ในวันที่ผู้คนใช้ชีวิตเร่งรีบ วินาทีมีค่าดั่งทองคำ ถนนหนทางกลายเป็นสมรภูมิแห่งความเร็ว และในสมรภูมินั้น ทางม้าลาย ซึ่งควรเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับคนเดินเท้า กลับกลายเป็นเพียงลวดลายจาง ๆ บนพื้นถนนที่หลายคนเลือกที่จะมองข้าม หรือหนักกว่านั้นคือ "เหยียบมิด" เพื่อเร่งผ่านไปให้เร็วที่สุด พฤติกรรมที่สวนทางกับกฎหมายและสามัญสำนึกนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นโดยปราศจากเหตุผล หากแต่สะท้อนถึงเบื้องลึกทางความคิดและปัญหาเชิงโครงสร้างที่เราต้องมา "แกะรอย" เพื่อทำความเข้าใจ 5 ตรรกะวิบัติ ความคิดที่บิดเบี้ยวก่อนความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินจะเกิดขึ้น
ความคิดแรกที่ผุดขึ้นในใจของผู้ขับขี่หลายคนคือ ความเร่งรีบ การจราจรที่ติดขัดในชั่วโมงเร่งด่วน หรือการกดดันจากกำหนดเวลาที่ต้องไปให้ถึงจุดหมาย ทำให้การหยุดรถที่ทางม้าลายถูกมองว่าเป็นการ "เสียเวลา" อันมีค่าเพียงไม่กี่วินาที อาจหมายถึงการพลาดนัดสำคัญ หรือการไปทำงานสาย ความคิดที่ว่า "แค่ไม่กี่วินาทีเอง" นี้เองที่ทำให้ผู้ขับขี่เลือกที่จะเสี่ยง ขับผ่านทางม้าลายไปโดยไม่ชะลอ หรือหยุดให้คนข้าม แม้จะรู้ว่าผิดกฎหมายและเสี่ยงอันตรายก็ตาม
ผู้ขับขี่บางคนอาจมองเห็นคนเดินเท้าอยู่บริเวณทางม้าลาย แต่กลับคิดไปเองว่า "เขายังไม่พร้อมจะข้ามหรอก" หรือ "คงแค่ยืนรออยู่" การตีความพฤติกรรมคนเดินเท้าผิดพลาด หรือการตั้งสมมติฐานว่าคนเดินเท้าจะรอให้รถผ่านไปก่อน ทำให้ผู้ขับขี่ตัดสินใจที่จะไม่ชะลอความเร็ว หรือบางครั้งก็เป็นเพราะคนเดินเท้าเองที่ลังเล ไม่กล้าก้าวลงไปในทางม้าลายทันที ทำให้ผู้ขับขี่มีช่องว่างในการขับผ่านไปได้ง่ายขึ้น
ปัจจัยสำคัญที่หล่อหลอมพฤติกรรมการละเมิดกฎจราจรคือ การขาดการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มแข็ง ผู้ขับขี่จำนวนไม่น้อยมักตัดสินใจบนพื้นฐานของโอกาสที่จะถูกจับปรับ หากบริเวณทางม้าลายไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยควบคุม หรือไม่มีกล้องวงจรปิดที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้ขับขี่จะมีความกล้าที่จะกระทำผิดมากขึ้น ความคิดที่ว่า "ทำไปก็ไม่มีใครเห็น" หรือ "ทำไปก็ไม่ถูกจับหรอก" กลายเป็นใบอนุญาตให้ละเลยกฎจราจรได้อย่างง่ายดาย
วัฒนธรรมการขับขี่ในสังคมก็มีส่วนสำคัญอย่างยิ่ง ผู้ขับขี่หลายคนมักยึดถือว่า "ใครดีใครได้" หรือ "ใครเร็วกว่าคนนั้นชนะ" ซึ่งสะท้อนถึง วัฒนธรรมการขับขี่แบบเห็นแก่ตัว ที่ให้ความสำคัญกับตัวเองมากกว่าผู้ใช้ถนนคนอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนเดินเท้า การขาดจิตสำนึกในการแบ่งปันพื้นที่ถนน และการไม่เคารพสิทธิของผู้อื่น ทำให้การหยุดให้ทางคนเดินเท้ากลายเป็นเรื่องรอง ที่ไม่จำเป็นต้องปฏิบัติหากไม่ได้ถูกบังคับ
ในบางกรณี ปัญหาอาจไม่ได้เกิดจากเจตนาของผู้ขับขี่โดยตรง แต่อาจเป็นผลมาจาก การออกแบบทางม้าลายที่ไม่เหมาะสม เช่น ทางม้าลายที่อยู่หลังโค้ง ที่มืด หรือมีสิ่งกีดขวางบดบังทัศนวิสัย ทำให้ผู้ขับขี่มองไม่เห็นคนเดินเท้าที่กำลังจะข้ามถนน หรือไม่สามารถมองเห็นทางม้าลายได้ล่วงหน้าเพียงพอที่จะชะลอหรือหยุดรถได้อย่างปลอดภัย นอกจากนี้ ป้ายเตือนที่ไม่ชัดเจน หรือการขาดแสงสว่างในเวลากลางคืน ก็เป็นปัจจัยเสริมที่ทำให้เกิดความเสี่ยง
การแก้ไขปัญหา "เห็นทางม้าลายแล้วเหยียบมิด" ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน
ทางม้าลายไม่ใช่แค่เส้นขาวดำบนถนน แต่เป็นสัญลักษณ์ของความปลอดภัยและอารยธรรมในสังคม การจะทำให้ทางม้าลายเป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยอย่างแท้จริงได้นั้น ต้องเริ่มจากการแกะรอยความคิดที่ผิดพลาด และร่วมกันสร้างวัฒนธรรมการใช้ถนนที่ให้เกียรติซึ่งกันและกัน เพราะทุกชีวิตมีค่า และไม่ควรมีใครต้องสังเวยชีวิตเพียงเพราะ "ความรีบร้อน" หรือ "ความมักง่าย" เพียงไม่กี่วินาที