เร็วสุดในอาเซียน! "บิว ภูริพล" เปิดหนทางสู่เส้นชัย พังกำแพง 10 วินาที

ความภูมิใจของอาเซียน! หนึ่งเดียวจากเอเชีย! กรีฑาโลกยกให้วิ่งเร็วกว่า "ยูเซน โบลต์" ในวัยเดียวกัน! ผู้ชายที่ทำลายทุกสถิติของทีมชาติไทยก่อนวัย 20 คนนี้ เป็นใครมาจากไหน และอะไรคือเป้าหมายต่อไปที่เขาจะพิชิต

วันนี้เราจะพาทุกคนไปเจาะลึกเรื่องราวของ "บิว" ภูริพล บุญสอน เด็กหนุ่มนักสู้ ผู้กำลังจารึกบทใหม่ในประวัติศาสตร์กรีฑาโลก การก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดของเขาไม่ใช่แค่การวิ่ง แต่คือการปลุกพลังความเชื่อมั่นครั้งใหญ่ให้ทัพนักกีฬาไทย ว่าเราสามารถยืนเทียบเคียงกับยอดลมกรดระดับโลกได้

"บิว" ภูริพล บุญสอน เกิดเมื่อวันที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2549  ที่ จ.สุรินทร์ แต่มาเติบโตใน จ.สมุทรปราการ เขามี "สายเลือดนักกีฬา" ไหลเวียนอยู่เต็มตัว เพราะคุณพ่อเคยเป็นอดีตนักวิ่งระยะไกล และคุณแม่ก็เป็นนักกีฬาวอลเลย์บอล

แม้ว่าในวัยเด็กเขาจะหลงรักกีฬาฟุตบอล แต่ความรวดเร็วคล่องตัวที่ฉายแสงโดดเด่นจากตัวก็ได้ไปเตะตา อ.ธนกฤต ศรีวัฒนา โค้ชกรีฑาโรงเรียนเซนต์ราฟาแอล และนั่นคือจุดเริ่มต้นเส้นทางบนลู่วิ่งของบิว

ครั้งแรกที่ลงสนามแข่งกรีฑาในนามตัวแทนโรงเรียน ด.ช.ภูริพล วัย 9 ขวบ ก็ประสบความสำเร็จทันที ด้วยการคว้าแชมป์ในรุ่นอายุ 10 ปีมาครอง

ต่อมาฝีเท้าของบิวก็ได้รับการขัดเกลาอย่างเข้มข้นต่อที่โรงเรียนอัสสัมชัญ สมุทรปราการ ภายใต้การดูแลของโค้ชวัฒนา สุวรรณรักษา

ในวัย 14 ปี บิวได้สร้างสถิติที่น่าทึ่ง ในการแข่งขันกีฬานักเรียน-นักศึกษาแห่งชาติ ที่ จ.จันทบุรี ด้วยการคว้าแชมป์วิ่ง 100 เมตร ด้วยเวลา 10.44 วินาที ซึ่งเป็นสถิติที่ไม่มีเด็กในรุ่นอายุนี้ทำได้มาก่อน เป็นการประกาศชัยชนะอันทรงพลัง ทำให้ชื่อของบิวถูกส่งเข้าสู่การแข่งขันระดับประเทศทันที

จากการแข่งขันกรีฑาชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย บิวถูกส่งชื่อเข้าร่วมเก็บตัวในแคมป์ทีมชาติไทย เพื่อเตรียมความพร้อมสู่โอลิมปิก 2024 แม้สถิติวิ่ง 100 เมตรเดิมจะอยู่ที่ 10.80 วินาที แต่เพียง 4 เดือนภายใต้การฝึกสอนในแคมป์ทีมชาติ สถิติของเขาก็พัฒนาอย่างก้าวกระโดด

ในการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 47 "ศรีสะเกษเกมส์" พ.ศ. 2565 บิวแจ้งเกิดอย่างเต็มตัวด้วยการคว้า 2 เหรียญทอง พร้อมทำลาย 2 สถิติประเทศไทยอันยาวนานของ เหรียญชัย สีหะวงษ์ ลมกรดในตำนานได้อย่างราบคาบ

บิวทำเวลา 10.19 วินาที ในการวิ่ง 100 เมตร ทำลายสถิติประเทศไทยที่ทำไว้ในเอเชียนเกมส์ 1998 และทำเวลา 20.58 วินาที ในการวิ่ง 200 เมตร ทำลายสถิติประเทศไทย ที่ทำไว้ในซีเกมส์ 1999

