ทอล์คออฟเดอะทาวน์! "5 เหตุผล" ต้องดู It’s Okay to Not Be Okay

1 ก.ค. 63

It’s Okay to Not Be Okay ได้สร้างกระแสทอล์คออฟเดอะทาวน์ ด้วยการเป็นซีรีส์ที่คิมซูฮยอน กลับมารับงานแสดงเต็มตัวครั้งแรกหลังออกจากกรม และซอเยจี นักแสดงนำฝ่ายหญิงที่สวยเฉียบ ทั้งยังพลิกคาแรคเตอร์นางเอกที่แตกต่าง และนี่คือ "5 เหตุผล" ที่ซีรีส์เรื่องนี้จะกลายเป็นเรื่องโปรดของคุณ!

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ตื่นเต้น! "คิมซูฮยอน-ซอเยจี" เผยอ่านบทจบ รับเล่น It’s Okay to Not Be Okay ทันที
- "กานต์ วิภากร" เล่าวินาทีเจอสิ่งลี้ลับ ถึงขั้นเข้าวัดปรึกษาพระ ลั่นไม่แคร์คนมองว่าบ้า เหตุไม่เจอกับตัวคงไม่รู้
- เพื่อความสบายใจ! ผู้จัดฯแฟนมีต "หยิ่น-วอร์" เลิกขายบัตร 5 หมื่น-เลื่อนจัดงาน

01 ผลงานคัมแบ็คของคิมซูฮยอน
It’s Okay to Not Be Okay นับว่าเป็นซีรีส์คัมแบ็คอย่างเป็นทางการหลังจาก The Producers ในปี 2015 สำหรับคิมซูฮยอน เขาเป็นนักแสดงที่มีแฟนๆ ติดตามมากที่สุดคนหนึ่ง ดูได้จากการไปแสดงรับเชิญให้ Hotel del Luna และ Crash Landing on You ซีนที่เขาปรากฏตัวก็เรียกได้ว่าขโมยซีนสุดๆ

1-its-okay-to-not-be-okay_08-

ส่วนฝีมือการแสดงไม่ต้องพูดถึง การันตีด้วยรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม ซีรีส์ Moon Embracing the Sun จากเวทีประกาศรางวัล Baeksang Arts Awards ครั้งที่ 48 และอีกสองรางวัลจากเวที Baeksang Arts Awards ครั้งที่ 50 สาขารางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม และนักแสดงนำชายยอดนิยม จากภาพยนตร์ Secretly, Greatly ที่เขารับบทสายลับเกาหลีเหนือซึ่งแฝงตัวมาอยู่ในเกาหลีใต้ ตรงกับบทรับเชิญในซีรีส์ Crash Landing on You

02 ซอเยจี นักแสดงหญิงที่จะต้องจับตามองต่อจากนี้
สำหรับประเทศไทย ซอเยจีอาจจะยังไม่ได้เป็นที่รู้จักมากนัก แต่ฝีมือการแสดงของเธอต้องบอกว่าเฉียบ โดยเฉพาะการสื่อสารผ่านสายตา

บทโกมุนยอง ซีรีส์ It’s Okay to Not Be Okay ซอเยจีทำการบ้านหนักมาก เพราะเป็นคาแรคเตอร์ของนางเอกที่ไม่เหมือนซีรีส์เรื่องไหนๆ เปิดตัวมาด้วยการเป็นนักเขียนวรรณกรรมเด็กที่ไม่สนใจความรู้สึกใคร มีบุคลิกภาพผิดปกติชนิดต่อต้านสังคม ซึ่งทำให้ในช่วงแรกของซีรีส์ หลายคนอาจไม่ชอบใจการกระทำต่างๆ ของโกมุนยองนัก แต่ซีรีส์จะทำให้เห็นว่าตัวเธอเองจะได้รับการเยียวยาและมองเห็นบาดแผลในจิตใจที่เป็นต้นเหตุของพฤติกรรมแย่ๆ ทั้งหลายได้อย่างไร

1-02_43_s13_nko00579

03 โอจองเซ กับการแสดงที่ท้าทายในบทพี่ชายออทิสติก
ไม่บ่อยนักที่ซีรีส์เกาหลีจะมีตัวละครออทิสติก นับจาก Good Doctor ในปี 2013 สำหรับ It’s Okay to Not Be Okay ทีมผู้สร้างตั้งใจที่จะสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องของออทิสติกให้สังคมผ่านบทมุนซังแท ที่รับบทโดยโอจองเซ ซึ่งเขาจะเอาชนะใจผู้ชมได้ด้วยความบริสุทธิ์ของจิตใจและรอยยิ้มที่ใสสะอาด

