เฒ่าขืนใจยายป่วยมะเร็งซ้ำดิ่งตึกดับคนสาปส่ง เหยื่อแฉฉก 2 พันยังปากแข็ง

14 ก.พ. 65

กรณีร.ต.อ.วัลลภ ยั่งยืน ร้อยเวร สภ.เมืองพัทลุง รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ รพ.พัทลุง ว่ามีผู้ป่วยกระโดดตึกได้รับบาดเจ็บก่อนจะเสียชีวิต ระหว่างการเข้ามารักษาตัวที่โรงพยาบาล ซึ่งเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นในเวลา 18.20 น. ของวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 65 ที่ผ่านมา 

271305121147

จากการสอบสวนทราบว่า ผู้เสียชีวิตได้เข้ารักษาตัวเป็นผู้ป่วยภายในตึก 8 ชั้น 5 รพ.พัทลุง เมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ทราบชื่อนายผวน ท่าจีน อายุ 59 ปี ชาวจังหวัดตรัง มีอาการป่วยเป็นโรคมะเร็ง และมีประวัติเป็นนักโทษคดีข่มขืนผู้สูงอายุ ในพื้นที่ ต.นาโหนด อ.เมือง จ.พัทลุง เมื่อ 2 ปีก่อน และคดีลักทรัพย์ในหลายพื้นที่

962502

ล่าสุดวันที่ 14 ก.พ.65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมายัง สำนักสงฆ์ทุ่งชน ต.นาบินหลา อ.เมืองตรัง จ.ตรัง พบว่าภายในงานศพ มีญาติที่เป็นพี่ชายเพียงแค่คนเดียว และบรรดาเพื่อนบ้านเข้ามาร่วมฟังสวดอภิธรรมศพของนายผวน โดยบรรดาญาติและพี่ชายยืนมองดูควันที่ลอยขึ้นปล่องเมรุด้วยความโศรกเศร้า ในขณะที่ท้องฟ้ามืดครึ้ม ฝนยังตกลงมาอย่างต่อเนื่อง

517716

ทีมข่าวได้เข้าพูดคุยกับนายผัน ท่าจีน อายุ 65 ปี พี่ชายของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า นายผวน น้องชายของตน ก่อนที่จะเกิดเหตุเข้าเรือนจำ เขาเป็นคนทำงานไม่เป็นหลักแหล่ง รับจ้างทั่วไป คล้ายกับว่าไม่มีหน้าที่การงานประจำ ตนทราบว่าน้องชายเป็นโรคมะเร็งระยะสุดท้าย เข้าโรงพยาบาลมาแล้วกว่า 3 ครั้ง ซึ่งตนไม่ได้ติดต่อพูดคุยกับน้องชาย เนื่องจากตนทำงานประมงที่จังหวัดนครศรีธรรมราช แทบจะไม่ได้อยู่บ้าน ออกเรือไปครั้งหนึ่งประมาณ 14-15 วัน และกลับขึ้นฝั่งแค่ 1-2 วัน ทำเช่นนี้มานานแล้ว ตนก็แทบจะไม่ได้พบเจอน้องชาย หรือโทรศัพท์ติดต่อกัน 

748564588979

กระทั่งตนมาทราบว่าน้องชายกระโดดตึกเสียชีวิต เมื่อวานนี้ (13 ก.พ.65) ตนยอมรับว่าไม่ได้ติดใจสาเหตุการเสียชีวิตแต่อย่างใด เพราะน้องชายคงจะเจ็บปวดและทรมานมานานแล้ว และคงไม่อยากทรมานอีกต่อไป จึงตัดสินใจก่อเหตุเช่นนั้น

ต่อมาทีมข่าวได้เดินทางมาที่ ต.นาโหนด อ.เมือง จ.พัทลุง ซึ่งเป็นบ้านพักของเหยื่อในคดีข่มขืน อายุ 80 ปี ขณะนี้คุณยายสุขภาพร่างกายแข็งแรงขึ้น และเดินเหินได้ปกติ แต่สีหน้าค่อนข้างกังวลเล็กน้อย

