ฉมา เผยสมุนไพรไทยมีโอกาสเติบโตได้อย่างยั่งยืนทั้งในและต่างประเทศ เผย 3 ความท้าทายที่ผู้ประกอบการธุรกิจสมุนไพรไทยต้องรู้ เพื่อพลิกเกมสร้างโอกาสปั้นแบรนด์ให้มีความยั่งยืน คือ 1. มาตรฐานการผลิต 2. การขออนุญาต และ 3. ความรู้ความเข้าใจ
นางสาวปรินดา ตั้งพิรุฬห์ธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฉมา แอ็สเซ็ท จำกัด และหนึ่งในผู้ก่อตั้ง บริษัท ไทยฮา จำกัด (มหาชน) กลุ่มบริษัทผู้ผลิตสินค้าตรา "เกษตร" ประกอบธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์การเกษตร หนึ่งในผู้ผลิตและส่งออกอาหารรายใหญ่ของไทย เปิดเผยว่า สมุนไพรไทยยังมีโอกาสและมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องในตลาดประเทศไทยและตลาดโลก เนื่องจากผู้บริโภคทั่วโลกหันมาให้ความสำคัญกับการใช้สมุนไพรเป็นหนึ่งในตัวเลือกเพื่อดูแลรักษาสุขภาพ ทั้งในเชิงป้องกัน และเชิงการรักษา โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์สมุนไพรจากธรรมชาติ สมุนไพรออแกนิค
ประกอบกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ผ่านมา ทำให้สมุนไพรไทยเป็นที่รู้จักมากขึ้นทั่วโลกจากการนำฟ้าทะลายโจรมาเป็นหนึ่งใน ทางเลือกของการดูแล ประกอบกับปัจจุบันภาครัฐมีนโยบายพร้อมผลักดันสมุนไพรไทยสู่สมุนไพรโลก โดยมีเป้าหมายยกระดับการแข่งขันของสมุนไพรตามยุทธศาสตร์ชาติ ที่ว่าด้วยการพัฒนาสมุนไพรและยา เพื่อการดูแลปัญหาสุขภาพ ตลอดจนการพัฒนาอุตสาหกรรมการแพทย์ ที่ต้องเริ่มจากการพัฒนาคุณภาพวัตถุดิบสมุนไพรให้ได้มาตรฐาน การพัฒนาและสนับสนุนงานวิจัยสมุนไพร พัฒนาคุณภาพโรงงานผลิต สู่มาตรฐาน Good Manufacturing Practice หรือ GMP เพื่อเป้าหมายการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์สมุนไพร ให้ไทยเป็นผู้นำการส่งออกสมุนไพร และให้ตลาดสมุนไพรไทยเติบโตอย่างก้าวกระโดด
อย่างไรก็ดีจากการทุ่มเทปลูกและพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพรมานานกว่า 10 ปี ฉมา แอ็สเซ็ท พบว่าผู้ประกอบการธุรกิจสมุนไพรไทยต้องเผชิญกับ 3 ความท้าทาย ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร ยา ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และเครื่องสำอาง จากสมุนไพรไทย เพื่อขับเคลื่อนสู่ธุรกิจ ประกอบด้วย
นางสาวปรินดา กล่าวเพิ่มเติมว่า หากผู้ประกอบการสามารถก้าวข้ามความท้าทายเหล่านี้ ด้วยการดำเนินการได้จนครบ แม้จะใช้เวลา แต่ก็จะเป็นการสร้างโอกาส สร้างแบรนด์ผลิตภัณฑ์อาหาร ยา ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และเครื่องสำอางจากสมุนไพรให้สามารถเติบโตอย่างยั่งยืน หัวใจสำคัญคือการควบคุมคุณภาพตั้งแต่วัตถุดิบ รู้แหล่งที่มาของสมุนไพร เพื่อคุณภาพตามมาตรฐานสากลของวัตถุดิบ ใช้องค์ความรู้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และผลิตจากโรงงานที่ได้มาตรฐาน รวมทั้งมีช่องทางจำหน่ายเพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์สมุนไพรคุณภาพถึงมือผู้บริโภค ขณะที่ผู้บริโภคควรศึกษาประโยชน์และสรรพคุณของสมุนไพร รวมทั้งรับคำปรึกษาจากแพทย์แผนไทย เพื่อการใช้สมุนไพรที่ถูกต้องและได้ประโยชน์สูงสุด
“สำหรับ ‘ฉมา’ มีแรงบันดาลใจในการเข้าสู่ตลาดผลิตภัณฑ์อาหาร ยา ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และเครื่องสำอาง จากแบรนด์สมุนไพรไทยชื่อดังอย่าง ‘อภัยภูเบศร’ ผู้บุกเบิกและสร้างมาตราฐานยาสมุนไพรไทยตามมาตราฐาน PICS เพื่อทดแทนการใช้ยานำเข้าจากต่างประเทศ สามารถพึ่งพิงตนเอง และลดการเสียเงินตราในประเทศ รวมถึง ‘มูลนิธิอภัยภูเบศ’ ส่งเสริมการปลูกสมุนไพรกับกลุ่มชาวบ้านเพื่อการสร้างงาน และเป็นการสร้างวิถีชุมชนอย่างยั่งยืนตลอดมา โดย ‘ฉมา’ มุ่งมั่นจะเป็น 1 ในแบรนด์ผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยออร์แกนิคจากธรรมชาติ ที่เข้ามาช่วยกันยกระดับตลาดสมุนไพรไทยให้เติบโต
เพิ่มทางเลือกใหม่เพื่อตอบโจทย์เทรนด์สุขภาพองค์รวมให้ผู้บริโภค ด้วยการนำจุดแข็งของ ‘ฉมาฟาร์มออร์แกนิค’ มาตรฐานสากลกว่า 100 ไร่ ที่เน้นควบคุมคุณภาพวัตถุดิบตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ด้วยการปลูกพืชผักสมุนไพรตามมาตรฐานออร์แกนิคสากล เพื่อวัตถุดิบสมุนไพรที่ดีสำหรับการผลิตภัณฑ์อาหาร ยา ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และเครื่องสำอาง มีการทำงานร่วมกับแพทย์แผนไทยเพื่อผลิตผลิตภัณฑ์ตามมาตรฐาน FMP รวมทั้งจะยื่นตรวจมาตรฐาน GMP ภายในปี 2565“ นางสาวปรินดากล่าวทิ้งท้าย
Advertisement