โอจองเซ นับว่าเป็นนักแสดงที่มีประสบการณ์โชกโชน และทุกครั้งที่รับบท เขาทำให้เห็นความแตกต่างของคาแรคเตอร์ได้อย่างน่าจดจำ อย่างเช่นซีรีส์ When the Camellia Blooms ในปี 2019 ที่ส่งให้เขาเข้าชิงรางวัลนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม Baeksang Arts Awards และไม่แน่ว่าปีหน้า เขาอาจมีชื่อเข้าชิงรางวัลนักแสดงสมทบชายอีกครั้งจากซีรีส์ It’s Okay to Not Be Okay

04 ซีรีส์เกาหลีที่ผสมผสานครบทุกอารมณ์
It’s Okay to Not Be Okay เปิดตัวด้วยการเป็นซีรีส์โรแมนติกดราม่าแฟนตาซี แต่ในอีพี 1-2 เรากลับเห็นการผสมผสานโทนเรื่องที่มีปริศนาคดีฆาตกรรมเข้ามา จากการเสียชีวิตของแม่ ที่มุนซังแทเป็นคนเห็นเหตุการณ์แต่กลับบอกเล่าออกมาไม่ได้ ซึ่งความหลากหลายของซีรีส์ทำออกมาได้ลงตัว ทั้งยังผนวกเอาประเด็นทางจิตวิทยามาใช้ประกอบได้อย่างน่าสนใจ

1-its-okay-to-not-be-okay_12

ส่วนเส้นเรื่องโรแมนติกดราม่าระหว่างมุนคังแท และโกมุนยอง ก็เต็มไปด้วยซีนชวนจิกหมอน ที่มีการมองลึกลงไปในดวงตาหลายต่อหลายครั้ง ทำให้คิมซูฮยอนและซอเยจี กลายเป็นคู่เคมีนักแสดงที่แฟนซีรีส์ให้ความสนใจในทันที

05 การเยียวยาจิตใจที่คนดูนำไปใช้ได้จริง
คิมซูฮยอน รับบท มุนคังแท เจ้าหน้าที่แผนกจิตเวช ทำให้เขาใช้ความรู้ที่มีมาในการสอนให้ โกมุนยอง รู้จักท่าอ้อมกอดผีเสื้อ (Butterfly Hug) ซึ่งเป็นเทคนิกที่ใช้จริงในการบำบัดจิตใจแบบ EMDR (Eye Movement Desensitization and Reprocessing Therapy – จิตบำบัดเกี่ยวกับบาดแผลทางใจ เหตุการณ์สะเทือนใจรุนแรง หรือความทรงจำที่เจ็บปวด) เป็นเทคนิคสงบสติอารมณ์ หรือใช้ในเวลาที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ ซึ่งการนำศาสตร์จิตบำบัดมาใช้ประกอบในซีรีส์นี้ ทำให้ผู้ชมสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้

1-its-okay-to-not-be-okay_26

It’s Okay to Not Be Okay เล่าเรื่องราวของ ‘มุนคังแท’ (คิมซูฮยอน) เจ้าหน้าที่แผนกจิตเวชที่ไม่เชื่อในความรัก เขาเติบโตขึ้นมาพร้อมภาระอันหนักหน่วงในการต้องเป็นเสาหลักของบ้าน ทั้งยังต้องดูแลพี่ชายที่มีออทิสติก (โอจองเซ) ขณะเดียวกัน ‘โกมุนยอง’ (ซอเยจี) นักเขียนหนังสือเด็กชื่อดังที่แม้ว่าเธอจะเป็นที่ชื่นชอบของผู้คนมากมาย แต่ความจริงแล้วเธอเป็นโรคต่อต้านสังคม ไม่เคยสนใจความรู้สึกของคนอื่น รวมทั้งไม่รู้จักความรัก และเมื่อทั้งสองได้โคจรมาพบกัน บาดแผลทางจิตใจของทั้งคู่ต่างได้รับการเยียวยาซึ่งกันและกัน.

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวบันเทิง เป็นกระแส