ตุ๊กตาหมีแสนน่ารักอย่าง แคร์แบร์ (Care Bears) ในเวลานี้่กำลังครองใจคนไทย แถมยังพาธุรกิจเล็กๆ อย่าง เทคทอยส์ (Taketoys) เติบโตอย่างก้าวกระโดด กวาดรายได้กว่า 200 ล้านบาท! ในปี 66 ที่ผ่านมา พร้อมเจาะลึกทุกแง่มุมความสำเร็จ ตั้งแต่จุดเริ่มต้น กลยุทธ์การขอลิขสิทธิ์ การตลาดสุดสร้างสรรค์ ไปจนถึงวิสัยทัศน์ และแผนธุรกิจในอนาคต ที่รับรองว่า ผู้ประกอบการ SME ต้องห้ามพลาด
จากธุรกิจเล็กๆ ที่เริ่มต้นด้วยการซื้อมาขายไป สู่การเป็นผู้ถือลิขสิทธิ์ "แคร์แบร์" และ Character ดังระดับโลกมากมาย เทคทอยส์ (Taketoys) ภายใต้การนำของคุณ อักษร จันทรโรจน์วานิช พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ความฝัน ความมุ่งมั่น และกลยุทธ์ทางการตลาดที่เฉียบคม สามารถพาธุรกิจไปสู่จุดสูงสุดได้
จากบทบทสัมภาษณ์ของทาง Bangkok Bank SME ที่ได้ไปร่วมพูดคุยกับ คุณอักษร จันทรโรจน์วานิช ผู้บริหาร บริษัท เทคทอยส์ จำกัด ถึงเส้นทางความสำเร็จ และวิสัยทัศน์อันเฉียบคม ที่นำพาบริษัทฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ จนมาถึงจุดเปลี่ยนสำคัญ และเติบโตอย่างแข็งแกร่งในปัจจุบัน
ย้อนกลับไปเมื่อ 4-5 ปีก่อน ชื่อของ "แคร์แบร์" ยังไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากนักในประเทศไทย คุณอักษรเล็งเห็นโอกาส เธอเริ่มทำการตลาดอย่างจริงจัง จน "แคร์แบร์" กลายเป็นตุ๊กตาที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม ความสำเร็จนี้จุดประกายให้คุณอักษรมองเห็นศักยภาพของธุรกิจตุ๊กตาลิขสิทธิ์ และตัดสินใจก้าวไปสู่การเป็นผู้ถือลิขสิทธิ์ Character อื่นๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น
คุณอักษร จันทรโรจน์วานิช เผยถึงความท้าทายในช่วงเริ่มต้นธุรกิจว่า "ความยากอยู่ที่การเรียนรู้ขั้นตอนต่างๆ ซึ่งมีความซับซ้อนมาก ไม่ว่าจะเป็น การออกแบบ การส่งตรวจสินค้า รวมถึงการวางแผนการตลาดให้ชัดเจน" แต่ด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมากว่า 3 ปี ทำให้ "เทคทอยส์" สามารถขยายธุรกิจ และนำเสนอสินค้าที่หลากหลายมากขึ้น
จากจุดเริ่มต้นที่ "เทคทอยส์" ถือลิขสิทธิ์ "แคร์แบร์" ร่วมกับโรงงานผลิต เมื่อธุรกิจเติบโตขึ้น คุณอักษรจึงตัดสินใจซื้อลิขสิทธิ์ Character อื่นๆ เพิ่มเติม เพื่อสร้างความหลากหลายให้กับสินค้า และเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจในระยะยาว แม้จะเป็นผู้เล่นรายใหม่ที่เข้าสู่ตลาดนี้ค่อนข้างช้า แต่ด้วยกลยุทธ์ทางการตลาดที่แข็งแกร่ง "เทคทอยส์" สามารถดึงดูดลิขสิทธิ์ใหม่ๆ เข้ามาเสริมทัพได้อย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นการผลิตสินค้าคุณภาพ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาด เช่น ตุ๊กตา พวงกุญแจ และสินค้าไลฟ์สไตล์อื่นๆ
"สำหรับการเปลี่ยนแปลงดีไซน์ของตัวละคร เราแทบจะไม่ทำเลยค่ะ เพราะต้องคำนึงถึงเอกลักษณ์ และภาพจำที่แฟนๆ คุ้นเคย หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยน เราจะพิจารณาอย่างรอบคอบ และนำเสนอให้เจ้าของลิขสิทธิ์อนุมัติก่อนเสมอ" คุณอักษร กล่าวเสริม นอกจากนี้ คุณอักษรยังอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับสัญญาลิขสิทธิ์ว่า โดยทั่วไปแล้ว สัญญาจะระบุประเภทสินค้าที่ได้รับอนุญาตให้ผลิตอย่างชัดเจน เช่น ตุ๊กตา เครื่องสำอาง เสื้อผ้า ซึ่ง "เทคทอยส์" จะยึดถือและปฏิบัติตามข้อกำหนดในสัญญาอย่างเคร่งครัด
คุณอักษร จันทรโรจน์วานิช เล่าถึงขั้นตอนการคัดเลือกและขอลิขสิทธิ์ Character ว่า "โดยส่วนใหญ่แล้ว เจ้าของลิขสิทธิ์จะเป็นฝ่ายติดต่อเข้ามาหาเราเอง หลังจากที่ได้เห็นผลงาน และความสำเร็จจากการทำตลาด 'แคร์แบร์' ค่ะ" แต่สำหรับ Character ใหม่ๆ ที่ยังไม่มีใครนำเข้ามาในประเทศไทย "เทคทอยส์" จะเป็นฝ่ายเริ่มต้นติดต่อไปยังเจ้าของลิขสิทธิ์โดยตรงผ่านทางอีเมล พร้อมนำเสนอแผนธุรกิจ และแผนการตลาดที่ชัดเจน เพื่อโน้มน้าวใจให้พวกเขามั่นใจในศักยภาพของบริษัท
"สิ่งที่ท้าทายที่สุด คือ การทำให้เจ้าของลิขสิทธิ์เห็นภาพว่า เราจะนำ Character ของเขาไปต่อยอดอย่างไร จะสร้างสรรค์สินค้าแบบไหน และจะทำการตลาดอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ" คุณอักษร กล่าว
แน่นอนว่า ความสำเร็จของ "แคร์แบร์" กลายเป็นเครื่องพิสูจน์ฝีมือ และเป็นใบเบิกทางสำคัญที่ช่วยให้ "เทคทอยส์" ได้รับความไว้วางใจจากเจ้าของลิขสิทธิ์รายอื่นๆ
"เทคทอยส์" เริ่มต้นธุรกิจสินค้าลิขสิทธิ์อย่างจริงจังในปี 2564 โดยมี "แคร์แบร์" เป็นลิขสิทธิ์แรก ด้วยวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล และความมุ่งมั่นในการพัฒนาธุรกิจ เพียง 3 ปี "เทคทอยส์" ก็สามารถขยายไลน์สินค้า ครอบคลุม Character ที่ได้รับความนิยมมากมาย เช่น เอสเธอร์ บันนี่ ดิสนีย์ เทเลทับบี้ส์ และเซซามีสตรีท โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การได้รับลิขสิทธิ์ "ดิสนีย์" แบบครบทุกตัวละคร ถือเป็นข้อได้เปรียบสำคัญที่ทำให้ "เทคทอยส์" แตกต่างจากคู่แข่ง
การทำตลาด Pop Culture ซึ่งเกี่ยวข้องกับสินค้า บริการ หรือประสบการณ์ที่เชื่อมโยงกับวัฒนธรรมกระแสหลัก (Mainstream) "เทคทอยส์" ให้ความสำคัญกับการสร้างคุณค่า และมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า โดยนำเสนอตุ๊กตาในมุมมองของ "ของสะสม" ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว พร้อมดึงจุดเด่นของ Character แต่ละตัว เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย
"เราจะสื่อสารเรื่องราว และความหมายของ Character ให้ลูกค้าเข้าใจ เช่น 'แคร์แบร์' แต่ละตัวจะมีสี และสื่อถึงความหมายที่แตกต่างกัน เพื่อให้ลูกค้าเกิดความผูกพัน และอยากจะสะสมให้ครบทุกตัว" คุณอักษร อธิบาย นอกจากนี้ "เทคทอยส์" ยังสร้างความพิเศษให้กับสินค้า เช่น การออกแบบคอลเลคชั่น Limited Edition เพื่อกระตุ้นความต้องการของนักสะสม และสร้างความรู้สึกตื่นเต้นให้กับลูกค้า
