จะมีบทบาทในตลาดรถยนต์ใช้แล้วมากขึ้น ในขณะที่กลุ่มรถยนต์สันดาป และรถกระบะ น่าจะลดทอนบทบาทในตลาดลงไป
สาส์นจากนายกสมาคมผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้ว ยังได้มีรายละเอียด และข้อมูลเกี่ยวกับสถิติยอดขายรถยนต์ใหม่ในปีนี้ที่ผ่านมา ที่ให้ไว้ได้อย่างน่าสนใจ รวมถึงแนวทางที่ทางสมาคมฯ ได้มีการร่วมมือกับพันธมิตรต่างๆ เพื่อรับมือกับสถานการณ์ของตลาดรถยนต์ที่เปลี่ยนแปลง โดยมีข้อความทั้งหมดดังนี้
สาส์นจากนายกสมาคม Vol 07/2568
"สวัสดีครับเพื่อนเพื่อนสมาชิกทุกท่าน ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ได้มีการสรุปตัวเลขยอดขายรถยนต์ใหม่ในประเทศไทยช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 (มกราคม - มิถุนายน) โดยมีตัวเลขยอดขายรวมที่ 302,694 คัน คิดเป็นการลดลง 1.7% เมื่อเปรียบเทียบกับตัวเลขครึ่งปีแรกของปี 2567 อย่างไรก็ดีในภาพรวมตัวเลขยอดขายในปี 2568 มีโอกาสที่จะเติบโตสูงขึ้นกว่ายอดขายรวมในปี 2567 โดยคาดการณ์ว่าตัวเลขยอดขายน่าจะไปแตะที่ระดับถึง 570,000 - 600,000 คันในปีนี้
ที่น่าสนใจก็คือในตัวเลขยอดขายรวม 302,604 คันในครึ่งปีแรกนั้น ตลาดรถยนต์พลังงานทางเลือก (XEV) มีอัตราการเติบโตสูงถึง 21.8% หรือยอดขายรวม 132,493 คัน คิดเป็นสัดส่วนถึง 43.8% ของตลาดรวมโดยรถยนต์ไฟฟ้า 100% (BEV) มียอดขาย 56,529 คัน เติบโตขึ้นจากปีก่อน 54.8% ซึ่งจะเห็นได้ว่ารถยนต์พลังงานทางเลือก (XEV) มีทิศทางการเติบโตอย่างต่อเนื่องและมีแนวโน้มที่จะกินส่วนแบ่งของตลาดถึง 50% ในระยะเวลาอันใกล้นี้ จากนโยบายการสนับสนุนกลุ่มรถยนต์พลังงานทางเลือกของภาครัฐ
กลุ่มรถยนต์ที่น่าเป็นห่วงที่สุด คงหนีไม่พ้นตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน ที่ยังคงมีอัตราการเติบโตที่ลดลงอย่างน่าเป็นห่วงโดยในปีแรกนี้รถกระบะขนาด 1 ตัน มียอดจำหน่ายเพียง 94,715 คัน หรือลดลงจากปีก่อนถึง 12.7% ดัชนีต่างๆเหล่านี้ย่อมส่งผลถึงปริมาณ Supply ของรถยนต์ใช้แล้วที่จะหมุนเวียนเข้ามาจากตลาดในปีถัดๆไป และเราคงปฏิเสธไม่ได้ว่ารถในกลุ่มพลังงานทางเลือกจะมีบทบาทในตลาดรถยนต์ใช้แล้วมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่รถในกลุ่ม ICE และ Pickup truck คงจะลดทอนบทบาทในตลาดลงไปตามลำดับ
สมาคมผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้ว ได้เล็งเห็นถึงทิศทางของอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป จึงได้ทำความร่วมมือกับสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย (EVAT) ในการสร้างความร่วมมือในฐานะพันธมิตรในการพัฒนา และต่อยอดความเชื่อมั่นของรถยนต์พลังงานทางเลือก ให้กับพันธมิตรคู่ค้าของเราในอุตสาหกรรมรถยนต์ใช้แล้ว เพื่อต่อยอดทางธุรกิจให้รถยนต์พลังงานทางเลือกสามารถสร้างการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจในอุตสาหกรรมของเราได้อย่างยั่งยืนยืน
โครงการรถยนต์ไฟฟ้า 3.0 (EV 3.0) จะสิ้นสุดลงภายในเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้ จากนี้จนถึงสิ้นปีเราคงได้เห็นสงครามราคาของรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบในตลาดภายในประเทศ ผลกระทบจากสงครามราคาอาจจะไม่ได้ส่งผลกระทบแต่เพียงอุตสาหกรรมรถยนต์ใหม่เท่านั้น แต่จะลามมาถึงอุตสาหกรรมข้างเคียงเช่นอุตสาหกรรมรถยนต์ใช้แล้วของเราเช่นกัน การทำงานร่วมกันกับสมาคมต่างๆในอุตสาหกรรมรถยนต์จึงมีความสำคัญมากสำหรับสมาคมฯ ของเราต่อจากนี้ไป"
คุณวิสุทธิ์ เหมาพรรณไพเราะ นายกสมาคมผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้ว
ที่มา: FB-สมาคมผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้ว