859415

นางน้อย (นามสมมติ) อายุ 81 ปี ผู้เสียหาย ระบุว่า ตนทราบเรื่องเมื่อวานนี้ (13 ก.พ.65) ยอมรับว่าไม่ได้รู้สึกอะไรแล้ว และไม่รู้จะพูดอย่างไร เพราะเหตุการณ์ผ่านมานานแล้ว ซึ่งในวันที่ 28 ก.พ.65 ศาลจังหวัดตรัง ก็ได้นัดตนเข้าไปฟังศาลไต่สวน เนื่องจากที่ผ่านมาผู้ก่อเหตุรับสารภาพว่าได้ก่อเหตุจริง แต่ไม่รับสารภาพเรื่องคดีลักทรัพย์ ที่ขโมยเงินของตน จำนวน 2,000 บาท

"ตอนนี้มารู้ว่าเสียชีวิตแล้ว ก็รู้สึกโล่งใจดี และคาดว่าวันที่ 28 ก.พ. จะเดินทางไปฟังคำตัดสินของศาลต่อไป ส่วนทางญาติของผู้เสียชีวิตไม่เคยติดต่อหรือพูดคุยอะไรเลย ตอนนี้สุขภาพร่างกายก็อายุเยอะมากขึ้นแล้ว ทานอาหารได้น้อย และปวดเนื้อตัว ตามภาษาคนมีอายุ" ผู้เสียหาย กล่าว 

831205

ต่อมาทีมข่าวได้พูดคุยกับ นางแก้ว (นามสมมติ) อายุ 59 ปี ลูกสาวของนางน้อย สีหน้าค่อนข้างเคร่งเครียด เนื่องจากกังวลและห่วงแม่ เปิดเผยว่า ตนทราบข่าวจากหลานโทรศัพท์มาเล่าให้ฟังว่า นายผวน เสียชีวิตแล้ว ซึ่งในวันที่ 28 ก.พ.65 ที่จะถึงนี้ ตนก็ตั้งใจแล้วว่าจะต้องพาแม่เดินทางไปยังศาลจังหวัดตรัง เพื่อรับฟังคำตัดสินของศาล ตนยอมรับว่าโล่งใจมาก ๆ คนผิดก็ได้รับชดใช้กรรมที่กระทำเอาไว้แล้ว ถือว่าเป็นเวรเป็นกรรมของเขา เพราะเขาทำตัวเอง อีกทั้ง ตนรู้สึกปลอดภัยเป็นอย่างมาก เนื่องจากหากเขายังอยู่แล้วออกมาจากเรือนจำ ครอบครัวกลัวความปลอดภัย รู้สึกไม่ดี ไม่อยากพบเจอหน้า และไม่อยากรับรู้เรื่องราวชีวิตของเขาอีกด้วย 

279940

นายนิคม (นามสมมติ) ชาวบ้าน กล่าวว่า ตนอยู่บ้านใกล้เคียงผู้เสียชีวิต เพราะรู้จักกันมานาน นายผวน เคยทำอาชีพขับรถบรรทุกสิบล้อ และรับจ้างทั่วไป ไม่มีงานเป็นหลักแหล่ง อีกทั้งช่วงหลายปีที่ผ่านมา ตนมาทราบว่าเขามีพฤติกรรมชายรักชาย แต่จะมักชื่นชอบผู้สูงอายุ ระหว่าง 60-80 ปี 

นอกจากนี้ นายผวน เป็นคนมือไวชอบหยิบฉวยขโมยเงินเป็นประจำ หยิบเล็ก ๆ น้อย ๆ ครั้งละ 500-2000 บาท ตนก็ทราบดีเพราะว่านายผวน ฐานะยากจน และมีพฤติกรรมลักษณะนี้บ่อยครั้ง กระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวไปในข้อหาข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ หรือโดยทำให้ผู้อื่นนั้นเข้าใจผิดว่าตนเป็นบุคคลอื่น และลักทรัพย์ขโมยเงิน 2,000 บาท ก็ไม่เคยได้ติดต่อกันอีกเลย

"ผมมารู้ว่าเขาป่วยก็ช่วงที่เข้าไปอยู่ภายในเรือนจำ ผมเลยมองว่า เขาคงคิดแล้วและคิดมาดีแล้ว ถึงอยู่ไปก็ทนทุกข์ทรมานกับโรคประจำตัว อีกทั้งถ้าออกมาจากเรือนจำ ก็อาจจะทำให้อยู่ในสังคมยากลำบาก คงตัดสินใจกระทำครั้งนี้ดีแล้ว" ชาวบ้าน กล่าว

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส