CHERY แบรนด์รถยนต์ชั้นนำจากจีน ประกาศแผนรุกตลาดประเทศไทยอย่างเต็มตัวในปี 2568 โดยตั้งเป้าเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับครอบครัวทั่วโลก เตรียมลงทุนสร้างฐานการผลิตในระยอง เปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ 4 รุ่น (CHERY Tiggo 8, CHERY V23, CHERY Tiggo Cross, CHERY Tiggo 7) และขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายทั่วประเทศเป็น 30 แห่ง
CHERY ให้ความสำคัญกับรถยนต์พลังงานสะอาด โดยนำเสนอเทคโนโลยีไฮบริด CSH (Chery Super Hybrid) จุดเด่นคือขับได้ไกล 1,400 กม./ถัง แบตเตอรี่ปลอดภัย และตอบโจทย์ทุกการใช้งาน
นอกจากนี้ OMODA & JAECOO ในเครือ CHERY Automobile ก็มีวิสัยทัศน์ที่จะนำไทยเป็นผู้นำนวัตกรรมยานยนต์ระดับโลก ด้วยเทคโนโลยีไฮบริดเจเนอเรชันใหม่ ทั้งสองแบรนด์เตรียมเปิดสายการผลิตในไทยไตรมาส 3 ปี 2568 พร้อมเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ และยังจับมือบริษัท คิง เจน จำกัด (มหาชน) หรือ KGEN ภายใต้นโยบายการสนับสนุนการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.), สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และนโยบายการสนับสนุนการใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศจากกระทรวงพาณิชย์ เพื่อร่วมกันพัฒนาแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้า (EV) สัญชาติไทย เพื่อยกระดับไทยเป็นศูนย์กลางการผลิต EV ในภูมิภาค
สำหรับการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ CHERY จะนำเสนอรถยนต์ในตระกูล Tiggo เป็นหลัก ซึ่งเน้นย้ำถึง “ห้องโดยสารอเนกประสงค์” ที่สามารถปรับเปลี่ยนเพื่อรองรับการใช้งานที่หลากหลาย และ “ความปลอดภัยระดับสูง” ด้วยการติดตั้งอุปกรณ์และระบบช่วยเหลือการขับขี่ที่ได้มาตรฐานระดับสูง โดยมีแผนที่จะเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่หลายรุ่น ได้แก่ CHERY Tiggo 8, CHERY V23 (iCAR V23), CHERY Tiggo Cross และ CHERY Tiggo 7 พร้อมกันนี้ CHERY ยังมุ่งมั่นที่จะขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายให้ครอบคลุม 30 แห่งทั่วประเทศไทย เพื่อให้สามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างทั่วถึง และสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งในตลาด พร้อมมอบประสบการณ์การใช้งานที่เหนือกว่าให้กับผู้บริโภคชาวไทยภายในปีนี้
ในส่วนของสมรรถนะการขับขี่ รถยนต์รุ่น CHERY Tiggo 8 และ Tiggo 7 จะมาพร้อมกับระบบขับเคลื่อน CHERY Super Hybrid (CSH) ซึ่งเป็นระบบ Plug-in Hybrid ที่ทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 156 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 220 นิวตันเมตร และมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังสูงสุด 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 310 นิวตันเมตร นอกจากนี้ยังสามารถเลือกขับขี่ด้วยระบบไฟฟ้าล้วนได้ในระยะทางสูงสุด 90 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน WLTC)
สำหรับ CHERY Tiggo Cross จะมาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนแบบ Hybrid ที่ทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 96 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 120 นิวตันเมตร และมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังสูงสุด 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 310 นิวตันเมตร
ในขณะที่ CHERY V23 นอกเหนือจากดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์แล้ว ยังมาพร้อมกับการขับขี่ที่คล่องตัวด้วยระบบมอเตอร์ไฟฟ้าล้วน ให้กำลังสูงสุด 211 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 292 นิวตันเมตร
เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคชาวไทย CHERY ยังได้ให้ความสำคัญกับการขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายและศูนย์บริการให้ครอบคลุมกว่า 30 แห่งทั่วประเทศ เพื่อรองรับการให้บริการลูกค้าอย่างครอบคลุมและสะดวกสบาย โดยจะมีการกระจายตัวของศูนย์บริการในทุกภูมิภาค ได้แก่ ภาคเหนือ 3 แห่ง ภาคกลาง 4 แห่ง ภาคใต้ 4 แห่ง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 4 แห่ง และในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลอีกถึง 15 แห่ง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของแบรนด์ในการดูแลลูกค้าตลอดเส้นทางการใช้งานอย่างมืออาชีพและทั่วถึง
CHERY และ OMODA & JAECOO เปิดตัวเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนไฮบริดเจเนอเรชันใหม่ CHS (CHERY Hybrid System) / SHS (Super Hybrid System) ที่โดดเด่นใน 4 ด้านหลัก ได้แก่ ประสิทธิภาพพลังงานสูงสุดด้วยเครื่องยนต์ไฮบริดเฉพาะทาง 1.5T GDI ที่มีประสิทธิภาพทางความร้อนสูงถึง 44.5% ซึ่งสูงที่สุดในอุตสาหกรรม พลังขับเคลื่อนระดับโลกด้วยระบบส่งกำลัง DHT 230/280 ที่สามารถให้กำลังสูงสุดถึง 280 กิโลวัตต์ และรอบเครื่องสูงสุดถึง 24,000 รอบต่อนาที ความปลอดภัยเหนือมาตรฐานด้วยระบบตัดพลังงานฉุกเฉินภายใน 2 มิลลิวินาที และการปกป้องในทุกสภาพอากาศ รวมถึงการลุยน้ำลึกถึง 700 มิลลิเมตร และความสามารถรอบด้าน (All Scenario) ด้วยระบบบริหารพลังงานล่วงหน้า (Predictive Energy Management) ที่ช่วยลดการใช้พลังงานลง 15% และสามารถกู้คืนพลังงานจากเบรกได้ถึง 80%
OMODA & JAECOO เตรียมที่จะเปิดตัวรถยนต์อีกหลากหลายรุ่นภายใต้เทคโนโลยี SHS, BEV, HEV และ REEV ภายในปีนี้ และเตรียมที่จะเปิดตัว JAECOO 5 EV และ JAECOO 6T EV ภายในไตรมาสที่ 3 ตามมาด้วย OMODA C7 SHS และ OMODA C9 SHS ในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ นอกจากนี้ OMODA & JAECOO ยังเตรียมที่จะเปิดตัวแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ JAECOO หรือ Mr.J ในเร็วๆ นี้
ในขณะเดียวกัน ยังได้มีการประกาศราคา OMODA C5 EV Long Range รุ่นใหม่ โดยยังคงไว้ซึ่งสมรรถนะและฟังก์ชันเดิม โดยมีราคา OMODA C5 EV Long Range Dynamic ที่ 649,000 บาท และ OMODA C5 EV Long Range Max ที่ 699,000 บาท พร้อมด้วยโปรโมชั่นดาวน์เริ่มต้น 8,888 บาท ผ่อนนานสูงสุด 84 เดือน ฟรีประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี บริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง 5 ปี โฮมชาร์ทเจอร์พร้อมติดตั้ง (เฉพาะรุ่น Max) และการรับประกันครอบคลุมระยะเวลา 8 ปี หรือระยะทาง 200,000 กิโลเมตร สำหรับ JAECOO 6 EV 4WD ก็มีโปรโมชั่นพิเศษภายในเดือนพฤษภาคม – มิถุนายนนี้ โดยมอบส่วนลดสูงสุดกว่า 150,000 บาท สำหรับสี Forest Green และ Lunar Silver พร้อมฟรีประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี บริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง 5 ปี โฮมชาร์ทเจอร์พร้อมติดตั้ง และการรับประกันครอบคลุมระยะเวลา 8 ปี หรือระยะทาง 200,000 กิโลเมตร
นอกจากนี้ JAECOO 7 SHS ยังได้สร้างความประทับใจด้วยสถิติการขับขี่ระยะทางไกลถึง 1,433 กิโลเมตร ด้วยน้ำมันเพียงหนึ่งถังและการชาร์จแบตเตอรี่เพียงหนึ่งครั้ง ซึ่งถือเป็นสถิติระยะทางขับขี่ที่ไกลที่สุดในประเทศไทย และติดอันดับ 5 ของโลกจากการแข่งขันระดับนานาชาติ JAECOO 7 SHS Global Super Hybrid Marathon และ JAECOO ยังได้จัดแคมเปญ ECO Bonus มอบส่วนลดพิเศษ 10,000 บาท สำหรับลูกค้าที่เป็นเจ้าของรถยนต์ประเภทเครื่องยนต์สันดาป (ICE) หรือ ไฮบริด (HEV) พร้อมฟรีค่าบำรุงรักษารถ (ค่าแรง และ ค่าอะไหล่) เป็นระยะเวลา 2 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร ฟรี Home Charger และสายชาร์จ V-2-L สำหรับผู้ที่จองและรับรถภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2568 เท่านั้น
CHERY ยังได้ประกาศความคืบหน้าในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย โดยมีแผนการลงทุนและการพัฒนาธุรกิจระยะยาว พร้อมกลยุทธ์การวางตำแหน่งแบรนด์และผลิตภัณฑ์ที่เน้นย้ำจุดเด่นด้านเทคโนโลยี คุณภาพ และความคุ้มค่า และเตรียมที่จะเริ่มเดินสายการผลิตที่โรงงานในจังหวัดระยองภายในไตรมาสที่ 3 ของปี 2568 โดยจะเริ่มด้วยรุ่น JAECOO 6 EV เป็นรุ่นแรก โดยมีเป้าหมายที่จะให้โรงงานแห่งนี้เป็นศูนย์กลางการผลิตและส่งออกในเอเชีย โรงงานแห่งนี้จะเน้นการผลิตแบบ Completely Knocked Down (CKD) พร้อมติดตั้งหุ่นยนต์เชื่อมสำหรับงานเชื่อมอลูมิเนียมที่มีความแม่นยำสูง และในอนาคตยังมีแผนที่จะลงทุนเพิ่มเติมในการผลิตยานยนต์ ทั้งการขยายกำลังการผลิตและโมเดลไฟฟ้าไฮบริด (HEV) รวมถึงรถยนต์รุ่นอื่นๆ ของ CHERY Group และการจัดตั้งโรงพ่นสีภายในปี 2570 พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับการจ้างงานแรงงานไทย
นอกจากนี้ CHERY Automobile และ OMODA & JAECOO ยังได้ร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ในการพัฒนาแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติไทย เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการผลิต EV ในภูมิภาคอาเซียน โดยความร่วมมือนี้มุ่งเน้นการพัฒนาแบรนด์ EV แห่งชาติ ส่งเสริมขีดความสามารถด้านเทคโนโลยี EV ภายในประเทศ และสนับสนุนผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศให้เข้าสู่ห่วงโซ่อุปทานระดับโลก โดยจะเน้นการจำหน่ายในประเทศไทย ด้วยจุดเด่นด้านเทคโนโลยี EV และราคาที่เข้าถึงได้ เพื่อสนับสนุนให้คนไทยสามารถเปลี่ยนมาใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าได้ง่ายขึ้น โครงการนี้ยังใช้ข้อได้เปรียบด้านภาษีในฐานะ “รถยนต์สัญชาติไทย” เพื่อสร้างระบบราคาที่เหมาะสม พร้อมกระตุ้นห่วงโซ่การผลิตภายในประเทศ ตั้งแต่การจัดหาชิ้นส่วน การจ้างงาน ไปจนถึงการพัฒนาเครือข่ายบริการหลังการขายให้ครอบคลุมยิ่งขึ้นในทุกภูมิภาค