“ปฎิพล วณิชชากรพงศ์” เจน 2 ลีวณิชย์ กับบทบาทใหม่ ปั้นแบรนด์ระดับโลก “Avery Dennison” สู่ตลาดไทย
บริษัท ลีวณิชย์ จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายฟิล์มกรองแสงรถยนต์ “Hi-Kool” และ “Super Hi-Kool” 1 ใน 3 ผู้เล่นหลัก ที่อยู่ในตลาดมายาวนานกว่า 40 ปี วันนี้ภายใต้การนำของเจเนอเรชั่นที่ 2 “ปฎิพล วณิชชากรพงศ์” กรรมการและผู้อำนวยการฝ่ายขาย บริษัท ลีวณิชย์ จำกัด กำลังก้าวสู่น่านน้ำใหม่ ในธุรกิจฟิล์มกันรอย แบรนด์ระดับโลก อย่าง “Avery Dennison” ที่มีการเติบโตสูง โดยเฉพาะในกลุ่มรถยนต์ระดับพรีเมียมและรถยนต์ไฟฟ้า
“ปฎิพล” เป็นหนึ่งใน 4 เจเนอเรชั่นที่ 2 ของ บริษัท ลีวณิชย์ ผู้นำเข้าและจำหน่ายฟิล์มกรองแสงรถยนต์ “Hi-Kool” และ “Super Hi-Kool” ที่เข้ามาช่วยขับเคลื่อนธุรกิจในช่วงเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา หลังจากเรียนจบหลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต หลักสูตรภาษาอังกฤษ (BBA) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แม้จะมีความต้องการออกไปเพิ่มประสบการณ์การทำงานในสายที่เรียนมา แต่ครอบครัวต้องการให้คนรุ่นใหม่เข้ามาช่วยบริหารธุรกิจในยุคที่มีการแข่งขันสูง
“ช่วงที่เข้ามาทำงานครั้งแรก เริ่มจากการดูแลฝ่ายขายโชว์รูม และฝ่ายขายต่างประเทศ ซึ่งช่วงแรก ๆ ของการทำงานก็เจอปัญหา อุปสรรคทุกวัน ถือเป็นเรื่องปกติของการทำธุรกิจ ก็แก้ปัญหาไป ผมเข้ามาเป็นน้องสุด ก็ศึกษาจากประสบการณ์ของเจนหนึ่ง รุ่นพี่ รวมถึงเพื่อน ๆ ที่ไปทำงานในแต่ละสายงาน รับฟังมุมมองจากหลายที่ จนตกตะกอน เอามาเป็นแนวทางในการแก้ปัญหา ซึ่งทุกปัญหาสามารถแก้ได้ด้วยการพูดคุย” ปฏิพลกล่าว
ในวัย 30 ปี ผู้บริหารเจน 2 อย่าง ‘ปฎิพล’ ได้เข้ามารับไม้ต่อในการบริหารธุรกิจต่อจากเจน 1 เป็นเวลาเกือบ 10 ปี จนธุรกิจ “Hi-Kool” เติบโตขึ้นตามลำดับ ด้วยกลยุทธ์และวิธีการทำการตลาดแบบใหม่ แม้กระทั่งในช่วงโควิดธุรกิจของ “Hi-Kool” ก็ยังสามารถเติบโตสวนกระแส และอาศัยในช่วงจังหวะล็อกดาวน์ ‘ปฎิพล’ ได้ตั้งใจไปเรียนต่อตามแผนที่วางไว้ โดยเลือกเรียนด้าน MSc Entreprise and Entrepreneurship ที่ Leeds University ซึ่งเป็นสาขาที่อยากศึกษาเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มพูนความรู้ในการเป็นผู้ประกอบการที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นในอนาคต หลังจากเรียนจบ ก็ได้ลับคมทันทีกับโปรเจกต์ “Avery Dennison” ฟิล์มกันรอยรถยนต์ชั้นนำ จากประเทศสหรัฐอเมริกา
