
เรื่องราวของรถกระบะที่แข็งแกร่งและน่าเชื่อถือที่สุดคันหนึ่งในโลกอย่าง Toyota Hilux ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเงียบ ๆ แต่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจ การเดินทางของ Hilux ตั้งแต่รุ่นแรกจนถึงปัจจุบัน คือบทบันทึกการเติบโตของยานยนต์ที่ผูกพันกับวิถีชีวิตผู้คนทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทย
ในยุคที่ประเทศไทยกำลังเข้าสู่ช่วงของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและอุตสาหกรรม Hilux เจเนอเรชันแรก RN10 ได้ถือกำเนิดขึ้นภายใต้แนวคิดของรถที่มีความ "สูงส่ง" และ "หรูหรา" แต่แฝงไว้ด้วย "ความแกร่ง" ที่พร้อมสำหรับการใช้งานหนัก รุ่นนี้คือการเริ่มต้นความเชื่อมั่น โดยเน้นการสร้างสรรค์รถกระบะที่พร้อมสำหรับการบรรทุกสินค้าและผลผลิตทางการเกษตร รวมถึงการเป็นพาหนะส่วนตัวสำหรับผู้คนในพื้นที่ชนบทและคนทำงานในเมือง ตัวรถใช้เครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 77 แรงม้า และทำความเร็วได้ถึง 130 กม./ชม. Hilux RN10 ถูกใช้ในงานที่หลากหลาย ตั้งแต่การขนส่งสินค้าไปจนถึงการเป็นรถประจำวันของครอบครัว ทำให้มันเริ่มเป็นที่รู้จักและกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของคนไทยในที่สุด
เข้าสู่เจเนอเรชันที่สอง RN20 ซึ่งมาพร้อมกับแนวคิด "แข็งแกร่งเพื่อมอบบริการ" ในช่วงนี้ประเทศไทยเผชิญกับภาวะขาดดุลทางการค้า ทำให้รัฐบาลสนับสนุนการผลิตในประเทศเพื่อลดการนำเข้า ซึ่งโตโยต้าตอบสนองด้วยการส่งเสริมการประกอบรถยนต์ในไทย รถรุ่น RN20 นี้ถูกปรับปรุงให้มีความแข็งแรงทนทานยิ่งขึ้น และที่สำคัญคือ มีการเพิ่มตัวเลือกเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของตลาดที่เน้นการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง การเข้ามาของ RN20 ในช่วงนี้ได้สร้างความนิยมให้รถกระบะเพิ่มมากขึ้นในกลุ่มเกษตรกร ผู้รับเหมา และผู้ประกอบการขนส่ง เนื่องจากมันมอบสมรรถนะที่เชื่อถือได้และประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันที่ดีกว่า
เจเนอเรชันที่สาม RN30 หรือที่รู้จักในไทยในชื่อ "Super Star" หรือ "Super Star Jumping-Joma" ได้ถูกสร้างขึ้นพร้อมสำหรับทุกการเดินทาง โตโยต้าได้เปิดตัวรถกระบะที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลเป็นครั้งแรกในตระกูล Hilux ในช่วงปี 2522 ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ตระกูล L-Series ขนาด 2.2 ลิตร ให้กำลัง 72 แรงม้า และแรงบิด 142 นิวตัน-เมตร รุ่นนี้ยังเป็นครั้งแรกที่มีการนำเสนอระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ (4-Wheel Drive) ทำให้ Hilux ก้าวข้ามขีดจำกัดของการใช้งานไปสู่การผจญภัยและการลุยเส้นทางที่ท้าทายมากขึ้น นอกจากนี้ โตโยต้ายังได้เริ่มใช้เทคโนโลยีการพ่นสีป้องกันสนิมด้วยไฟฟ้า (Cation E.D.P. - Electro Deposit Painting) เพื่อเพิ่มความทนทานของตัวถัง ซึ่งเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้ Hilux มีชื่อเสียงด้านความทนทานที่ยาวนาน
Hilux Hero คือชื่อที่คนไทยคุ้นเคยสำหรับเจเนอเรชันที่สี่ ซึ่งมาพร้อมกับแนวคิด "สร้างมาเพื่ออยู่เหนือกาลเวลา" ในช่วงทศวรรษ 1980 เศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างรวดเร็ว และมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การขนส่ง ทำให้ความต้องการรถกระบะเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก Hilux Hero กลายเป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่งและความทนทานในไทย ถูกใช้โดยผู้คนจำนวนมากในการเดินทาง ธุรกิจขนาดเล็ก และการใช้งานส่วนตัว ด้วยความต้องการที่หลากหลาย โตโยต้าจึงได้เปิดตัวรุ่น Extra Cab เป็นครั้งแรก เพื่อมอบพื้นที่ห้องโดยสารที่เพิ่มขึ้น ทำให้รถกระบะไม่ได้เป็นแค่พาหนะเพื่อการทำงานเท่านั้น แต่ยังตอบโจทย์การใช้งานแบบครอบครัวและส่วนตัวมากขึ้นด้วย
เข้าสู่เจเนอเรชันที่ห้ากับ Hilux Mighty-X หรือที่เรียกกันว่า "เสือขาว" ในไทย ซึ่งมาพร้อมกับแนวคิด "ยุคใหม่ของรถอเนกประสงค์" ในช่วงปี 2533 เศรษฐกิจไทยเฟื่องฟูอย่างมาก และรถกระบะได้กลายเป็นรถคันแรกของหลายครอบครัว Mighty-X ถูกออกแบบให้มีความทันสมัย แข็งแกร่ง และอเนกประสงค์มากขึ้น เพื่อตอบสนองการใช้งานที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการค้าขาย การขนส่ง และการเดินทางส่วนตัว ด้วยคุณภาพที่สูงจากการผลิตในท้องถิ่น (Local Sourcing) โตโยต้าเริ่มส่งออก Hilux Mighty-X ไปยังหลายประเทศในภูมิภาคเอเชีย ทำให้โรงงานในไทยกลายเป็นฐานการผลิตและส่งออกที่สำคัญ
เจเนอเรชันที่หกอย่าง Hilux Tiger คือการเปลี่ยนผ่านจากรถเพื่อการใช้งาน (Utility) สู่รถเพื่อไลฟ์สไตล์ (Lifestyle) อย่างแท้จริง โดยมาพร้อมกับรูปลักษณ์ที่ใหญ่ขึ้น ทันสมัยขึ้น และหรูหรามากขึ้น เพื่อตอบโจทย์การใช้งานส่วนตัวและครอบครัวที่ไม่ต่างจากรถยนต์นั่งส่วนบุคคล รุ่น Tiger มีการปรับปรุงเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล (Common Rail) เพื่อสมรรถนะที่ดีขึ้น การประหยัดน้ำมัน และลดการปล่อยมลพิษ และได้มีการเปิดตัวรุ่น Prerunner หรือขับเคลื่อนสองล้อที่มีความสูงเหมือนขับสี่เป็นครั้งแรกในโลกที่ประเทศไทย ซึ่งกลายเป็นที่นิยมอย่างสูงและกำหนดมาตรฐานใหม่ให้กับตลาดรถกระบะในภายหลัง
Hilux Vigo คือผลผลิตที่เกิดจาก โครงการ IMV (Innovative International Multi-purpose Vehicle) ซึ่งพัฒนาโดยคนไทยเป็นหลัก รุ่นนี้ได้ยกระดับ Hilux ให้เป็นรถระดับโลกอย่างแท้จริงภายใต้แนวคิด "จากคนไทย สู่ความยิ่งใหญ่ระดับโลก" Vigo มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล D-4D ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าเดิม และมีระบบส่งกำลังที่ดีขึ้น ตัวรถมีความแข็งแกร่งทนทาน ถูกส่งออกไปกว่า 100 ประเทศ และโรงงานในไทยกลายเป็นฐานการผลิตที่สำคัญที่สุดของโตโยต้าทั่วโลก การปรับปรุงตลอดช่วงอายุของ Vigo ทั้งด้านดีไซน์และสมรรถนะ ทำให้ Hilux เป็นผู้นำตลาดรถกระบะโลกอย่างต่อเนื่อง ด้วยยอดขายสะสมที่สูงถึง 3.6 ล้านคันในไทย
Hilux Revo คือเจเนอเรชันที่แปดที่มาภายใต้แนวคิด "นิยามใหม่ของความแกร่ง" (Redefined Toughness) Revo ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าทั้งในด้านการบรรทุกหนัก การใช้งานแบบไลฟ์สไตล์ และความปลอดภัยระดับโลก ตัวรถมาพร้อมเทคโนโลยีและอุปกรณ์ความปลอดภัยขั้นสูง มีการใช้เทคโนโลยีการผลิตที่เรียกว่า "โครงสร้าง GOA" และมีการพัฒนารถให้มีความนุ่มนวลในการขับขี่มากขึ้นเพื่อตอบโจทย์การใช้งานแบบรถยนต์นั่งส่วนบุคคลอย่างแท้จริง ตลอดระยะเวลาที่ทำตลาด Revo ได้มีการปรับโฉมและอัปเกรดเครื่องยนต์ตระกูล GD ให้มีสมรรถนะและกำลังที่สูงขึ้น (GD Super Power) พร้อมกับเพิ่มเทคโนโลยีความปลอดภัย Toyota Safety Sense ทำให้ Hilux Revo ยังคงเป็นผู้นำและเป็นสัญลักษณ์ของความแกร่งที่ผสานกับความทันสมัยได้อย่างลงตัว
ประวัติศาสตร์ 8 เจเนอเรชันของ Toyota Hilux แสดงให้เห็นถึงการปรับตัวอย่างไม่หยุดนิ่ง เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาดโลกและวิถีชีวิตของผู้คน ทำให้ Hilux เป็นมากกว่ารถกระบะ แต่เป็นตำนานแห่งความทนทานและความเชื่อถือได้ ที่พร้อมจะก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของยานยนต์อย่าง Hilux Travo ในเจเนอเรชันที่ 9
Hilux Revo เป็นเจเนอเรชันที่แปดที่ทำตลาดมาจนถึงปัจจุบัน และได้ส่งไม้ต่อให้กับตำนานบทใหม่ คือ TOYOTA HILUX TRAVO ซึ่งเป็น เจเนอเรชันที่ 9 ที่ได้มีการ เปิดตัวครั้งแรกของโลก (World Premiere) ณ ใจกลางประเทศไทย อย่างเป็นทางการแล้ว พร้อมกับการนำเสนอรุ่นไฟฟ้า 100% คือ HILUX TRAVO-e ซึ่งถือเป็นการประกาศศักดาและทิศทางใหม่ของรถกระบะโตโยต้าในยุคพลังงานไฟฟ้าอย่างชัดเจน
โตโยต้า ไฮลักซ์ (Toyota Hilux) เป็นตำนานรถกระบะที่แข็งแกร่งและน่าเชื่อถือในไทยมาตั้งแต่รุ่นแรก RN10 (2512) จนถึงปัจจุบัน การเดินทาง 8 เจเนอเรชันสะท้อนการปรับตัวสู่รถยนต์เพื่อการใช้งานหนักและไลฟ์สไตล์อย่างต่อเนื่อง โดยมีรุ่นสำคัญคือ Super Star (RN30) ที่เริ่มใช้เครื่องยนต์ดีเซลและขับเคลื่อนสี่ล้อ และ Hilux Tiger ที่เปิดตัวรุ่น Prerunner เป็นครั้งแรกในโลกที่ประเทศไทย ภายใต้โครงการ IMV Hilux Vigo (2547) ได้ยกระดับ Hilux เป็นรถระดับโลกและเป็นฐานการผลิตส่งออกที่สำคัญที่สุดของโตโยต้าทั่วโลก ปัจจุบัน Hilux Revo (2558) ได้ส่งไม้ต่อให้กับ Hilux Travo เจเนอเรชันที่ 9 ที่เพิ่งเปิดตัวครั้งแรกของโลกในประเทศไทย พร้อมรุ่นไฟฟ้า Travo-e เป็นการประกาศก้าวเข้าสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้าอย่างชัดเจน