Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
เกียร์ CVT ระบบส่งกำลังอัจฉริยะที่มาพร้อมข้อถกเถียง

เกียร์ CVT ระบบส่งกำลังอัจฉริยะที่มาพร้อมข้อถกเถียง

17 ก.ค. 68
16:00 น.
แชร์

เกียร์ CVT (Continuously Variable Transmission) หรือเกียร์อัตราทดแปรผันต่อเนื่อง เป็นระบบส่งกำลังอัตโนมัติประเภทหนึ่งที่แตกต่างจากเกียร์อัตโนมัติแบบมีจังหวะ (Conventional Automatic Transmission) ทั่วไป หรือเกียร์ธรรมดา (Manual Transmission) โดยสิ้นเชิง เกียร์ CVT ไม่มีชุดเฟืองเกียร์ตายตัวเหมือนเกียร์ทั่วไป แต่ใช้วิธีการเปลี่ยนอัตราทดอย่างต่อเนื่อง ทำให้เครื่องยนต์สามารถทำงานที่รอบที่เหมาะสมที่สุดได้ตลอดเวลา

หลักการทำงานของเกียร์ CVT

หัวใจหลักของเกียร์ CVT อยู่ที่ พูลเลย์ (Pulley) สองชุด และ สายพาน (Belt) โลหะหรือยางสังเคราะห์ที่เชื่อมโยงระหว่างพูลเลย์ทั้งสอง

  • พูลเลย์ขับ (Drive Pulley/Input Pulley) เชื่อมต่อกับเครื่องยนต์
  • พูลเลย์ตาม (Driven Pulley/Output Pulley) เชื่อมต่อกับล้อรถ
  • สายพาน ทำหน้าที่ส่งกำลังระหว่างพูลเลย์ทั้งสอง

พูลเลย์แต่ละชุดประกอบด้วยกรวยสองอันที่ประกบกัน โดยสามารถปรับระยะห่างระหว่างกรวยทั้งสองได้ เมื่อระยะห่างของกรวยเปลี่ยนไป เส้นผ่านศูนย์กลางของพูลเลย์ที่สายพานวิ่งอยู่ก็จะเปลี่ยนตามไปด้วย

  • เมื่อต้องการอัตราทดต่ำ (ออกตัว/เร่งความเร็ว) พูลเลย์ขับจะมีเส้นผ่านศูนย์กลางที่สายพานวิ่งอยู่เล็ก ส่วนพูลเลย์ตามจะมีเส้นผ่านศูนย์กลางใหญ่ คล้ายกับการใช้เกียร์ 1 ในเกียร์ธรรมดา เพื่อเพิ่มแรงบิดในการออกตัว
  • เมื่อต้องการอัตราทดสูง (ขับด้วยความเร็วคงที่/ประหยัดน้ำมัน) พูลเลย์ขับจะมีเส้นผ่านศูนย์กลางที่สายพานวิ่งอยู่ใหญ่ ส่วนพูลเลย์ตามจะมีเส้นผ่านศูนย์กลางเล็ก คล้ายกับการใช้เกียร์ Overdrive ในเกียร์ธรรมดา เพื่อลดรอบเครื่องยนต์และประหยัดน้ำมัน

ระบบควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ (ECU) จะคอยควบคุมการปรับระยะห่างของพูลเลย์ทั้งสองอย่างต่อเนื่องและราบรื่นตามความเร็วรถ รอบเครื่องยนต์ และตำแหน่งคันเร่ง เพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดตลอดเวลา

ข้อดีของเกียร์ CVT

เกียร์ CVT มีข้อได้เปรียบหลายประการที่ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์นิยมนำมาใช้ โดยเฉพาะในรถยนต์นั่งขนาดเล็กและขนาดกลาง

  • ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงสูงสุด (Optimal Fuel Economy)นี่คือจุดแข็งที่สำคัญที่สุดของ CVT เนื่องจากสามารถเปลี่ยนอัตราทดได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้เครื่องยนต์สามารถรักษารอบเครื่องยนต์ให้อยู่ใน "Sweet Spot" หรือช่วงรอบที่ให้ประสิทธิภาพสูงสุด (แรงบิดดีที่สุดและประหยัดน้ำมันที่สุด) ได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะขับช้าหรือเร็วแตกต่างจากเกียร์ทั่วไปที่ต้องเปลี่ยนจังหวะเกียร์ ทำให้รอบเครื่องยนต์มีการเปลี่ยนแปลงขึ้นลงบ่อยครั้ง ซึ่งอาจไม่ได้อยู่ในช่วงที่ประหยัดน้ำมันเสมอไป
  • อัตราเร่งที่ต่อเนื่องและราบรื่น (Smooth Acceleration)เนื่องจากไม่มีการเปลี่ยนจังหวะเกียร์ ทำให้ไม่มีอาการกระตุกหรือสะดุดเหมือนเกียร์อัตโนมัติทั่วไป การเร่งความเร็วจะเป็นไปอย่างต่อเนื่องและนุ่มนวล ทำให้การขับขี่รู้สึกสบายและไม่เหนื่อยล้าการส่งกำลังไม่มีการสูญเสียจังหวะ ทำให้รู้สึกว่ารถมีกำลังส่งออกมาอย่างต่อเนื่อง
  • ขนาดกะทัดรัดและน้ำหนักเบา (Compact and Lightweight)โครงสร้างที่เรียบง่ายกว่าเมื่อเทียบกับเกียร์อัตโนมัติแบบดาวเคราะห์ (Planetary Gear Set) ทำให้เกียร์ CVT มีขนาดเล็กและเบากว่า ซึ่งช่วยลดน้ำหนักรวมของรถ และมีส่วนช่วยในการประหยัดน้ำมัน
  • ความยืดหยุ่นในการปรับอัตราทด (Infinite Gear Ratios)สามารถสร้างอัตราทดได้ไม่จำกัดจำนวน ทำให้สามารถปรับให้เหมาะสมกับทุกสภาพการขับขี่และทุกช่วงความเร็วอย่างแม่นยำที่สุด

ข้อเสียที่ทำให้บางคนไม่ชอบเกียร์ CVT

แม้จะมีข้อดีที่โดดเด่น แต่เกียร์ CVT ก็มีข้อจำกัดและข้อเสียบางประการที่ทำให้ผู้ขับขี่บางรายไม่พึงพอใจ

  • "อาการรอบเครื่องค้าง" หรือ "ยางยืด" (Rubber Band Effect/Drone Sound)นี่คือข้อเสียที่ผู้ขับขี่บ่นถึงมากที่สุด เมื่อกดคันเร่งเพื่อเร่งความเร็ว เครื่องยนต์มักจะรักษารอบเครื่องยนต์ไว้ที่สูงๆ (เพื่อให้ได้กำลังสูงสุด) ในขณะที่ความเร็วรถค่อยๆ เพิ่มขึ้นตามมา ทำให้เกิดความรู้สึกว่า "รอบเครื่องค้าง" หรือ "เหมือนเครื่องยนต์กำลังเร่งแต่รถยังไม่ไป" คล้ายกับการยืดของยางยืดอาการนี้จะทำให้เกิดเสียงเครื่องยนต์ที่ค่อนข้างคงที่และดัง (Drone Sound) ซึ่งอาจสร้างความรำคาญให้กับผู้ขับขี่บางคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องเร่งแซงหรือขับขึ้นทางลาดชัน
  • ความรู้สึกในการขับขี่ (Driving Feel)สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการขับขี่แบบสปอร์ต หรือคุ้นเคยกับการเปลี่ยนเกียร์ที่มีจังหวะจะโคน เกียร์ CVT อาจให้ความรู้สึกที่ "น่าเบื่อ" หรือ "ไม่เร้าใจ" เพราะไม่มีแรงดึงกระชากจากการเปลี่ยนเกียร์ และไม่มีจังหวะของเกียร์ที่ชัดเจนผู้ผลิตบางรายพยายามแก้ไขโดยการจำลองจังหวะเกียร์ขึ้นมา (Virtual Gear Steps) ทำให้รู้สึกเหมือนมีการเปลี่ยนเกียร์ แต่ก็ยังไม่เหมือนเกียร์จริง
  • ข้อจำกัดด้านกำลังและแรงบิด (Power and Torque Limitations)โดยทั่วไป เกียร์ CVT มักจะเหมาะกับรถยนต์ขนาดเล็กถึงกลางที่มีแรงม้าและแรงบิดไม่สูงมากนัก เนื่องจากสายพานและพูลเลย์มีข้อจำกัดในการรับแรงบิดสูงๆ หากแรงบิดมากเกินไป อาจทำให้สายพานลื่นหรือสึกหรอได้ง่ายแม้ว่าเทคโนโลยีจะพัฒนาไปมากจนสามารถรองรับรถยนต์ที่มีกำลังสูงขึ้นได้บ้าง แต่ก็ยังไม่สามารถเทียบเท่ากับเกียร์อัตโนมัติแบบทอร์คคอนเวอร์เตอร์ หรือเกียร์คลัตช์คู่ในรถยนต์สมรรถนะสูง
  • ความทนทานและค่าบำรุงรักษา (Durability and Maintenance)แม้ว่าปัจจุบันเกียร์ CVT จะมีความทนทานสูงขึ้นมาก แต่ในอดีต (และบางรุ่นในปัจจุบัน) ก็เคยมีปัญหาเรื่องความทนทานของสายพานและชิ้นส่วนภายในน้ำมันเกียร์ CVT (CVT Fluid) มีความจำเพาะและจำเป็นต้องเปลี่ยนถ่ายตามระยะทางที่กำหนดอย่างเคร่งครัด เพราะน้ำมันมีบทบาทสำคัญในการหล่อลื่นและสร้างแรงเสียดทานที่เหมาะสมระหว่างสายพานและพูลเลย์ การละเลยอาจนำไปสู่การสึกหรอและเสียหายได้ ค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ CVT มักจะสูงกว่าน้ำมันเกียร์อัตโนมัติทั่วไปเล็กน้อยหากเกิดความเสียหายกับชุดเกียร์ การซ่อมแซมอาจมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าเกียร์อัตโนมัติแบบดั้งเดิมในบางกรณี
  • เสียงรบกวนบางประเภท (Noise)นอกจากเสียงเครื่องยนต์ค้างแล้ว ในบางรุ่นของเกียร์ CVT อาจมีเสียงหอน หรือเสียงดังจากสายพานในบางจังหวะการทำงาน ซึ่งอาจสร้างความรำคาญได้