ผลงานนี้ทำให้ นายภูริพล ในวัย 16 ปี กับส่วนสูง 183 ซม. ถูกสมาคมฯ เลือกให้ติดทีมชาติไทยไปแข่งขันรายการใหญ่ทันที ทั้งในการแข่งขันซีเกมส์, กรีฑาเยาวชนชิงแชมป์โลก และเอเชียนเกมส์

ในการแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ที่ประเทศเวียดนาม พ.ศ. 2565  "เทพบิว" ไม่ทำให้แฟน ๆ ผิดหวัง ด้วยการสร้างประวัติศาสตร์คว้า 3 เหรียญทองในการแข่งขันครั้งเดียว ในรายการ 100 ม., 200 ม. และ 4x100 ม.

โดยเฉพาะรายการ 200 เมตร ที่เขาทำลายสถิติซีเกมส์ถึง 2 ครั้ง ตั้งแต่รอบคัดเลือก และรอบชิงชนะเลิศ ด้วยเวลา 20.37 วินาที สถิตินี้ได้รับการยกย่องจากสหพันธ์กรีฑาโลกว่าเป็นสถิติที่ดีกว่า ยูเซน โบลต์ และ เอร์ริยอน เจ ไนต์ตัน ในช่วงอายุเดียวกัน

ต่อมาในการแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ที่ประเทศกัมพูชา แม้จะทำผลงานได้ดีมาตลอด แต่อาการบาดเจ็บคือสิ่งที่อยู่คู่กับชีวิตนักกีฬา และ "เทพบิว" ก็เคยต้องพบกับช่วงเวลาที่ยากลำบากอย่างไม่คาดฝันเช่นกัน

ในรายการวิ่ง 200 เมตรชาย รอบชิงชนะเลิศ "บิว" ภูริพล ในวัย 17 ปี ซึ่งเป็นแชมป์เก่าและตัวเต็งเหรียญทอง เกิดอาการกล้ามเนื้อขากระตุกอย่างรุนแรง ขณะที่เขากำลังเร่งสปีดสุดกำลังในช่วง 50 เมตรสุดท้าย ทำให้เขาต้องทิ้งตัวลงกับพื้นและไม่สามารถวิ่งเข้าเส้นชัยได้สำเร็จ ชวดการป้องกันแชมป์อย่างน่าเสียดาย

แต่ไม่มีคำว่าท้อ ในทุกการแข่งขันต่อมา บิวยังคงทำลายสถิติตัวเองและประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ในรายการ โคซานอฟ เมโมเรียล ที่คาซัคสถาน เขาทำลายสถิติประเทศไทย 200 เมตรของตัวเองลงอีกครั้งเป็นครั้งที่ 3 ในรอบปี พร้อมทำเวลาผ่านเกณฑ์ชิงแชมป์โลกได้สำเร็จ

ในศึกกรีฑาเยาวชนชิงแชมป์โลก U20 ที่โคลอมเบีย แม้จะพลาดเหรียญ แต่เขาก็ทำลายสถิติประเทศไทย 100 เมตรของตัวเองลงอีก และจบด้วย อันดับที่ 4 ในรอบชิงชนะเลิศ โดยห่างจากเหรียญทองแดงเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น เป็นการประกาศศักยภาพอันยิ่งใหญ่กว่าเด็กไทยก็เก่งไม่แพ้ใครในเวทีโลก

นอกจากการแข่งเดี่ยวแล้ว บิวยังมีบทบาทช่วยทีมวิ่งผลัด 4x100 เมตร คว้าเหรียญทอง ในศึกกรีฑาชิงแชมป์เอเชีย ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ พร้อมทำลายสถิติประเทศไทยและสถิติกรีฑาชิงแชมป์เอเชียอย่างยิ่งใหญ่

ในการแข่งขันเอเชียนเกมส์ครั้งแรกที่หางโจว ประเทศจีน บิวก็สามารถคว้าเหรียญเงิน วิ่ง 100 เมตร มาครอง พร้อมทำลายสถิติประเทศไทยของตัวเองอีกครั้ง แม้จะมีอาการบาดเจ็บรบกวน แต่ความเร็วของเขาก็ได้รับการยอมรับในระดับทวีปอย่างไม่ต้องสงสัย

