Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
เปิดม่านประวัติศาสตร์! ย้อนรอย ตำนาน Hilux สู่การเป็นรถกระบะระดับโลก

เปิดม่านประวัติศาสตร์! ย้อนรอย ตำนาน Hilux สู่การเป็นรถกระบะระดับโลก

20 พ.ย. 68
16:00 น.
แชร์

เรื่องราวของรถกระบะที่แข็งแกร่งและน่าเชื่อถือที่สุดคันหนึ่งในโลกอย่าง Toyota Hilux ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเงียบ ๆ แต่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจ การเดินทางของ Hilux ตั้งแต่รุ่นแรกจนถึงปัจจุบัน คือบทบันทึกการเติบโตของยานยนต์ที่ผูกพันกับวิถีชีวิตผู้คนทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทย

Hilux RN10 (พ.ศ. 2512 – 2515 / 1969 – 1972)

ในยุคที่ประเทศไทยกำลังเข้าสู่ช่วงของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและอุตสาหกรรม Hilux เจเนอเรชันแรก RN10 ได้ถือกำเนิดขึ้นภายใต้แนวคิดของรถที่มีความ "สูงส่ง" และ "หรูหรา" แต่แฝงไว้ด้วย "ความแกร่ง" ที่พร้อมสำหรับการใช้งานหนัก รุ่นนี้คือการเริ่มต้นความเชื่อมั่น โดยเน้นการสร้างสรรค์รถกระบะที่พร้อมสำหรับการบรรทุกสินค้าและผลผลิตทางการเกษตร รวมถึงการเป็นพาหนะส่วนตัวสำหรับผู้คนในพื้นที่ชนบทและคนทำงานในเมือง ตัวรถใช้เครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 77 แรงม้า และทำความเร็วได้ถึง 130 กม./ชม. Hilux RN10 ถูกใช้ในงานที่หลากหลาย ตั้งแต่การขนส่งสินค้าไปจนถึงการเป็นรถประจำวันของครอบครัว ทำให้มันเริ่มเป็นที่รู้จักและกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของคนไทยในที่สุด

Hilux RN20 (พ.ศ. 2515 – 2522 / 1972 – 1979)

เข้าสู่เจเนอเรชันที่สอง RN20 ซึ่งมาพร้อมกับแนวคิด "แข็งแกร่งเพื่อมอบบริการ" ในช่วงนี้ประเทศไทยเผชิญกับภาวะขาดดุลทางการค้า ทำให้รัฐบาลสนับสนุนการผลิตในประเทศเพื่อลดการนำเข้า ซึ่งโตโยต้าตอบสนองด้วยการส่งเสริมการประกอบรถยนต์ในไทย รถรุ่น RN20 นี้ถูกปรับปรุงให้มีความแข็งแรงทนทานยิ่งขึ้น และที่สำคัญคือ มีการเพิ่มตัวเลือกเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของตลาดที่เน้นการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง การเข้ามาของ RN20 ในช่วงนี้ได้สร้างความนิยมให้รถกระบะเพิ่มมากขึ้นในกลุ่มเกษตรกร ผู้รับเหมา และผู้ประกอบการขนส่ง เนื่องจากมันมอบสมรรถนะที่เชื่อถือได้และประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันที่ดีกว่า

Hilux RN30 / Super Star (พ.ศ. 2522 – 2526 / 1979 – 1983)

เจเนอเรชันที่สาม RN30 หรือที่รู้จักในไทยในชื่อ "Super Star" หรือ "Super Star Jumping-Joma" ได้ถูกสร้างขึ้นพร้อมสำหรับทุกการเดินทาง โตโยต้าได้เปิดตัวรถกระบะที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลเป็นครั้งแรกในตระกูล Hilux ในช่วงปี 2522 ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ตระกูล L-Series ขนาด 2.2 ลิตร ให้กำลัง 72 แรงม้า และแรงบิด 142 นิวตัน-เมตร รุ่นนี้ยังเป็นครั้งแรกที่มีการนำเสนอระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ (4-Wheel Drive) ทำให้ Hilux ก้าวข้ามขีดจำกัดของการใช้งานไปสู่การผจญภัยและการลุยเส้นทางที่ท้าทายมากขึ้น นอกจากนี้ โตโยต้ายังได้เริ่มใช้เทคโนโลยีการพ่นสีป้องกันสนิมด้วยไฟฟ้า (Cation E.D.P. - Electro Deposit Painting) เพื่อเพิ่มความทนทานของตัวถัง ซึ่งเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้ Hilux มีชื่อเสียงด้านความทนทานที่ยาวนาน

