กองพิสูจน์หลักฐานตำรวจภาค 3 พร้อมตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ขนส่งบุรีรัมย์ นำหมายศาลบุกค้นเต็นท์รถชื่อดัง อ.สตึก มีผู้เสียหายแจ้งความเอาผิดถึง 206 ราย คดีไม่คืบอัยการตีสำนวนกลับ แต่ยังก่อเหตุซ้ำ ทั้งซื้อรถไม่ได้รถ ขายรถไม่ได้เงิน
วันนี้ (3 พ.ย.65) กองพิสูจน์หลักฐานตำรวจภูธรภาค 3 พร้อมด้วยตำรวจชุดสืบสวนจังหวัดบุรีรัมย์ กองพิสูจน์หลักฐานภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ขนส่งจังหวัดบุรีรัมย์ นำโดย พล.ต.ต.รุทธพล เนาวรัตน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ นำหมายศาลจังหวัดบุรีรัมย์เข้าตรวจค้นเต็นท์รถมือสองแห่งหนึ่ง หลังได้รับการร้องเรียนจากประชาชนที่เข้าไปใช้บริการมาอย่างต่อเนื่องว่าถูกฉ้อโกงเงินและรถไปเป็นจำนวนมาก โดยตำรวจแต่ละชุดได้แบ่งหน้าที่กันเข้าไปตรวจสอบรถภายในเต็นท์รถซึ่งมีประมาณ 80 คัน เกี่ยวกับทะเบียนรถสภาพรถว่ามีการดัดแปลงต่อเติมหรือสวมทะเบียนหรือไม่
พล.ต.ต.รุทธพล เนาวรัตน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์กล่าวว่า จากรายงานพบว่าผู้เสียหายมีทั้งซื้อรถแล้วไม่ได้รถ และขายรถแล้วไม่ได้เงิน รวมถึงกรณีอื่นๆ อีกหลายกรณี ล้วนแต่เป็นมูลความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน เนื่องจากมีผู้เสียหายหลายร้อยคนเพื่อความแม่นยำในการดำเนินคดีเพิ่มในรายใหม่จึงจำเป็นต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านมาร่วมตรวจสอบด้วย
ด้าน พ.ต.อ.วชิรวิทย์ วรรณธานี ผกก.สภ.สตึก อ.สตึก กล่าวว่าเมื่อเดือนกันยายน 2561 ได้มีผู้เสียหายรวมตัวมาแจ้งความกล่าวโทษเต็นท์ดังกล่าวในลักษณะฉ้อโกงหลากหลายรูปแบบ จำนวน 170 คดี ซึ่งได้ดำเนินการส่งสำนวนไปที่อัยการจังหวัดบุรีรัมย์ไปทั้งหมด
ส่วนทรัพย์สินของผู้ถูกกล่าวหาได้มีการตรวจสอบไว้และรายงานไปยังเลขาธิการ ปปง.ไปเรียบร้อยแล้ว แต่อาจจะเกิดความล่าช้าไปบ้าง เนื่องจากอัยการจังหวัดบุรีรัมย์ได้ตีสำนวนกลับให้ไปสอบเพิ่มอีกหลายครั้ง ทำให้ผู้เสียหายหลายรายไม่พอใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังจากนั้นเป็นต้นมายัง มีผู้มาแจ้งความเอาผิดกับเต็นท์รถแห่งนี้มาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเมื่อวันที่ 8 ก.ย.65 มีผู้เสียหายมาแจ้งความอีก 14 ราย และวันที่ 28 ต.ค.มีผู้เสียหายมาแจ้งความไว้อีก 2 ราย รวมทั้งหมดแบ่งเป็น 9 คดี มีผู้เสียหาย 206 คน
เต็นท์รถแห่งนี้เคยถูกตรวจค้นมาแล้ว 3 ครั้ง "บิ๊กโจ๊ก" พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เคยบินมาจับและแถลงด้วยตนเองเมื่อปี 2562 แต่คดีไม่คืบหน้าทั้งยังก่อเหตุมาอย่างต่อเนื่อง ส่วนผู้เสียหายส่วนใหญ่จะหลงกลวิธีของเจ้าเต็นท์มีผู้เสียหายจำนวนมากที่ถูกหลอก เช่น หากมีการตกลงซื้อขายกันเจ้าของเต็นท์จะเอาหนังสือชุดโอนรถมาให้เซ็นไว้รอ แล้วอ้างว่าซื้อแล้วทั้งที่ยังไม่ได้จ่ายเงิน กลุ่มนี้ไม่มีหลักฐานนำไปสู่การดำเนินคดีได้จนกลุ่มพ่อค้ารถอาชีพเดียวกันขนานนามว่า "ขาเก๋าแมว 9 ชีวิต” และคาดว่าจะมีผู้รู้กฎหมายมีหุ้นร่วมด้วยคดีจึงยืดเยื้อมานานเพื่อรอให้หมดอายุความ
