น้ำมันแพง ต้นทุนพุ่ง กระทบเศรษฐกิจไทย

1 ธ.ค. 64

สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยผลการสำรวจผู้บริหาร ส.อ.ท.ชี้ชัด ราคาน้ำมันที่แพง และต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อการทำธุรกิจ รายได้หาย 10-20 %  เสนอแนะภาครัฐเข้ามาช่วยดูแล  

 

2 ธ.ค.64 นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ได้เปิดเผยผลการสำรวจ FTI Poll ครั้ง ที่ 12 ในเดือนพ.ย. 64 ภายใต้หัวข้อ "สินค้าแพง ต้นทุนพุ่ง กระทบเศรษฐกิจไทยแค่ไหน?" พบว่า ผู้บริหาร ส.อ.ท. มองว่า ปัจจัยที่ทำ ให้ต้นทุนการผลิตปรับตัวสูงขึ้นจนส่งผลกระทบต่อราคาสินค้านั้น มาจากราคาน้ำมันและพลังงานโลกปรับตัวสูงขึ้น รวมทั้งปัญหาขาดแคลนตู้ คอนเทนเนอร์ และค่าระวางเรือที่อยู่ในระดับสูง

 .

ซึ่งผลกระทบดังกล่าวทำให้รายได้ของผู้ประกอบการลดลง10-20% และคาดการณ์ว่าแนวโน้มต้นทุนการผลิตของภาค อุตสาหกรรมใน 3-6 เดือนข้างหน้าจะยังคงปรับเพิ่มขึ้นอีก 10-20%

 .

ดังนั้น จึงเสนอขอให้ภาครัฐช่วยเหลือในการพยุงราคาพลังงาน ตรึงราคาค่าไฟฟ้า (FT) และลดค่าสาธารณูปโภค(ไฟฟ้า, น้ำประปา) เพื่อบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจ ทั้งในส่วนของผู้ประกอบการและประชาชน พร้อมทั้งแนะให้ผู้ประกอบการมีการนำ เทคโนโลยีมาใช้เพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรม

 .

ทั้งนี้การสำรวจผู้บริหาร ส.อ.ท. (CEO Survey) มีจำนวน 160 คน ครอบคลุมผู้บริหารจาก 45 กลุ่มอุตสาหกรรม และ 76 สภาอุตสาหกรรมจังหวัด มีสรุปผลการสำรวจ FTI Poll ครั้งที่ 12  

 

ผู้บริหารมองว่า ปัจจัยที่ทำให้ต้นทุนการผลิตปรับตัวสูงขึ้นจนส่งผลกระทบต่อราคาสินค้า อันดับที่ 1 : ราคาน้ำมันและพลังงานโลกปรับตัวสูงขึ้น 87.5%  รองลงมา คือ  ปัญหาขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์และค่าระวางเรือที่ปรับตัวสูงขึ้น 61.9%  และจากราคาวัตถุดิบและพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ธุรกิจมีต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นกี่เปอร์เซ็นต์ อันดับที่ 1  ตอบว่า  10-20% คิดเป็น      55.6%    อันดับที่ 2  30-50%    คิดเป็น 21.9%  ซึ่งCEO  44.4% มองว่า ต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นส่งผลต่อผลประกอบการให้รายได10-20%

 .

ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมสามารถแบกรับภาระต้นทุนที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยไม่กระทบกับราคาสินค้าได้นานเท่าไร  ส่วนใหญ่ 41.9% ตอบว่า  3-4  ส่วนการคาดการณ์ต้นทุนการผลิตของภาคอุตสาหกรรมใน 3-6 เดือนข้างหน้า เมื่อเปรียบเทียบกับปัจจุบัน ส่วนใหญ่ 65.6% ตอบว่า จะมีต้นทุนเพิ่มขึ้น 10-20%                              

 .

ส่วนข้อเสนอภาครัฐ คือ ควรช่วยพยุงราคาน้ำมัน และตรึงค่าเอฟทีมากที่สุด 80.6%  รองลงมา ออกมาตรการทางภาษี เช่น ลดหย่อนภาษี, งดการหักภาษี ณ ที่จ่าย   คิดเป็น67.5%

 .

ส่วนภาคอุตสาหกรรมควรปรับตัวรับมือกับภาวะต้นทุนการผลิตที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างไร  75.6% ของCEO ตอบว่า  นำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ / 65.6% ตอบว่า การประหยัดพลังงานและการใช้พลังงานหมุนเวียนในการ

 .

ส่วนมาตรการที่รัฐจะช่วยลดผลกระทบต่อผู้บริโภคในภาวะราคาสินค้าแพง คือ ลดค่าสาธารณูปโภค (ไฟฟ้า, น้ำประปา) และตรึงราคาพลังงาน  CEO ตอบมากสุด 79.4%  รองลงมา ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และขยายเวลายื่นภาษี              58.8%  อันดับที่ 3  สนับสนุนเงินช่วยเหลือ ลดค่าครองชีพ เช่น 55.6%

poll 

 

 

 

 

advertisement

Powered by อมรินทร์ทีวีออนไลน์

ข่าวยอดนิยม