Hilux Hero (พ.ศ. 2526 – 2533 / 1983 – 1990)

Hilux Hero คือชื่อที่คนไทยคุ้นเคยสำหรับเจเนอเรชันที่สี่ ซึ่งมาพร้อมกับแนวคิด "สร้างมาเพื่ออยู่เหนือกาลเวลา" ในช่วงทศวรรษ 1980 เศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างรวดเร็ว และมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การขนส่ง ทำให้ความต้องการรถกระบะเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก Hilux Hero กลายเป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่งและความทนทานในไทย ถูกใช้โดยผู้คนจำนวนมากในการเดินทาง ธุรกิจขนาดเล็ก และการใช้งานส่วนตัว ด้วยความต้องการที่หลากหลาย โตโยต้าจึงได้เปิดตัวรุ่น Extra Cab เป็นครั้งแรก เพื่อมอบพื้นที่ห้องโดยสารที่เพิ่มขึ้น ทำให้รถกระบะไม่ได้เป็นแค่พาหนะเพื่อการทำงานเท่านั้น แต่ยังตอบโจทย์การใช้งานแบบครอบครัวและส่วนตัวมากขึ้นด้วย

Hilux Mighty-X (พ.ศ. 2533 – 2541 / 1990 – 1998)

เข้าสู่เจเนอเรชันที่ห้ากับ Hilux Mighty-X หรือที่เรียกกันว่า "เสือขาว" ในไทย ซึ่งมาพร้อมกับแนวคิด "ยุคใหม่ของรถอเนกประสงค์" ในช่วงปี 2533 เศรษฐกิจไทยเฟื่องฟูอย่างมาก และรถกระบะได้กลายเป็นรถคันแรกของหลายครอบครัว Mighty-X ถูกออกแบบให้มีความทันสมัย แข็งแกร่ง และอเนกประสงค์มากขึ้น เพื่อตอบสนองการใช้งานที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการค้าขาย การขนส่ง และการเดินทางส่วนตัว ด้วยคุณภาพที่สูงจากการผลิตในท้องถิ่น (Local Sourcing) โตโยต้าเริ่มส่งออก Hilux Mighty-X ไปยังหลายประเทศในภูมิภาคเอเชีย ทำให้โรงงานในไทยกลายเป็นฐานการผลิตและส่งออกที่สำคัญ

Hilux Tiger (พ.ศ. 2541 – 2547 / 1998 – 2004)

เจเนอเรชันที่หกอย่าง Hilux Tiger คือการเปลี่ยนผ่านจากรถเพื่อการใช้งาน (Utility) สู่รถเพื่อไลฟ์สไตล์ (Lifestyle) อย่างแท้จริง โดยมาพร้อมกับรูปลักษณ์ที่ใหญ่ขึ้น ทันสมัยขึ้น และหรูหรามากขึ้น เพื่อตอบโจทย์การใช้งานส่วนตัวและครอบครัวที่ไม่ต่างจากรถยนต์นั่งส่วนบุคคล รุ่น Tiger มีการปรับปรุงเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล (Common Rail) เพื่อสมรรถนะที่ดีขึ้น การประหยัดน้ำมัน และลดการปล่อยมลพิษ และได้มีการเปิดตัวรุ่น Prerunner หรือขับเคลื่อนสองล้อที่มีความสูงเหมือนขับสี่เป็นครั้งแรกในโลกที่ประเทศไทย ซึ่งกลายเป็นที่นิยมอย่างสูงและกำหนดมาตรฐานใหม่ให้กับตลาดรถกระบะในภายหลัง

Hilux Vigo (พ.ศ. 2547 – 2558 / 2004 – 2015)

Hilux Vigo คือผลผลิตที่เกิดจาก โครงการ IMV (Innovative International Multi-purpose Vehicle) ซึ่งพัฒนาโดยคนไทยเป็นหลัก รุ่นนี้ได้ยกระดับ Hilux ให้เป็นรถระดับโลกอย่างแท้จริงภายใต้แนวคิด "จากคนไทย สู่ความยิ่งใหญ่ระดับโลก" Vigo มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล D-4D ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าเดิม และมีระบบส่งกำลังที่ดีขึ้น ตัวรถมีความแข็งแกร่งทนทาน ถูกส่งออกไปกว่า 100 ประเทศ และโรงงานในไทยกลายเป็นฐานการผลิตที่สำคัญที่สุดของโตโยต้าทั่วโลก การปรับปรุงตลอดช่วงอายุของ Vigo ทั้งด้านดีไซน์และสมรรถนะ ทำให้ Hilux เป็นผู้นำตลาดรถกระบะโลกอย่างต่อเนื่อง ด้วยยอดขายสะสมที่สูงถึง 3.6 ล้านคันในไทย

Hilux Revo (พ.ศ. 2558 – ปัจจุบัน / 2015 – Present)

Hilux Revo คือเจเนอเรชันที่แปดที่มาภายใต้แนวคิด "นิยามใหม่ของความแกร่ง" (Redefined Toughness) Revo ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าทั้งในด้านการบรรทุกหนัก การใช้งานแบบไลฟ์สไตล์ และความปลอดภัยระดับโลก ตัวรถมาพร้อมเทคโนโลยีและอุปกรณ์ความปลอดภัยขั้นสูง มีการใช้เทคโนโลยีการผลิตที่เรียกว่า "โครงสร้าง GOA" และมีการพัฒนารถให้มีความนุ่มนวลในการขับขี่มากขึ้นเพื่อตอบโจทย์การใช้งานแบบรถยนต์นั่งส่วนบุคคลอย่างแท้จริง ตลอดระยะเวลาที่ทำตลาด Revo ได้มีการปรับโฉมและอัปเกรดเครื่องยนต์ตระกูล GD ให้มีสมรรถนะและกำลังที่สูงขึ้น (GD Super Power) พร้อมกับเพิ่มเทคโนโลยีความปลอดภัย Toyota Safety Sense ทำให้ Hilux Revo ยังคงเป็นผู้นำและเป็นสัญลักษณ์ของความแกร่งที่ผสานกับความทันสมัยได้อย่างลงตัว

ประวัติศาสตร์ 8 เจเนอเรชันของ Toyota Hilux แสดงให้เห็นถึงการปรับตัวอย่างไม่หยุดนิ่ง เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาดโลกและวิถีชีวิตของผู้คน ทำให้ Hilux เป็นมากกว่ารถกระบะ แต่เป็นตำนานแห่งความทนทานและความเชื่อถือได้ ที่พร้อมจะก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของยานยนต์อย่าง Hilux Travo ในเจเนอเรชันที่ 9

HILUX TRAVO โฉมล่าสุด

Hilux Revo เป็นเจเนอเรชันที่แปดที่ทำตลาดมาจนถึงปัจจุบัน และได้ส่งไม้ต่อให้กับตำนานบทใหม่ คือ TOYOTA HILUX TRAVO ซึ่งเป็น เจเนอเรชันที่ 9 ที่ได้มีการ เปิดตัวครั้งแรกของโลก (World Premiere) ณ ใจกลางประเทศไทย อย่างเป็นทางการแล้ว พร้อมกับการนำเสนอรุ่นไฟฟ้า 100% คือ HILUX TRAVO-e ซึ่งถือเป็นการประกาศศักดาและทิศทางใหม่ของรถกระบะโตโยต้าในยุคพลังงานไฟฟ้าอย่างชัดเจน

โตโยต้า ไฮลักซ์ (Toyota Hilux) เป็นตำนานรถกระบะที่แข็งแกร่งและน่าเชื่อถือในไทยมาตั้งแต่รุ่นแรก RN10 (2512) จนถึงปัจจุบัน การเดินทาง 8 เจเนอเรชันสะท้อนการปรับตัวสู่รถยนต์เพื่อการใช้งานหนักและไลฟ์สไตล์อย่างต่อเนื่อง โดยมีรุ่นสำคัญคือ Super Star (RN30) ที่เริ่มใช้เครื่องยนต์ดีเซลและขับเคลื่อนสี่ล้อ และ Hilux Tiger ที่เปิดตัวรุ่น Prerunner เป็นครั้งแรกในโลกที่ประเทศไทย ภายใต้โครงการ IMV Hilux Vigo (2547) ได้ยกระดับ Hilux เป็นรถระดับโลกและเป็นฐานการผลิตส่งออกที่สำคัญที่สุดของโตโยต้าทั่วโลก ปัจจุบัน Hilux Revo (2558) ได้ส่งไม้ต่อให้กับ Hilux Travo เจเนอเรชันที่ 9 ที่เพิ่งเปิดตัวครั้งแรกของโลกในประเทศไทย พร้อมรุ่นไฟฟ้า Travo-e เป็นการประกาศก้าวเข้าสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้าอย่างชัดเจน

แชร์
เปิดม่านประวัติศาสตร์! ย้อนรอย ตำนาน Hilux สู่การเป็นรถกระบะระดับโลก