ย้อนกลับไปเมื่อ 4 ปีก่อน "แคร์แบร์" ยังไม่เป็นที่รู้จักในประเทศไทย "เทคทอยส์" จึงให้ความสำคัญกับการสร้าง Content ที่สื่อสารความหมายของ "แคร์แบร์" แต่ละตัว เช่น Goodluck Bear (สีเขียว) เป็นตัวแทนของความโชคดี การนำเสนอในลักษณะนี้ ทำให้ลูกค้าเห็นคุณค่า และความน่าสนใจ ซึ่งนำไปสู่การสะสม และการตกแต่ง
อีกหนึ่งตัวอย่าง คือ "เทเลทับบี้ส์" ซึ่งเป็นที่นิยมไปทั่วโลก แต่เพิ่งมีการเปิดตัวสินค้าอย่างเป็นทางการในประเทศไทย "เทคทอยส์" เลือกที่จะนำเสนอ "เทเลทับบี้ส์" ผ่านมุมมองของ "ความเท่าเทียมทางเพศ" ซึ่งสอดคล้องกับ Character ของตัวละคร และเปิดตัวในช่วง Pride Month เพื่อสร้างกระแส และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย
"เทคทอยส์" ใช้กลยุทธ์ Influencer Marketing โดยร่วมงานกับ Influencer และ KOL เพื่อสร้างการรับรู้ และกระตุ้นความสนใจในแบรนด์ "แคร์แบร์" โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงแรกที่ Character ยังไม่เป็นที่รู้จัก การร่วมงานกับ Influencer ช่วยให้แบรนด์เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากขึ้น "ในการเลือกสินค้าสำหรับแคมเปญ เราจะเน้นคอลเลคชั่นพิเศษตามเทศกาล เช่น คอลเลคชั่นคริสต์มาส โดยเลือก Character ที่เหมาะสมกับธีมในช่วงเวลานั้นๆ" คุณอักษร กล่าว
นอกจากนี้ "เทคทอยส์" ยังให้ความสำคัญกับการติดตามเทรนด์ และสถานการณ์ปัจจุบัน เพื่อปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ทางการตลาดให้สอดคล้องกับความสนใจของผู้บริโภค อยู่เสมอ "ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อ คือ ความสำเร็จของการทำการตลาด หากเราทำการตลาดได้ดี โอกาสในการต่อสัญญากับเจ้าของลิขสิทธิ์ก็จะสูงขึ้น" คุณอักษร อธิบาย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหลังสถานการณ์โควิด-19 "เทคทอยส์" ได้ขยายช่องทางการจัดจำหน่ายไปยังห้างสรรพสินค้าชั้นนำ แม้ว่าตุ๊กตาจะเป็นสินค้าสำหรับเด็ก แต่กลุ่มลูกค้าของ "เทคทอยส์" มีความหลากหลาย ทั้งเด็ก วัยรุ่น และผู้ใหญ่ ที่ชื่นชอบการสะสม ซึ่งสอดคล้องกับกระแสความนิยมของ Art Toy ที่กำลังเติบโตขึ้นในปัจจุบัน
เพื่อรักษาความนิยมของสินค้า "เทคทอยส์" มุ่งเน้นการสร้างสรรค์คอลเลคชั่นพิเศษ และ Limited Edition เช่น คอลเลคชั่นฉลองครบรอบ หรือคอลเลคชั่นตามเทศกาลต่างๆ ซึ่งเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าเกิดความต้องการ และตัดสินใจซื้อซ้ำอย่างต่อเนื่อง
แคร์แบร์ ไม่ได้เป็นแค่ของเล่น แต่สามารถต่อยอดสู่ธุรกิจไลฟ์สไตล์ที่ตอบโจทย์คนยุคนี้ได้อย่างน่าสนใจ ด้วย 8 กลยุทธ์หลัก ดังนี้
หน่วย : บาท
|
2562 | 2563 | 2564 | 2565 | 2566 | |||||
จำนวนเงิน | %เปลี่ยนแปลง | จำนวนเงิน | %เปลี่ยนแปลง | จำนวนเงิน | %เปลี่ยนแปลง | จำนวนเงิน | %เปลี่ยนแปลง | จำนวนเงิน | %เปลี่ยนแปลง | |
รายได้หลัก | 17,473,247.95 | 40.82 | 12,043,100.57 | -31.07 | 17,995,856.29 | 49.42 | 42,595,373.69 | 136.69 | 257,119,269.48 | 503.63 |
