ธุรกิจการตลาด

คนทำ Youtube ต้องดูไว้! ยูทูบปรับ 3 เรื่องใหญ่ แบ่งรายได้ให้ครีเอเตอร์

22 ก.ย. 65
คนทำ Youtube ต้องดูไว้! ยูทูบปรับ 3 เรื่องใหญ่ แบ่งรายได้ให้ครีเอเตอร์

Youtube ปรับ 3 เรื่องใหญ่ "พาร์ทเนอร์-Shorts-การใช้เพลง" มุ่งปั้นฟีเจอร์ Shortsยิงโฆษณาได้ แบ่งรายได้ให้ครีเอเตอร์ 45% หวังแข่ง Tiktok


เมื่อคืนที่ผ่านมา Youtube แพลตฟอร์มวิดีโอสตรีมมิ่งของกูเกิล ได้จัดงาน Made on YouTube เพื่อประกาศแผนและคุยเรื่องทิศทางการสร้างคอนเทนต์ภายในชุมชนครีเอเตอร์ที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ และช่วยให้ครีเอเตอร์กว่า 2 ล้านรายสร้างรายได้จาก YouTube ผ่านการสร้างสรรค์เนื้อหารูปแบบต่างๆ 

งานนี้มีหัวใจหลักอยู่ที่ฟีเจอร์ "Shorts" คอนเทนต์สั้นแนวตั้งที่ Youtube ปูมาเพื่อแข่งกับ Tiktok โดยเฉพาะ ซึ่งกลยุทธ์หลักที่จะใช้ในการแข่งขันก็คือ "เงิน" (ส่วนแบ่งรายได้) ที่แชร์ให้กับครีเอเตอร์นั่นเอง 

และนอกจากนี้ก็ยังมีรายละเอียดสำคัญในเรื่อง "โปรแกรมพาร์ทเนอร์" กับ "การใช้เพลงประกอบวิดีโอ" ที่บรรดาคนทำคอนเทนต์ใน Youtube จำเป็นต้องรู้เอาไว้ด้วย!

 


พร้อมยิงแอดบน Shorts แชร์รายได้ให้ครีเอเตอร์ 45%

Youtube เคยเปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า ฟีเจอร์คลิปวิดีโอสั้นอย่าง "Shorts" มีผู้รับชมทั่วโลกต่อเดือนมากถึงกว่า 1,500 ล้านคน มียอดดูกว่า 3 หมื่นล้านครั้งต่อวัน และตอนนี้ก็พร้อมแล้วที่จะเปิดให้มีการยิงแอดโฆษณาในคอนเทนต์สั้นตัวนี้ได้

แต่เดิมนั้น ส่วนแบ่งรายได้ของคนทำคลิปสั้น Shorts จะมาจากเงินทุนส่วนที่ยูทูบตั้งเอาไว้เฉพาะ ซึ่งอยู่ที่ 100 ล้านดอลลาร์ (ราว 3,700 ล้านบาท) เมื่อปีที่แล้ว แต่ตอนนี้กำลังจะเปลี่ยนมาเป็นการยิงแอดโฆษณาแล้วแบ่งรายได้กันเหมือนกับตัววิดีโอปกติ แต่จะต่างตรงที่ได้ส่วนแบ่งน้อยกว่า Youtube จะแบ่งรายได้จากการโฆษณาในคอนเทนต์วิดีโอปกติให้กับคอนเทนต์ครีเอเตอร์ 55% แต่สำหรับวิดีโอสั้น Shorts จะแบ่งรายได้โฆษณาให้ 45% 

อย่างไรก็ตาม แม้จะแบ่งรายได้ให้น้อยกว่าวิดีโอปกติ แต่ถ้าเทียบกับคู่แข่งอย่าง Tiktok แล้วก็ยังดูได้เปรียบกว่า 

เพราะฝั่งติ๊กต่อกนั้นใช้วิธีจ่ายค่าตอบแทนจาก Creator Fund ซึ่งเป็นวงเงินคงที่ไม่ได้ผันแปรตามแอดโฆษณา โดยมีวงเงินอยู่ประมาณ 1,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 3.7 หมื่นล้านบาท) ซึ่งครีเอเตอร์คนดังหลายรายพูดถึงปัญหาเป็นเสียงเดียวกันว่า ได้ส่วนแบ่งรายได้จริงน้อย เช่น ดาวติ๊กต่อกอย่าง Kevin Yatsushiro ที่มียอดติดตามอยู่ 5.89 แสนแอคเคาท์ มีคนกด like รวม 16.3 ล้านไลค์ สามารถทำคอนเทนต์ไวรัลที่มีคนคลิกดูราว 3 ล้านวิว แต่เขาได้ค่าคอนเทนต์เพียง 12.50 ดอลลาร์ (460 บาท) เท่านั้น หรือ Alicia Trautwein ที่มียอดผู้ติดตาม 9.3 หมื่นแอคเคาท์ ก็เปิดเผยว่า ได้รับค่าตอบแทนจากการทำคลิปเพียง 10 ดอลลาร์ (ราว 370 บาท) ต่อเดือนเท่านั้น ถือเป็นยอดรายได้ที่น้อยกว่า Pinterest และ Instagram ด้วยซ้ำ 

