ดูแลรถยนต์ที่รัก หลังวันฝนตก(หนัก)มีวิธีไหนบ้างเพื่อให้รถใช้งานได้นานๆ

เรื่องฝนตกน้ำท่วมนั้นไม่เคยปรานีรถยนต์คันใด รวมถึงรถยนต์ไฟฟ้า ถึงแม้รถเครื่องยนต์สันดาปจะไม่ต้องกังวลปัญหาเรื่องรถดับกลางทาง เนื่องจากรถรุ่นใหม่ๆ นั้นติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้า โดยเฉพาะ ECU (Engine Control Unit) รวมถึงกล่องฟิวส์ต่างๆ อยู่ในตำแหน่งสูง เพื่อป้องกันเครื่องดับจากการลุยน้ำ แต่ถ้าหากหลีกเลี่ยงไม่ได้ และต้องขับรถลุยฝนทุกวันจนเป็นกิจวัตรนั้น ลองหันมาดูแลตรวจสอบรถยนต์สักนิดดีกว่า เพื่อจะได้มีรถสภาพดีให้ใช้งานกันไปได้นานๆ

ล้างรถ

ด้วยการฉีดน้ำเข้าไปในบริเวณใต้ท้องรถ รวมทั้งบริเวณซุ้มล้อ เพื่อล้างพวกเศษทรายหรือพวกเศษขยะ เศษหญ้า ติดอยู่ต้องเอาออกให้หมดเพราะอาจทำให้เกิดไฟไหม้ได้ เนื่องจากตัวกรองไอเสีย หรือ CAT ของรถนั้นมีอุณภูมิสูงมาก

เช็กน้ำมันเกียร์

สังเกตสีว่าผิดปกติหรือไม่ คือ ถ้ามีลักษณะคล้ายสีชาเย็น นั่นแสดงว่าต้องมีน้ำเข้าไปอยู่ในระบบเกียร์อย่างแน่นอน เปลี่ยนน้ำมันเกียร์ซะเลย เพื่อความสบายใจ เพราะก้านวัดน้ำมันเกียร์นั้นอยู่ค่อนข้างต่ำ เมื่อรถผ่านการลุยน้ำลึกๆ มาจะท่วมตัวก้านวัด ซึ่งเป็นไปได้ที่น้ำจะซึมเข้าไปในระบบเกียร์ทำให้เสียหายได้

ตรวจดูลูกปืนล้อ

หลังจากผ่านการจอดแช่น้ำมา ให้สังเกตหากลูกปืนล้อดัง เวลาวิ่งความเร็วสูงให้ทำการ เปลี่ยนก่อนที่จะส่งผลเสียในภายหลัง

ดูพื้นพรมในรถว่าเปียกชื้นหรือไม่

ถ้าพรมในรถเปียกชื้น นั่นหมายความว่า มีน้ำซึมเข้ามาภายในห้องโดยสาร ให้ลองเปิดผ้ายาง หรือพรม แล้วเอากระดาษซับดูว่ามีน้ำหรือไม่ หากมีต้องรื้อพรมหรือผ้ายางออก เพื่อล้างสิ่งสกปรกตกค้างที่มองไม่เห็นจากน้ำที่เราลุยมา จนสะสมเป็นเชื้อโรค เชื้อราได้ บวกกับระบบปรับอากาศที่เสมือนเป็นตัวช่วยพัฒนาการเจริญเติบโตของเชื้อโรคต่างๆ ได้เป็นอย่างดี สามารถก่อให้เกิดอาการภูมิแพ้ และโรคภัยอื่นๆ ตามมาได้

เนื่องจากการสูดเอาเชื้อโรคต่างๆ เข้าไปตลอดเวลาขั้นตอนดังกล่าวเป็นการตรวจสอบพื้นฐาน เพื่อให้รถยนต์สามารถใช้งานได้ในสภาพที่สมบูรณ์ ให้ศูนย์บริการช่วยตรวจสอบอีกครั้ง ก็เป็นสิ่งที่ควรทำ เพื่อความมั่นใจในการขับขี่อย่างปลอดภัยนั่นเอง