"เทพบิว" ได้สร้างประวัติศาสตร์เป็นนักกรีฑาไทยคนแรกที่คว้าเหรียญรางวัลในรายการเยาวชนชิงแชมป์โลก U20 ด้วยการคว้า เหรียญเงิน วิ่ง 100 เมตร และยังคว้า เหรียญทองแดง ในทีมผลัด 4x100 เมตรชายอีกด้วย

ในศึกกรีฑาชิงแชมป์โลก 2025 ที่โตเกียว บิวพิสูจน์ตัวเองในเวทีสูงสุด โดยผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ 100 เมตรชาย และเป็น "หนึ่งเดียวจากเอเชีย" ที่ทำได้ในครั้งนั้น แม้จะจบอันดับ 7 แต่การทะยานขึ้นสู่อันดับที่ 20 ของโลก ก็ตอกย้ำว่ากรีฑาไทยไม่แพ้ใครในโลก

และล่าสุดกับ ซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพในปีนี้ "บิว" ภูริพล บุญสอน ในวัย 19 ปี ได้สร้างประวัติศาสตร์อีกครั้ง ทำเวลาวิ่ง 100 เมตรในรอบคัดเลือกได้ต่ำกว่า 10 วินาที แบบที่ไม่เคยทำได้มาก่อน

สถิตินี้ทำให้เขากลายเป็นนักกีฬาไทยและนักกีฬาอาเซียนคนแรกที่วิ่ง 100 เมตรได้ต่ำกว่า 10 วินาที และเป็นนักวิ่ง 100 เมตรที่เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ อันดับที่ 5 ของโลก ในรุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี ซึ่งถูกบันทึกโดย World Athletics (เวิลด์ เอทเลติคส์) องค์กรกำกับดูแลกีฬากรีฑาระดับโลก

บิวได้รับเสียงชื่นชมอย่างล้นหลามไม่ใช่แค่จากชาวไทย แฟนกีฬาทั่วโลกต่างยกย่องความสำเร็จครั้งนี้ของเขาว่าเป็น “ความภาคภูมิใจของชาวอาเซียน”

ซึ่งต่อมา บิวก็ได้เปิดเผยว่า ความสำเร็จนี้มีเบื้องหลังมาจากการฝึกซ้อมอย่างหนักกับ "โค้ชจี" เจนทรี แบรดลีย์ โค้ชชาวอเมริกัน ที่เข้ามาแก้ไขจุดอ่อนเรื่องการออกตัวอย่างเข้มข้น

"เทพบิว" ไม่ได้หยุดท้าทายขีดจำกัดของตัวเองเพียงเท่านี้ แม้จะสร้างปรากฏการณ์ระดับโลกแล้ว แต่เขายังคงมุ่งมั่นพัฒนา “การออกตัว” ที่เป็นจุดอ่อน พร้อมประกาศเป้าหมายที่ชัดเจนและยิ่งใหญ่

ในการแข่งขันซีเกมส์ครั้งนี้ บิวตั้งเป้าคว้า 3 เหรียญทองมาฝากพี่น้องชาวไทย ทั้งในรายการ 100 เมตร, 200 เมตร และ 4x100 เมตร

ตั้งเป้าทะลุเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ 8 คนสุดท้าย ให้ได้ในการแข่งขันกรีฑาชิงแชมป์โลก ที่ปักกิ่ง และเป้าหมายสูงสุดคือการขึ้นโพเดียมคว้าเหรียญรางวัล ในมหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติ โอลิมปิก 2028 ที่สหรัฐอเมริกา

ซึ่งตอนนี้ บิวได้สำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จากโรงเรียนอัสสัมชัญ สมุทรปราการแล้ว ถือเป็นการเปิดประตูสู่ความท้าทายครั้งใหม่ เพราะบิวมีความตั้งใจที่จะไปเรียนต่อและฝึกซ้อมที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อยกระดับความสามารถสู่มาตรฐานโลก โดยกำลังอยู่ระหว่างการประสานงานกับทางสมาคมกีฬากรีฑาแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นความหวังและแรงใจที่แฟนกีฬาไทยต่างเฝ้ารอ

เรื่องราวลมกรดหมายเลข 1 ของไทยคนนี้ เป็นเหมือนเปลวไฟแห่งความหวังที่กำลังลุกโชนอยู่ในใจนักกีฬาและกองเชียร์ชาวไทยทุกคน ก็ต้องมาติดตามและส่งกำลังใจให้บิวสามารถออกวิ่งอย่างสง่างามในเวทีโลกต่อไป