"เราต้องการให้ยูทูบเป็นพื้นที่ที่คอยสนับสนุนมากที่สุดแก่เหล่าครีเอเตอร์ในการเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ดิจิทัล" นีล โมฮัน หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ของยูทูบ กล่าวในงาน

 youtube-shorts-algorithm-62e4

 

ขยายการเข้าถึงโปรแกรมพาร์ทเนอร์ YouTube

ตั้งแต่ต้นปี 2023 เป็นต้นไป ครีเอเตอร์ที่ใช้ Shorts เป็นหลักจะสามารถสมัครเข้าร่วมโปรแกรมพาร์ทเนอร์ YouTube ได้ เมื่อผ่านเกณฑ์การมีจำนวนผู้ติดตาม (Subscribers) ครบ 1,000 คน และมียอดดู Shorts ถึง 10 ล้านครั้ง ในช่วง 90 วันที่ผ่านมา

สำหรับพาร์ทเนอร์รายใหม่จะได้รับสิทธิประโยชน์ทั้งหมดที่มีในโปรแกรมพาร์ทเนอร์ YouTube รวมไปถึงการสร้างรายได้จากโฆษณาใน Shorts และวิดีโอแบบยาวปกติ ซึ่งเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่เพิ่มเข้ามาในส่วนของเกณฑ์เดิมที่มีอยู่ ส่วนครีเอเตอร์ผู้ทำคอนเทนต์วิดีโอปกติจะยังสามารถสมัครเข้าร่วมโปรแกรมพาร์ทเนอร์ YouTube ได้เมื่อมีผู้ติดตามครบ 1,000 คน และมีเวลาในการรับชมครบ 4,000 ชั่วโมง 

นอกจากนี้ YouTube ยังต้องการสนับสนุนเหล่าครีเอเตอร์หน้าใหม่ที่เพิ่งเริ่มในเส้นทาง YouTube โดยมีแผนที่จะเปิดตัว "โปรแกรมพาร์ทเนอร์ YouTube ในระดับใหม่ที่มีเกณฑ์ข้อกำหนดลดลง" ซึ่งจะช่วยให้ครีเอเตอร์เข้าถึงฟีเจอร์การให้เงินสนับสนุนของแฟนๆ ในหลายรูปแบบได้เร็วขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Super Thanks, Super Chat, Super Stickers และการเป็นสมาชิกของช่อง

 

เปิดตัว Creator Music ลดความยุ่งยากในการใช้เพลง

ความเข้มงวดในเรื่องลิขสิทธิ์และความยุ่งยากในการขอใช้เพลงในการประกอบคลิปวิดีโอ ทำให้ครีเอเตอร์ไม่ได้รับรายได้จากโฆษณาในวิดีโอแบบยาวที่มีการใช้เพลง ดังนั้น YouTube จึงเล็งเห็นโอกาสในการเป็นสะพานเชื่อมระหว่างวงการเพลงกับครีเอเตอร์ ด้วยการเปิดตัว Creator Music เพื่อให้ครีเอเตอร์สามารถเข้าถึงเพลงได้สะดวกขึ้น 

สำหรับการจ่ายเงินค่าซื้อเพลงนั้น จากเดิมที่ครีเอเตอร์จะถูกหักรายได้ทั้งหมดจากโฆษณาไปให้เจ้าของเพลง ตอนนี้จะเป็นการแบ่งรายได้กับเจ้าของเพลงแทน ในสัดส่วนที่ทางแพลตฟอร์มกำหนดรายละเอียดเอาไว้ ซึ่งจะทำให้ครีเอเตอร์โดยเฉพาะรายเล็กๆ ที่มีงบจำกัด มีทางเลือกในการเข้าถึงเพลงมากขึ้นและง่ายขึ้น ส่วนศิลปินและผู้สร้างเพลงก็ได้โอกาสที่เพลงจะถูกนำไปใช้ และผ่านหูผู้ชมคอนเทนต์มากขึ้นด้วย

ตอนนี้ Creator Music ยังเป็นเวอร์ชั่นทดลองอยู่ (Beta) แต่พร้อมจะเปิดตัวในสหรัฐก่อนใครในฤดูใบไม้ร่วงปีนี้ ก่อนที่จะขยายไปยังประเทศอื่นๆ ทั่วโลกในปีหน้า 2023  

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT