จับแท็กซี่ชนลุงตาย ลูกสาวฉะ ไม่สำนึก ฆ่าคนกลับอ้าง เห็นเป็นกรวย (คลิป)

จากกรณีนายอิทธิพล วงษา ถูกรถแท็กซี่สีเขียวเหลืองชนจนได้รับบาดเจ็บสาหัสขณะกำลังเดินข้ามถนน บริเวณประตู 3 ตลาดยิ่งเจริญ ถนนพหลโยธินขาออก บางเขน กรุงเทพฯ จากนั้นพลเมืองดีรับนำตัวส่ง รพ.ภูมิพล แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนรถแท็กซี่ได้หลบหนีไป เหตุเกิดเมื่อวันที่ 29 ก.ย. ที่ผ่านมานั้น  (อ่าน : ลูกสาวลุงวัย 60 ข้ามถนนแท็กซี่ชนดับ เสียใจโซเชียลหาว่าฆ่าตัวตาย – ตร.มึน เร่งหาทะเบียน)

วันที่ 7 ต.ค. 61 พ.ต.อ.อำนาจ อินทรศวร ผกก.สน.บางเขน เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน บก.น.2 และฝ่ายสืบสวน สน.บางเขน มีการควบคุมตัว นายถวิล ธรณี อายุ 49 ปี อยู่เลขที่ 130 หมู่ 10 ตำบลมะบ้า ตำบลทุ่งเขาหลวง จังหวัดร้อยเอ็ด

พ.ต.อ อำนาจ ระบุว่า หลังจากเกิดเหตุ เมื่อวันที่ 21 ก.ย. 61 เวลา 23.58 น. ที่หน้าตลาดยิ่งเจริญ ถนนพหลโยธิน แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพฯ ผู้ต้องหาขับรถชนนายอิทธิพล ก่อนหลบหนีไป ซึ่งขณะมีการหลบหนีนั้น ได้แวะที่ปั๊มน้ำมันเชลล์ ถนนรามอินทรา ฝั่งขาออก มุ่งหน้ามีนบุรี เพื่อตรวจสอบความเสียหายกระทั่งพบว่ากระจกหน้ารถแตก และกันชนหน้าแตก จากนั้นวันรุ่งขึ้น (22 ก.ย.) จึงขับรถไปซ่อมที่อู่รถย่านรามอินทรา ราคา 2,800 บาท และซ่อมกันชนที่อู่ราคา 300 บาท ก่อนจะกลับไปบริการขับรถแท็กซี่ตามปกติ

จากการตรวจสอบหลักฐานและคำให้การของพยาน จึงพบรถที่มีป้ายทะเบียนตรงกับคันที่ก่อเหตุ คือ รถของนายเฉลิม ดิสลับ แต่ปรากฎว่า รถของนายเฉลิม มีเลขทะเบียนรถ ตรงกับคันที่ก่อเหตุจริง แต่คนละสี คนละรุ่น เจ้าหน้าที่จึงทราบว่ามีการสวมทะเบียนรถ ต่อมาจึงได้ขยายผล กระทั่งสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหา คือ นายถวิล ธรณี อายุ 49 ปี ได้พร้อมของกลางรถแท็กซี่ โตโยต้า โคโรล่า สีเขียว-เหลือง โดยจับกุมตัวได้ที่บ้านย่านเกษตร-นวมินทร์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ โดยนายถวิล รับว่าเป็นเจ้าของรถดังกล่าว อีกทั้งไม่ได้มีการหลบหนี แต่อ้างว่า ขณะเกิดเหตุตัวเองมองไม่เห็นคน คิดว่าชนกรวยยาง จึงไม่ได้หยุดรถดู และอ้างว่าไม่ได้ดูข่าว จึงไม่ทราบเรื่องดังกล่าวด้วย พร้อมยอมรับว่ารถมีการสวมทะเบียนปลอมจริง เบื้องต้น เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา ขับรถโดยประมาท เป็นเหตุให้ชนผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย ไม่หยุดช่วยเหลือ หรือไม่แจ้งเหตุให้เจ้าหน้าที่ที่อยู่ใกล้เคียงในทันที ส่วนข้อหาที่เป็นความผิดซึ่งหน้าจากการสวมทะเบียนปลอม คือ ข้อหาปลอมเอกสารสิทธิ อันเป็นเอกสารราชการ และใช้เอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการปลอม

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่คุมตัวผู้ต้องหา มาชี้รถของกลางคันก่อเหตุ คือ รถแท็กซี่ โตโยต้า โคโรล่า สีเขียว-เหลือง โดยในระหว่างนั้น สื่อมวลชนพยายามสอบถามถึงกรณีที่เกิดขึ้น ซึ่งผู้ต้องหาบอกสั้น ๆ ว่า “ขอโทษด้วยครับ ผมไม่ได้ตั้งใจครับ ผมมองไม่เห็น นึกชนกรวยครับ ไม่ได้หนีครับ ถ้าหนีผมหนีไปอยู่บ้านนอกแล้วครับ”

นางสาวณิชานันท์ วงษา ลูกสาวผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า หลังจากฟังคำสารภาพของผู้ต้องหาแล้ว ส่วนตัวตนไม่เชื่อ มองว่าเขาโกหก โกหกว่ามองไม่เห็น และแม้ว่าเขายอมรับผิด แต่ก็ยังไม่พูดความจริงอยู่ดี ไม่มีจิตสำนึก ไม่มีน้ำใจต่อเพื่อนมนุษย์ เพราะเขาไม่คิดจะจอดรถลงมาช่วยเหลือ และถึงแม้ว่าวันนี้จะยกมือไหว้ขอโทษกับครอบครัวของตน แต่ยากที่จะให้อภัย เพราะการขอโทษนั้น ถ้าไม่รู้สึกผิดจริง ๆ ก็ไม่ต้องขอโทษ ถึงอย่างไร สุดท้ายผู้ต้องหาเอง ก็รู้อยู่แก่ใจว่าทำอะไรบ้าง วันนี้สามารถจับกุมตัวได้ ตนรู้สึกโล่งใจ และดีใจมาก จึงเดินทางมาดูหน้าผู้ก่อเหตุด้วยตัวเอง ทั้งนี้ ครอบครัวตั้งใจที่จะนำกระดูกของพ่อไปลอยอังคารภายหลังจากจับกุมผู้ก่อเหตุได้แล้ว