“ปฎิพล” กล่าวว่า ปัจจุบัน ตลาดฟิล์มกรองแสงรถยนต์ค่อนข้างชะลอตัวตามยอดขายรถยนต์ใหม่ แต่กลับไปเติบโตในตลาดฟิล์มกันรอยรถยนต์ ซึ่งได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า รถยนต์ระดับพรีเมียม ลักชัวรี และซูเปอร์คาร์ ประกอบกับเป็นจังหวะเดียวกับที่แบรนด์ “Avery Dennison” ฟิล์มกันรอยรถยนต์ชั้นนำ จากประเทศสหรัฐอเมริกา ต้องการขยายธุรกิจในประเทศไทยและเขาก็เลือกบริษัท ลีวณิชย์ จำกัด ที่ทำตลาดผลิตภัณฑ์ฟิล์มกรองแสงรถยนต์ “Hi-Kool” และ “Super Hi-Kool” จนเป็นที่รู้จัก ติดตลาด นำเทรนด์ทันสมัยมากขึ้น และ ติดอันดับท็อปทรีในประเทศไทย ซึ่งถือเป็นผลงาน ที่นำไปสู่โอกาสในการก้าวสู่น่านน้ำธุรกิจใหม่
“แบรนด์ “Avery Dennison” มีธงมาอยู่แล้วว่าต้องการเลือกเรา ซึ่งเป็นโลคอลแบรนด์ในตลาด และเป็นเคสที่น่าสนใจ เพราะถ้าพูดถึงฟิล์มกรองแสงรถยนต์ ส่วนใหญ่จะเป็นแบรนด์โกลบอล แต่ในประเทศไทยมี “Hi-Kool” เป็นแบรนด์ที่ติดท็อปทรีในตลาด ขณะเดียวกันบริษัทลีวณิชย์ มีสถานะการเงินที่แข็งแกร่ง และมีความเชี่ยวชาญในธุรกิจแบบ B2B ที่มีจุดแข็งด้วยเครือข่ายพันธมิตรที่เป็นร้านค้ามากกว่า 1,000 ร้านค้า การทำการตลาดที่เจาะเข้าถึงเทรนด์ผู้บริโภคได้อย่างทันสมัย และ ครอบคลุม ซึ่งสามารถเติมเต็มซึ่งกันและได้ รวมทั้งแบรนด์ “Avery Dennison” พร้อมจะสนับสนุนหลายด้าน จึงตัดสินใจเซ็นสัญญาดำเนินธุรกิจร่วมกัน เพื่อขยายตลาดที่มีศักยภาพในอนาคต” ปฏิพลกล่าว
สำหรับเป้าหมายความร่วมมือทางธุรกิจกับแบรนด์ “Avery Dennison” ครั้งนี้ ปฏิพล กล่าวว่า เบื้องต้นในช่วง 1 – 2 ปีแรก ยังไม่ได้มองถึงเรื่องยอดขาย แต่ต้องการสร้างแบรนด์ “Avery Dennison” ให้เป็นที่รู้จักในตลาดไทยก่อน และมั่นใจว่าจากกระบวนการในทำงานและแนวคิดที่ตรงกัน ความร่วมมือในครั้งนี้จะทำให้เราสามารถก้าวขึ้นเป็นผู้นำอันดับต้น ๆ ในตลาดได้ ด้วยศักยภาพของแบรนด์ที่เป็นแบรนด์ระดับโลก และได้รับการยอมรับในหลายประเทศ โดยเป็นอันดับ 1 ในประเทศออสเตรเลีย ติดอันดับ 1 ใน 3 ในยุโรป และเป็นบริษัทที่ติดอันดับฟอร์จูน 500 ของบริษัทที่มียอดขายสูงที่สุดในโลก
“เท่าที่ทำงานร่วมกันมา สิ่งที่เหมือนกัน ระหว่างเรากับ “Avery Dennison” คือความจริงใจ และซื่อสัตย์กับลูกค้า เวลาคุยทุกครั้ง จะย้ำเสมอว่าจะไม่มีการโฆษณา หรือพูดเกินจริง สิ่งที่เขาย้ำอยู่เสมอ คือต้องซื่อสัตย์กับลูกค้า ซึ่งก็ตรงกับแนวทางการทำธุรกิจของเรา ทำให้การทำงานง่าย เวลามีปัญหา สามารถแก้ปัญหาได้ทันที และ Avery Dennison พร้อมสนับสนุนในหลายด้าน เพื่อสร้างตลาดในประเทศไทย ไม่ได้มองแค่ยอดขายเพียงอย่างเดียว”
แม้จะเป็นคนมุ่งมั่นและทุ่มเทให้กับการทำงานที่ Hi-Kool แต่ ปฏิพล ชอบที่จะใช้ชีวิตที่เรียบง่าย และทำกิจกรรมที่ชื่นชอบอยู่เสมอ ตั้งแต่สมัยเรียนปริญญาตรี มักเข้าร่วมทำกิจกรรมค่ายอาสา ของ BBA Camp เกือบทุกปี แม้กระทั่งหลังเรียนจบไปแล้วก็ยังไปอยู่ ปฏิพล กล่าวว่า การทำกิจกรรมค่ายอาสาเหมือนได้ตัดขาดจากโลกภายนอก และอยู่กับตัวเอง อยู่กับเป้าหมายในการไปทำกิจกรรมแต่ละครั้ง ซึ่งได้ไปเรียนรู้วิถีของชุมชนต่าง ๆ จากการไปออกค่ายอาสา ได้ให้แง่คิดและมุมมองหลายอย่างที่สามารถนำมาปรับใช้ในการบริหารและการทำธุรกิจ โดยเฉพาะการรับฟังปัญหาของผู้อื่น และการแก้ไขปัญหา
