ออโตโมบิลิ ลัมโบร์กินี (Automobili Lamborghini) ประกาศความสำเร็จครั้งสำคัญ ฉลองครบรอบ 10 ปีแห่งการบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (carbon neutrality) ของโรงงานผลิตในเมืองซัง'อกาตา โบโลเญส ซึ่งถือเป็นโรงงานแห่งแรกในเครือ Audi Group และแห่งแรกของโลกที่ได้รับการรับรองจาก DNV
มร.สเตฟาน วิงเคิลมันน์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ออโตโมบิลิ ลัมโบร์กินี ยืนยันถึงพันธกิจอันแน่วแน่ "เราตัดสินใจเริ่มต้นเส้นทางที่ท้าทายนี้เมื่อ 10 ปีก่อน เพื่อเปลี่ยน 'ความยั่งยืน' ให้กลายเป็นกลยุทธ์หลักของบริษัท และวันนี้คือวันแห่งการเฉลิมฉลองความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ รวมถึงการตอกย้ำพันธกิจในการพัฒนาที่ต่อเนื่องและวัดผลได้"
ความเป็นกลางทางคาร์บอนแบบสะสม (On-balance) ของลัมโบร์กินี คือการลดการปล่อยคาร์บอนโดยตรงให้มากที่สุด และชดเชยส่วนที่เหลือด้วยโครงการลดคาร์บอนทั่วโลก โดยไม่รวมการปล่อยคาร์บอนจากการใช้งานรถยนต์
ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา ลัมโบร์กินีสามารถ ลดการปล่อยคาร์บอนจากโรงงานผลิตได้ถึง 49% เมื่อเทียบกับปี 2557 แม้ขนาดบริษัทจะใหญ่ขึ้นเป็นสองเท่า ผ่านการลงทุนในเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐานด้านประสิทธิภาพพลังงาน:
รานิเอรี นิคโคลี ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการผลิต กล่าวเน้นย้ำว่า "โรงงานแห่งนี้คือเครื่องพิสูจน์ที่ชัดเจนว่าความเป็นเลิศด้านการผลิตและความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมสามารถเดินทางคู่กันได้"
ในปี 2567 โรงงานปล่อย CO2 (Scope 1 และ 2) ที่ 29,849 ตัน ซึ่งส่วนที่หลีกเลี่ยงไม่ได้จะถูกชดเชยด้วย คาร์บอนเครดิตระดับสากล เช่น Gold Standard และ Verra ที่เน้นโครงการพลังงานหมุนเวียน
นอกจากนี้ ลัมโบร์กินียังได้นำระบบบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมและพลังงานตามมาตรฐานสากล ISO 14001:2015 และ ISO 50001:2018 มาใช้ พร้อมได้รับการรับรอง EMAS และตรวจวัดการปล่อยคาร์บอนตามมาตรฐาน ISO 14064-1:2018 สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการสื่อสารอย่างโปร่งใส
ปี 2568 ยังเป็นจุดเริ่มต้นของกลยุทธ์ด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ของลัมโบร์กินี โดยจะมีการจัดทำ รายงานความยั่งยืน (Sustainability Report) ฉบับแรก ในประวัติศาสตร์บริษัท ซึ่งจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการนำเสนอผลลัพธ์ แผนงาน และเป้าหมายในอนาคตอย่างเป็นระบบและโปร่งใส ครอบคลุมทุกมิติ ตั้งแต่การลดคาร์บอน ไปจนถึงการดูแลสุขภาวะบุคลากร และการมีส่วนร่วมกับชุมชน