
วันที่ 23 ธ.ค. 2568 สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) โดย ดร.พิเชษฐ์ หนองช้าง เลขาธิการ สพฉ. แถลงข่าวการเตรียมความพร้อมระบบการแพทย์ฉุกเฉินและติดตามเฝ้าระวังดูแลความปลอดภัยในชีวิตของพี่น้องประชาชน ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2569 ซึ่งเป็นช่วงเวลาแห่งการเดินทาง เพื่อสังสรรค์มีความสุขร่วมกับครอบครัวและคนที่รัก ในการแถลงข่าวและรณรงค์ ขับขี่ปลอดภัย ลดความเร็ว ลดอุบัติเหตุ “ง่วงไม่ขับ ชีวิตไม่เสี่ยง” โดยมี นายวรโชติ สุคนธ์ขจร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน ณ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข
ดร.พิเชษฐ์ กล่าวว่า จากข้อมูลของศูนย์นเรนทร สพฉ. ระบุว่า ในช่วง 10 วันอันตรายเทศกาลปีใหม่ 2568 ที่ผ่านมา กลุ่มอาการนำที่มีการออกปฏิบัติการการแพทย์ฉุกเฉินสูงสุดอันดับแรกคือ อุบัติเหตุยานยนต์ ซึ่งรวมทั้ง 10 วันมียอดสูงถึง 18,643 ครั้ง แบ่งระดับความรุนแรงของผู้บาดเจ็บฉุกเฉินออกเป็นผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต (สีแดง) 2,324 ราย คิดเป็นร้อยละ 13.32 ของผู้ป่วยทั้งหมด ผู้ป่วยฉุกเฉินเร่งด่วน (สีเหลือง) 13,678 ราย คิดเป็นร้อยละ 78.42 และผู้ป่วยฉุกเฉินไม่เร่งด่วน (สีเขียว) 1,439 ราย คิดเป็นร้อยละ 8.26 โดยมีผู้เสียชีวิตจำนวน 139 ราย ซึ่งลดลงจากช่วงเทศกาลปีใหม่ในปีก่อนหน้า ซึ่งช่วงเวลาที่เกิดเหตุมากที่สุด 3 อันดับแรก คือ ช่วงเวลา 18.00 น. ลำดับที่สองคือช่วงเวลา 14.00 น. และช่วงเวลา 17.00 น. และจังหวัดที่เกิดเหตุมากที่สุด 5 ลำดับแรก ได้แก่ นครราชสีมา ชลบุรี ขอนแก่น เชียงใหม่ และอุบลราชธานี ตามลำดับ
สพฉ. ได้บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ในการติดตามและเฝ้าระวังอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลสำคัญของประเทศ รวมถึงเทศกาลปีใหม่ที่จะถึงนี้ และได้เตรียมความพร้อมและประสานงานเครือข่ายความร่วมมืออย่างเข้มแข็ง ศูนย์รับแจ้งเหตุและสั่งการ 1669 ทั้ง 80 ศูนย์ครอบคลุมทุกจังหวัด พร้อมทั้งโรงพยาบาลของรัฐและเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มูลนิธิ และสมาคมต่างๆ ทั่วประเทศ รวมถึงบุคลากรด้านการแพทย์ฉุกเฉิน ทั้งแพทย์ พยาบาล นักฉุกเฉินการแพทย์ อาสาสมัคร และอาสาฉุกเฉินชุมชนทั่วประเทศ และที่สำคัญยังได้นำนวัตกรรมแห่งการช่วยชีวิต NDEMS Platform (National Digital Emergency Medical Services Platform) ดิจิทัลแพลตฟอร์มกลางด้านการแพทย์ฉุกเฉินของประเทศ มาใช้ในการสนับสนุนการปฏิบัติงานด้านการแพทย์ฉุกเฉินของประเทศทั้งระบบ ในรูปแบบดิจิทัล เพิ่มความมั่นใจให้กับประชาชนที่โทรแจ้งเหตุฉุกเฉินผ่านสายด่วน 