เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 8 ธันวาคม 2564 พนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี รับแจ้งเหตุชายคลุ้มคลั่งทำร้ายแม่เสียชีวิต ภายในอาคารมหาทุน พลาซ่า ถนนเพลินจิต ตรวจสอบที่เกิดเหตุบริเวณลานจอดรถชั้น 4 ทราบว่าผู้ก่อเหตุได้ขังตัวเองอยู่ภายในห้องนอน ซึ่งอยู่ในศูนย์อาหาร
เจ้าหน้าที่พยายามเกลี้ยกล่อม จนคนร้ายยอมเปิดประตูออกมามอบตัว ทราบชื่อต่อมา นายวรพล อายุ 26 ปี จึงนำตัวผู้ต้องหาไปสอบสวนที่ สน.ลุมพินี
ภายหลังจากนำตัวผู้ต้องหาออกไปแล้ว เจ้าหน้าที่ตรวจสอบภายในห้องนอน พบศพนางอรทัย อายุ 60 ปี เจ้าของร้านขายอาหารตามสั่ง สภาพศพนอนหงายจมกองเลือดอยู่ที่พื้นห้องนอน ที่บริเวณใบหน้ามีถุงพลาสติกครอบ และพันรัดอยู่ 4 ใบ ข้างกายพบอาวุธมีดจำนวน 2 เล่ม สอบสวนทราบว่าผู้ก่อเหตุคือลูกชายแท้ ๆ ซึ่งมีอาการทางจิต เนื่องจากมีภาวะเครียดจากงาน
วันที่ 9 ธ.ค. 64 เวลา 14.30 น. ครอบครัวนำโดยสามีและลูกชายผู้ตาย เดินทางรับศพนางอรทัย โดยต่างร้องไห้กอดคอกัน และบอกให้นางอรทัยกลับบ้าน ไม่ต้องห่วงอะไรแล้ว
นายอรรนพ ลูกชายผู้ตาย ระบุว่า นายวรพล น้องชายทำงานเป็นวิศวกรที่บริษัทแห่งหนึ่งในจังหวัดระยอง แต่ก่อนหน้านี้เริ่มมีอาการหลอน คิดไปเองว่าจะมีคนทำร้าย ทางครอบครัวจึงรับตัวกลับมา และพาไปหาหมอเมื่อประมาณ 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งหมอก็วิเคราะห์ว่ามีอาการทางประสาท และกำลังรอยาเพื่อนำมากินรักษาตัว แต่เกิดเหตุขึ้นก่อน
โดยตนไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่แม่พาน้องไปขายของด้วย เพื่อไม่ให้น้องเครียด ส่วนตัวเชื่อว่าน้องชายทำไปเพราะอาการทางประสาทกำเริบ เนื่องจากปกติน้องชายเป็นคนรักครอบครัวมาก ไม่เคยทำร้ายคนในครอบครัวแม้แต่ครั้งเดียว
นายอรรนพ กล่าวทั้งน้ำตาว่า เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ความรู้สึกของตน ยอมรับว่ายังรักน้องชายเหมือนเดิม หลังจากนี้ก็จะพาน้องชายไปรักษาตัวตามกระบวนการ เพราะจากการสอบถามตำรวจ ระบุว่าน้องชายก่อเหตุในขณะที่มีอาการทางประสาท บทลงโทษก็อาจจะน้อยกว่าบุคคลทั่วไป ซึ่งตอนนี้ตนยังไม่ได้คุยกับน้อง ทราบว่าได้รับยาระงับประสาทแล้ว อาการน่าจะเริ่มดีขึ้น แต่น้องไม่น่าจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ทีมข่าวเดินทางไปที่วัดสารอด เขตราษฎร์บูรณะ ญาติรับศพนางอรทัย มาประกอบพิธีทางศาสนา นางบังอร คล้ายบุตร อายุ 63 ปี พี่สาวผู้ตาย เล่าว่า ช่วงกลางวันนางอรทัย กับนายวรพล ก็ช่วยกันขายของตามปกติ จนเวลาประมาณ 16.00 น. นายเบสจะเดินลงข้างล่าง นางอรทัยจึงถามลูกชายว่าจะไปไหน นายวรพลบอกว่ามีคนจะทำร้าย ด้วยความเป็นห่วงลูกชายนางอรทัยก็เดินตามลงไปด้วย
หลังจากนั้นเวลาประมาณ 17.00 น. นางอรทัยก็เดินกลับขึ้นมา ซึ่งนายวรพลก็เดินตามกลับมาด้วย
จากนั้นไม่นายวรพลก็เดินลงไปข้างล่างอีก นางอรทัยจึงโทรศัพท์ตาม แต่ลูกชายไม่รับโทรศัพท์ ระหว่างนั้นมีลูกค้ามาสั่งอาหาร ตนจึงเดินเข้าไปทำอาหารในครัว ขณะนั้นไม่เห็นว่าน้องสาวหายไปไหน แต่คาดว่านายวรพลน่าจะเดินกลับขึ้นมาและเข้าไปในห้องนอน นางอรทัยจึงเดินตามไป
จากนั้นตนได้ยินเสียงนางอรทัย ร้องเรียกชื่อตนพร้อมพูดว่า "ช่วยด้วย ๆ" ตนจึงวิ่งไปที่ห้องนอนซึ่งปิดล็อกไว้ และบอกนายวรพลว่า "อย่าทำอะไรแม่นะ" ก่อนจะวิ่งไปเรียก รปภ. และวิ่งกลับมาที่ห้อง ซึ่งตนก็ก้มมองข้างล่างประตู ขณะนั้นนางอรทัยยังร้องว่า "ช่วยด้วย ๆ" และคำสุดท้ายพูดว่า "ไม่ไหวแล้ว"
จากนั้นนายวรพลก็ตะโกนออกมาจากในห้องบอกให้ตนลงไปชั้น 1 ซึ่งตนก็ไม่รู้เหตุผล และไม่ได้ลงไป ได้แต่วิ่งเข้าไปหลบในห้องครัว จากนั้นนายเบสก็เดินมานอกห้อง และหยิบมีด 2 เล่ม พร้อมเดินกลับเข้าไปในห้อง จนเวลาประมาณ 18.00 น. มีลูกค้ามารับข้าวในร้าน ตนจึงขอให้ลูกค้าพาตัวเองออกมาข้างนอกด้วย กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาควบคุมสถานการณ์
ทั้งนี้นายเบสมาช่วยแม่ขายของอยู่ประมาณ 2 สัปดาห์แล้ว โดยนางอรทัยเป็นคนไปรับกลับมาจากที่ทำงานใน จ.ระยอง ที่ผ่านมานายเบสสามารถทำงานได้ปกติ แต่มักมีอาการระแวง คิดว่าจะมีคนมาทำร้ายตลอดเวลา
นอกจากนี้ ทีมข่าวเดินทางไปที่จุดเกิดเหตุศูนย์อาหารติดกับลานจอดรถ ลักษณะเป็นห้องกระจกโดยมีห้องพักอยู่ด้านใน โดยประตูถูกปิดไว้