“ชอบไปทำกิจกรรมค่ายอาสา เป็นอีกประสบการณ์หนึ่งที่ทำให้เราได้ใช้ชีวิต 14 – 15 วัน โดยตัดขาดจากโลกภายนอก ไม่มีไฟ ไม่มีน้ำ สิ่งที่ได้รับเวลาไปแต่ละครั้ง ได้สิ่งที่ไม่เหมือนกัน ได้เรียนรู้วิถีชาวบ้าน ได้เรียนรู้ในสิ่งที่เขามีความสุข ความรู้ของชาวบ้านที่พวกเขาประสบพบเจอ มีมุมที่แตกต่างกันออกไป ได้เห็นชาวบ้านถูกเอาเปรียบอย่างไร เป็นมุมมองที่คนอื่นอาจไม่ได้เห็น ความสุขของชาวบ้าน อาจจะแตกต่างจากเรา ไม่ใช่ความสุขในแบบที่เราเป็น และกลายเป็นข้อคิดในเวลาเราตัดสินใจบางอย่าง เป็นข้อคิดที่ทำให้เรานำมาใช้ในการประชุมวางแผนธุรกิจได้”
นอกจากนี้ ปฏิพล ยังหาเวลาในการทำกิจกรรมส่วนตัว อย่างเช่น ออกกำลังกาย เล่นกับสัตว์เลี้ยง และทำสิ่งที่ชอบ อย่างการดำน้ำ ที่ได้ท่องโลกทะเลไทยมาแล้วหลายที่ อย่างภูเก็ต ชุมพร และแสมสาร ช่วงหลังเริ่มไปดำน้ำต่างประเทศ ซึ่งมีสภาพแวดล้อมและสิ่งมีชีวิตที่แตกต่างไปจากท้องทะเลไทย สร้างประสบการณ์แปลกใหม่ที่ไม่เคยได้รับมาก่อน
“การดำน้ำ จริง ๆ ก็คล้ายกับการไปค่ายอาสา ได้ตัดขาดจากโลกภายนอก ไม่มีสัญญาณมือถือ เหมือนได้พักผ่อน ใช้ชีวิตกับตัวเอง ลงน้ำได้ยินแต่เสียงฟองอากาศ เราต้องใช้ชีวิตแบบ Work Life Balance ต้องพักผ่อนและอยู่กับตัวเองบ้าง”
สำหรับเป้าหมายในการทำงาน การบริหารธุรกิจภายใต้ บริษัท ลีวณิชย์ จำกัด ปฏิพล กล่าวอย่างมุ่งมั่นว่า โดยส่วนตัวอยากทำให้ดีกว่าที่เจเนอเรชั่น 1 ที่ได้สร้างไว้ โดยนำประสบการณ์ ข้อคิดของคนรุ่นก่อนมาใช้เป็นแนวทาง รวมทั้งประสบการณ์ของรุ่นพี่ เพื่อนร่วมงาน เพื่อนในวงการ หรือธุรกิจอื่น ๆ ซึ่งจะทำให้ได้มุมมองที่หลากหลายในการตัดสินใจในการบริหารองค์กร และใช้การพูดคุยเพื่อหาโซลูชันที่ดีที่สุดสำหรับการทำธุรกิจ
“สไตล์การทำงาน ไม่ใช่จะบอกว่าใครต้องทำอะไร เพราะเราไม่ใช่คนที่รู้ทุกเรื่อง แต่ละคนมีความเชี่ยวชาญของตัวเอง เรารับฟังทุกคน และมาหาข้อสรุปที่ดีที่สุด จะเกิดประโยชน์มากกว่าจะไปบอกใครให้ทำอะไร ซึ่งอาจจะไม่ถูกต้อง ถ้าไม่ฟังแล้วไปตัดสินเลย ก็ไม่ใช่วิธีการทำงานที่ถูกต้อง” ปฏิพลกล่าวทิ้งท้าย (อยากให้ตรงนี้เน้นหนา)
และนี่คือเจเนอเรชั่นใหม่ ภายใต้ บริษัท ลีวณิชย์ จำกัด ผู้นำเข้าและจำหน่ายฟิล์มกรองแสงรถยนต์ “Hi-Kool” และ “Super Hi-Kool” ที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งตลอด 40 ปีที่ผ่านมา และพร้อมจะก้าวต่อไปสู่น่านน้ำใหม่ ร่วมกับแบรนด์ระดับโลกอย่าง “Avery Dennison” กับโอกาสในการเติบโตในอนาคต
Advertisement