กกร. ชี้ให้จับตา "โอไมครอน" เป็นปัจจัยเสี่ยงใหม่ต่อเศรษฐกิจโลก หวั่นกระทบทำไทยฟื้นตัวช้า

8 ธ.ค. 64
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย แถลงผลการประชุมประจำเดือน ธ.ค.2564 ว่า กกร.มีมมุมมองว่าเศรษฐกิจทั่วโลกได้รับผลกระทบจากการแพร่ะบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน
 
โดยข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ขณะนี้บ่งชี้ว่าสายพันธุ์โอไมครอนแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว และสามารถติดต่อไปยังผู้ที่ได้รับวัคซีนแล้ว ส่งผลให้หลายประเทศกลับมาใช้มาตรการจำกัดการเดินทางหรือมาตรการจำกัดกิจกรรมอีกครั้ง
 
ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทยทั้งภาคการส่งออกและภาคบริการฟื้นตัวได้ต่อเนื่องในเดือน พ.ย. ปีนี้ที่ผ่านมา แต่ปัจจัยการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนอาจทำให้การฟื้นตัวจากนี้ไปได้รับผลกระทบและต้องล่าช้าออกไป โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวที่เพิ่งเริ่มรับนักท่องเที่ยวต่างชาติหลังการเปิดประเทศเมื่อ 1 พ.ย. ปีนี้ที่ผ่านที่ผ่านมา
 
ดังนั้น โอไมครอนจึงกลายเป็นความเสี่ยงใหม่ต่อเศรษฐกิจโลกในช่วงต้นปี 2565 เพิ่มเติมเข้ามาจากความท้าทายที่มีอยู่เดิม ดังนั้นจำเป็นต้องจับตาปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจซึ่งขึ้นอยู่กับความรุนแรงและความรวดเร็วของการแพร่ระบาดซึ่งจะต้องติดตามอย่างใกล้ชิดในระยะนี้
 
สำหรับเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มเติบโตดีขึ้นในปี 2565 แม้การระบาดของสายพันธุ์โอมิครอน เนื่องจากปัจจุบันไทยมีอัตราการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนในระดับสูงและเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง รวมถึงมาตรการด้านสาธารณสุข และการเข้าและออก ประเทศที่มีความเข้มงวด
 
อย่างไรก็ตาม ภาคเอกชนเห็นว่าไม่ควรตื่นตระหนกจนเกินไป ทุกภาคส่วนควรปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้เกิดการระบาดระลอกใหม่ขึ้นมาซ้ำเติมสถานการณ์ปัจจุบัน เนื่องจากที่ผ่านมาเห็นได้ชัดจากบทเรียนของการล็อกดาวน์ว่ามีต้นทุนและผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมที่สูงมาก ทั้งผลกระทบโดยตรงจากการหยุดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และทางอ้อมจากการบั่นทอนความเชื่อมั่นของประชาชนและผู้ประกอบการ
 
สำหรับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในปี 2565 จำเป็นต้องมีนโยบายสำหรับทั้งระยะสั้นและระยะยาว ในระยะสั้นที่การฟื้นตัวล่าช้าออกไปภาคธุรกิจยังคงฟื้นตัวไม่พร้อมเพรียงกัน (K-shaped recovery) มาตรการพยุงเศรษฐกิจและกำลังซื้อของครัวเรือน รวมถึงการผ่อนคลายนโยบายการเงินที่มีความต่อเนื่องยังคงมีความจำเป็น
 
ขณะที่เศรษฐกิจของไทยปี 2564 มีแนวโน้มฟื้นตัวสอดคล้องกับที่คาดการณ์ไว้ ทำให้ กกร.คงคาดการณ์เศรษฐกิจในปีนี้จะขยายตัวในกรอบ 0.5-1.5% ส่วนการส่งออกปีนี้คาดว่าจะขยายตัวในกรอบ 13-15% เนื่องมาจากความต้องการสินค้าเพิ่มสูงต่อเนื่อง โดยมีประเด็นที่จะต้องเร่งแก้ปัญหาคือการการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปคาดว่าจะขยายตัวอยู่ในกรอบ 1-1.2%
 
สำหรับปี 2565 เศรษฐกิจไทยมีศักยภาพที่จะเติบโตได้ ที่ประชุม กกร. จึงคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ในกรอบ 3-4.5% สอดคล้องกับเศรษฐกิจโลกที่ปีหน้าน่าจะเติบโตที่ 4-5% ขณะที่การส่งออกคาดว่าจะขยายตัวในกรอบ 3-5% ซึ่งมาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ทำให้การส่งออกจะมีการขยายตัวต่อจากปีนี้
 
ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปีหน้าคาดว่าจะขยายตัวในกรอบ 1.2-2.0% ตามแนวโน้มของสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีราคาสูงขึ้น ขณะที่ปีหน้าสิ่งที่ต้องจับตามองอีกเรื่องคือปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองเรื่อง Geopolitics ของหลายประเทศ
 
 
#กกร
#โอไมครอน
#โควิด
 

advertisement

Powered by อมรินทร์ทีวีออนไลน์

ข่าวยอดนิยม