รายได้รวม | 17,487,851.32 | 40.86 | 12,064,845.31 | -31.01 | 17,996,022.98 | 49.16 | 44,659,531.17 | 148.16 | 257,970,489.48 | 477.63 |
ต้นทุนขาย | 15,425,058.17 | 42.74 | 8,909,257.30 | -42.24 | 13,279,459.14 | 49.05 | 35,524,930.04 | 167.51 | 226,004,755.35 | 536.18 |
กำไร(ขาดทุน) ขั้นต้น | - | 0 | - | 0 | - | 0 | - | 0 | - | 0 |
ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร | 413,401.77 | -67.28 | 2,288,866.02 | 453.66 | 4,198,511.39 | 83.43 | 7,689,283.97 | 83.14 | 27,555,884.46 | 258.36 |
รายจ่ายรวม | 15,838,459.94 | 31.22 | 11,198,123.32 | -29.29 | 17,477,970.53 | 56.07 | 43,214,214.01 | 147.24 | 253,560,639.81 | 486.75 |
ดอกเบี้ยจ่าย | - | 0 | - | 0 | 14,449.03 | 0 | 2,230.76 | -84.56 | 23,526.66 | 954.64 |
กำไร(ขาดทุน) ก่อนภาษี | 1,649,391.38 | 377.81 | 866,721.99 | -47.45 | 503,603.42 | -41.89 | 1,443,086.40 | 186.55 | 4,386,323.01 | 203.95 |
ภาษีเงินได้ | 206,956.45 | 2,952.98 | 85,028.44 | -58.91 | 41,782.66 | -50.86 | 206,072.12 | 393.2 | 878,804.56 | 326.45 |
กำไร(ขาดทุน) สุทธิ | 1,442,434.93 | 326.23 | 781,693.55 | -45.8 | 461,820.76 | -40.92 | 1,237,014.28 | 167.85 | 3,507,518.45 | 183.54 |
โลกของสินค้าลิขสิทธิ์เต็มไปด้วยสีสันและการแข่งขัน เทรนด์ใหม่ๆ ผุดขึ้นราวกับดอกเห็ด ท้าทายให้ผู้เล่นในตลาดต้องปรับตัวอยู่เสมอ เทคทอยส์เองก็เช่นกัน เรามีแผนธุรกิจที่แข็งแกร่งเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต โดยปีนี้ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 800 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจในหลายมิติ
หนึ่งในก้าวสำคัญของเราคือการจัดตั้งบริษัทใหม่เพื่อเปิดร้านมัลติแบรนด์ "Seek and Keep Club" ที่รวบรวมสินค้าไลฟ์สไตล์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นสินค้าลิขสิทธิ์ของเทคทอยส์เอง สินค้าจากดีไซเนอร์ไทย หรือแบรนด์ดังจากต่างประเทศ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า โดยในปีหน้า เรามีแผนขยายสาขา Seek and Keep Club เพิ่มอีก 3-4 สาขา ส่วน Care Bears Café คาเฟ่สุดน่ารักในธีมแคร์แบร์ จะยังคงรักษาเอกลักษณ์เฉพาะตัวไว้ โดยคงจำนวนสาขาไว้ที่ 2 สาขา
แน่นอนว่าการเลือกคาแรคเตอร์ใหม่ๆ เข้ามาเสริมทัพ เป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญ เราจะทำการวิจัยตลาดอย่างละเอียด เพื่อศึกษาความนิยมของผู้บริโภคชาวไทย โดยผสานข้อมูลจากการสำรวจตลาดเข้ากับไอเดียสร้างสรรค์ของทีมงาน เพื่อให้ได้คาแรคเตอร์ที่โดนใจและตรงกับความต้องการของตลาดมากที่สุด