อนาคตของเกียร์ CVT

ถึงแม้จะมีการวิพากษ์วิจารณ์ แต่ประโยชน์ของ เกียร์ CVT ในด้าน ประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมัน และ การเร่งความเร็วที่นุ่มนวล ทำให้มันยังคงเป็นตัวเลือกยอดนิยม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโลกที่ความกังวลด้านสิ่งแวดล้อมและราคาน้ำมันที่สูงขึ้นมีความสำคัญสูงสุด

ผู้ผลิตยังคงคิดค้นนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อจัดการกับ "อาการรอบเครื่องค้าง" หรือ "ยางยืด" (rubber band effect)ด้วยการนำ จังหวะเกียร์เสมือน (virtual gear steps) มาใช้ ปรับปรุง ความทนทาน และขยายการใช้งานไปยังรถยนต์ที่มี กำลังสูงขึ้น

อนาคตของเกียร์ CVT อยู่ที่การพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่องเพื่อลดข้อเสียในปัจจุบัน และในขณะที่ รถยนต์ไฟฟ้า (EVs) มีบทบาทมากขึ้น บทบาทของระบบส่งกำลังแบบดั้งเดิมอาจลดลง แต่สำหรับ เครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) และ รถยนต์ไฮบริด เกียร์ CVT จะยังคงเป็นตัวเลือกที่แข็งแกร่งอย่างแน่นอน เนื่องจากมีข้อได้เปรียบโดยธรรมชาติในด้านประสิทธิภาพ

เกียร์ CVT คือเทคโนโลยีระบบส่งกำลังที่มุ่งเน้นประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันและความนุ่มนวลในการขับขี่เป็นหลัก ซึ่งเป็นจุดแข็งที่ทำให้ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในรถยนต์ยุคใหม่ แต่ก็แลกมาด้วยความรู้สึกในการขับขี่ที่แตกต่างออกไป (โดยเฉพาะอาการรอบเครื่องค้าง) และความกังวลบางประการเกี่ยวกับความทนทานและค่าบำรุงรักษา

สำหรับผู้ขับขี่ที่ให้ความสำคัญกับการประหยัดน้ำมันและความสะดวกสบายในการขับขี่ในเมือง เกียร์ CVT ถือเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม แต่สำหรับผู้ที่ชื่นชอบสมรรถนะ การตอบสนองที่ฉับไว และความรู้สึกในการเปลี่ยนเกียร์ อาจจะยังคงมองหาเกียร์ประเภทอื่นที่ให้ประสบการณ์การขับขี่ที่เร้าใจกว่า

 

แชร์
เกียร์ CVT ระบบส่งกำลังอัจฉริยะที่มาพร้อมข้อถกเถียง