1669 ผู้ปฏิบัติการที่รับสายจะส่ง SMS ให้กับผู้แจ้งเหตุผ่านทาง Smartphone เพื่อให้ส่งพิกัดที่เกิดเหตุ และ Video Call เพื่อวินิจฉัยอาการผู้ป่วย และให้คำแนะนำการปฐมพยาบาลเบื้องต้นแก่ผู้ที่ช่วยเหลือผู้ป่วย ระหว่างรอรถฉุกเฉิน ดังนั้น ไม่ว่าเกิดอุบัติเหตุที่ไหนระบบการแพทย์ฉุกเฉินสามารถเข้าถึงได้ทุกที่ ทุกเวลา ผู้ปฏิบัติการทุกท่าน พร้อมให้บริการการแพทย์ฉุกเฉิน เฝ้าระวังและดูแลความปลอดภัยในชีวิตของพี่น้องประชาชน และนักท่องเที่ยวทั่วประเทศอย่างเต็มกำลังในทุกสถานการณ์
นอกจากนั้น เลขาธิการ สพฉ. ยังได้ย้ำถึงมาตรการในการรณรงค์ความปลอดภัยบนถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2569 ว่า “ขับขี่ปลอดภัย ลดความเร็ว ลดอุบัติเหตุ” โดยได้ให้ความมั่นใจแก่พี่น้องประชาชน ถึงมาตรการเฝ้าระวังและเตรียมความพร้อมรับมือในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2569 ด้วยการจัดทำสื่อและประชาสัมพันธ์รณรงค์ให้ความรู้แก่ประชาชน ตั้งแต่ก่อนเทศกาล เพื่อให้ประชาชนตระหนักและระมัดระวังในการขับขี่ยานพาหนะ เพื่อลดอุบัติเหตุและความสูญเสีย รวมถึงส่งเสริมความรู้ในการปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้ประชาชนผ่านหลักสูตรการกู้ชีพขั้นพื้นฐานร่วมกับศูนย์เรียนรู้ชุมชนด้านการแพทย์ฉุกเฉินทั่วประเทศ และยังได้มอบหมายให้ศูนย์นเรนทร สพฉ. ดำเนินการเตรียมความพร้อมและติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์การเกิดอุบัติเหตุทางถนน รองรับเทศกาลปีใหม่ 2569 ตลอด 24 ชั่วโมง ดังนี้
1. บูรณาการการดำเนินงานร่วมกับศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนตลอดทั้งปี โดยจัดให้มีผู้บริหาร สพฉ. เข้าร่วมประชุมกับศูนย์ฯ และรายงานข้อมูลในช่วงวันที่ 31 ธันวาคม 2568 - 6 มกราคม 2569
2. ติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์ ผ่านแพลตฟอร์ม NDEMS
3. แจ้งและประสานความร่วมมือหน่วยปฏิบัติการอำนวยการ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด และหน่วยปฏิบัติการแพทย์ทุกจังหวัด เพื่อเตรียมความพร้อมในการออกปฏิบัติการฉุกเฉิน ในช่วงเทศกาล
4. เตรียมความพร้อม Thai Sky Doctor โดยการประชุมและประสานงานหน่วยปฏิบัติการแพทย์เฉพาะทาง สาขาฉุกเฉินการแพทย์ทางอากาศ และหน่วยสนับสนุนอากาศยานทุกหน่วยงาน เพื่อเตรียมความพร้อมการลำเลียงผู้ป่วยฉุกเฉินทางอากาศ
5. ผู้บริหารและผู้ปฏิบัติงาน สพฉ. ลงเยี่ยมพื้นที่ ส่งเสริมขวัญและกำลังใจ สนับสนุนการเตรียมความพร้อมของหน่วยปฏิบัติการ
และยังตอกย้ำความเชื่อมั่นในระบบการแพทย์ฉุกเฉินให้กับประชาชนทุกคนบนผืนแผ่นดินไทยว่า หน่วยปฏิบัติการแพทย์และหน่วยปฏิบัติการอำนวยการที่ได้รับมาตรฐานการรับรองจาก สพฉ. มีความพร้อมในการดูแลความปลอดภัยในชีวิตของพี่น้องประชาชน ผ่านศูนย์รับแจ้งเหตุและสั่งการ 1669 จำนวน 80 ศูนย์ครอบคลุมทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศ และยังมีหน่วยปฏิบัติการอำนวยการระดับที่ปรึกษา 6 แห่ง (จิตเวช Stroke พิษวิทยา) หน่วยปฏิบัติการแพทย์ จำนวน 5,797 แห่ง เป็นหน่วยปฏิบัติการแพทย์ระดับเฉพาะทาง 93 แห่ง หน่วยปฏิบัติการแพทย์ระดับพื้นฐาน 3,574 แห่ง เป็นหน่วยปฏิบัติการแพทย์ระดับสูง 959 แห่ง และมีหน่วยปฏิบัติการทางอากาศ หรือ Sky Doctor 34 ชุดปฏิบัติการ ซึ่งทุกหน่วยพร้อมจะให้การช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินทุกท่านบนผืนแผ่นดินไทยนี้อย่างทันท่วงที ทั่วถึง เท่าเทียม และเต็มศักยภาพอย่างแน่นอน นอกจากนั้นยังได้แสดงความห่วงใยเจ้าหน้าที่ ผู้ปฏิบัติการ พี่น้องกู้ชีพ-กู้ภัย ที่ออกปฏิบัติ ให้ระมัดระวังเรื่องความปลอดภัยในการปฏิบัติงาน ขอให้ประเมินเรื่องความปลอดภัยก่อนการปฏิบัติงานทุกครั้ง ตรวจสอบสภาพรถให้พร้อม พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ก่อนและระหว่างปฏิบัติงาน และขอให้ขับรถด้วยความระมัดระวัง
ดร.พิเชษฐ์ กล่าวว่า จากมาตรการที่ สพฉ. กำหนดแนวทางในปีนี้ ประกอบกับการดำเนินงานด้านการสื่อสารความรู้เพื่อสร้างค่านิยมและวัฒนธรรมแห่งชาติด้านความปลอดภัย ผ่านช่องทางการสื่อสารของ สพฉ. ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ตลอดเวลาที่ผ่านมา ในระยะยาวเชื่อว่าจะสามารถช่วยลดจำนวนการเกิดเหตุและผู้ประสบเหตุในช่วงเทศกาลสงกรานต์ทั้งในปีนี้และปีต่อๆ ไปได้ไม่มากก็น้อย และยังให้กำลังใจและอวยพรผู้ปฏิบัติการและประชาชนทิ้งท้ายด้วยว่า “ผมขอขอบคุณ และขอเป็นกำลังใจให้แก่บุคลากรของหน่วยปฏิบัติการทุกแห่ง ผู้ปฏิบัติการ และกลุ่มอาสาสมัครทุกท่าน ที่เสียสละปฏิบัติหน้าที่ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ทุกท่านควรจะได้ใช้เวลามีความสุขร่วมกับครอบครัวและคนที่รัก แต่ต้องทุ่มเททำงานอย่างหนักเพื่อดูแลความปลอดภัยในชีวิตของพี่น้องประชาชน ผมขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ทุกท่านนับถือได้โปรดประทานพรให้ทุกท่านมีสุขภาพแข็งแรง พร้อมกับความสุขและความปลอดภัยจากการปฏิบัติภารกิจ ขอให้ทุกท่านพักผ่อนให้เพียงพอ งดดื่มแอลกอฮอล์ก่อนออกปฏิบัติงาน และขอให้ปฏิบัติงานภายใต้มาตรฐานการแพทย์ฉุกเฉิน ขอให้เทศกาลปีใหม่เป็นช่วงเวลาแห่งความสุขและความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนทุกท่านครับ “เร็ว รอด ปลอดภัย” มั่นใจระบบการแพทย์ฉุกเฉินไทย”
Advertisement