หนึ่งในเคล็ดลับความสำเร็จของเราคือ "ทีมงาน" ที่เปรียบเสมือนหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจ ยิ่งธุรกิจเติบโต ยิ่งต้องการทีมงานที่แข็งแกร่ง มีความสามารถหลากหลาย และพร้อมที่จะร่วมมือกันฝ่าฟันทุกอุปสรรค ปัจจุบัน เรากำลังพัฒนาคาแรคเตอร์ใหม่ที่เป็นลิขสิทธิ์ของไทยเอง โดยอ้างอิงจากเทรนด์ที่กำลังมาแรง ตอบโจทย์ความต้องการของตลาด และมีเอกลักษณ์ที่แตกต่าง เพื่อสร้างความตื่นเต้นให้กับวงการสินค้าลิขสิทธิ์
สำหรับแผนในอนาคต 3 ปีข้างหน้า เราจะมุ่งเน้นการพัฒนาธุรกิจเดิมให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยให้ความสำคัญกับการสร้างทีมงานที่มีประสิทธิภาพ และการพัฒนาสินค้าลิขสิทธิ์ใหม่ๆ เพื่อเพิ่มความหลากหลายให้กับไลน์สินค้า หากมีโอกาส เราจะพิจารณาซื้อลิขสิทธิ์ อื่นๆ เพิ่มเติม เพื่อขยายฐานลูกค้าและสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ
แม้ปัญหาการลอกเลียนแบบจะเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยาก แต่เราเชื่อมั่นว่า "คุณภาพ" และ "ความเป็นเอกลักษณ์" ของสินค้า จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ลูกค้าเลือก เทคทอยส์ โดยเฉพาะกลุ่มนักสะสม ที่ให้ความสำคัญกับสินค้าลิขสิทธิ์แท้ เรายังให้ความสำคัญกับการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า ผ่าน Digital Transformation เช่น การทำ CRM โดยเฉพาะกับลูกค้าที่สมัครสมาชิกผ่านร้าน Seek and Keep Club เพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์และพัฒนาผลิตภัณฑ์และกลยุทธ์ทางการตลาด ให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด นอกจากนี้ เรายังใช้ข้อมูลจากระบบหลังบ้าน เพื่อวางแผนการผลิตและจัดการสต็อกสินค้าให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
คุณอักษร ฝากแง่คิดสำหรับผู้ประกอบการ SME ที่สนใจธุรกิจสินค้าลิขสิทธิ์ว่า สิ่งสำคัญคือการวิเคราะห์จุดแข็งและศักยภาพของตัวเอง รวมถึงการวางแผนธุรกิจอย่างครอบคลุม โดยเฉพาะขั้นตอนการติดต่อขอซื้อลิขสิทธิ์ ที่ต้องมีความละเอียดรอบคอบ และมีความชัดเจนในด้านการตลาด
อีกหนึ่งสิ่งที่ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ไม่ควรมองข้ามคือ แนวคิด "Win-Win" การสร้างประโยชน์ร่วมกันกับคู่ค้าในการเจรจาธุรกิจ จะทำให้เกิดความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งรู้สึกเสียเปรียบ ความร่วมมือก็อาจจะไม่ราบรื่น นี่คือวิสัยทัศน์และแผนธุรกิจในอนาคตของ เทคทอยส์ เรามุ่งมั่นที่จะนำเสนอสินค้าลิขสิทธิ์คุณภาพ สร้างประสบการณ์สุดประทับใจ และเติบโตเคียงข้างไปกับลูกค้า ในตลาดที่เต็มไปด้วยความท้าทายและโอกาสอันไร้ขีดจำกัด
จะเห็นได้ว่า ความสำเร็จของ "แคร์แบร์" ในยุคนี้ ไม่ได้มาจากความน่ารักเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากการวางกลยุทธ์ทางการตลาดที่เข้าใจกลุ่มเป้าหมาย ผสมผสานการใช้สื่อออนไลน์ และการสร้างสรรค์ประสบการณ์ใหม่ๆ ซึ่งทำให้ "แคร์แบร์" กลายเป็นมากกว่าตุ๊กตา แต่เป็นไลฟ์สไตล์ที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ได้อย่างแท้จริง
ที่มา ธนาคารกรุงเทพ FB และ datawarehouse