เปิดประวัติ "ฟลอเรียน เวียร์ตซ์" ว่าที่แข้งป้ายแดง ลิเวอร์พูล
พาไปรู้จัก "ฟลอเรียน เวียร์ตซ์" ว่าที่แข้งป้ายแดง "ลิเวอร์พูล" เจ้าของฉายา พ่อมดแห่งอินทรีเหล็ก กับฟอร์มและผลงานที่ไม่ธรรมดา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
หลังจาก ฟาบริซิโอ โรมาโน่ นักข่าวเทียร์ 1 ชื่อดังชาวอิตาลี รายงานว่า "ลิเวอร์พูล" แชมป์พรีเมียร์ลีกอังกฤษ ฤดูกาลล่าสุด 2024-25 ได้บรรลุข้อตกลงคว้าตัว "ฟลอเรียน เวียร์ตซ์" กองกลางสายเลือดอินทรีเหล็ก ทีมชาติเยอรมนี จาก ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น มาร่วมทัพเป็นที่เรียบร้อย ด้วยค่าตัวมหาศาล ถึง 150 ล้านยูโร หรือราว 5.8 พันล้านบาท
แน่นอนว่า "ฟลอเรียน เวียร์ตซ์" ถือเป็นแข้งพรสวรรค์สูง ที่โด่งดังในยุโรปมาตั้งแต่เป็นดาวรุ่ง สร้างสถิติมากมาย และเล่นในตำแหน่งแนวรุกได้หลากหลาย จนได้รับฉายาว่า พ่อมดแห่งอินทรีเหล็ก แต่นักเตะรายนี้เป็นใครมากจากไหน วันนี้จะพาไปรู้จักกันมากขึ้น
"ฟลอเรียน เวียร์ตซ์" หรือชื่อเต็ม ๆ ว่า ฟลอเรียน ริชาร์ด เวียร์ตซ์ เกิดเมื่อวันที่ 3 พ.ค. ปี 2003 เพิ่งจะอายุครบ 22 ปีไปหมาดๆ โดยเจ้าตัวเกิดที่เมือง พุลไฮม์ ซึ่งเป็นเมืองเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ในการปกครองของโคโลญจน์ ประเทศเยอรมนี โดยเวียร์ตซ์ มีบื้องหลังจากครอบครัวเกี่ยวข้องกับฟุตบอลอย่างแท้ สาวของเขา หรือ จูเลียน เวียร์ตซ์ เคยเล่นให้กับสโมสร เลเวอร์คูเซ่น ชุดเยาวชน และปัจจุบันเล่นให้กับ แวร์เดอร์ เบรเมน
"ฟลอเรียน เวียร์ตซ์" เริ่มต้นเล่นฟุตบอลอย่างจริงจังตั้งแต่อายุ 7 ชวบ กับอคาเดมี่ สโมสรเอสซี กรูน-ไวส์บราเวเยอร์ (SV Grun-Weiss Brauweiller) ซึ่งเป็นทีมในลีกระดับภูมิภาคของเยอรมัน (Landesliga) อีกทั้งพ่อของ ฟลอเรียน เวิร์ตซ์ ยังเป็นประธานสโมสรแห่งนี้อีกด้วย
ก่อนจะมีโอกาสทำผลงานโดดเด่น ได้ก้าวขึ้นไปยังสโมสร เอฟซี โคโลญจน์ ใช้เวลาราว 7 ปี พัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทักษะการเล่น และได้ต่อยอดขึ้นสู่ชุด U17 ของสโมสร ด้วยวัยเพียง 15 ปี จนทำให้สื่อท้องถิ่นขนานนามว่าจะขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญที่ดีที่สุดของสโมสรในรอบ 30 ปี
ต่อมาเมื่อ ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ อายุได้ 16 ปี อีกหนึ่งทีมดังอย่าง ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ก็คว้าตัวไปร่วมทีม ในเดือนมกราคม ปี 2020 ซึ่งกลายเป็นเรื่องที่ถูกพูดถึงในการดึงผู้เล่นจาก โคโลญจน์ มองว่า เลเวอร์คูเซ่น ผิดสัญญาที่เคยตกลงร่วมกันไว้ แต่แน่นอนว่า ค่าตัวของแข้งดาวรุ่งอนาคตไกลรายนี้มีค่าตัวถึง 200,000 ยูโร ซึ่งเริ่มต้นเล่นกับทีมเยาวชน และสร้างความประทับใจได้ทันที ก่อนได้ขึ้นมาซ้อมร่วมกับทีมชุดใหญ่
จนกระทั่ง ในวันที่ 18 พ.ค. ปี 2020 วันแห่งประวัติศาสตร์เมื่อ "ฟลอเรียน เวียร์ตซ์" ถูกส่งลงสนามอย่างเป็นทางการ หรือ เดบิวต์ ในศึกบุนเดสลีกา ช่วงปลายฤดูกาล ด้วยวัยเพียง 17 ปี 16 วัน นับเป็นสถิตินักเตะอายุน้อยที่สุดของสโมสร หลังจากนั้นเพียง 18 วัน เขาก็ประเดิมประตูแรกให้ตัวเองบนลีกอาชีพได้สำเร็จ ในสีเสื้อ เลเวอร์คูเซ่น ในเกมเปิดบ้านพ่าย บาเยิร์น มิวนิค 2-4 เวียร์ตซ์ ยิงได้นาทีที่ 89 เป็นประตูตีตื้นขึ้นมา นั่นทำให้เขาเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดในเวลานั้น ที่สามารถทำประตูได้ ด้วยวัยเพียง 17 ปี กับอีก 34 วัน ซึ่งสถิติดังกล่าวถูก ยูสซูฟา มูโกโก้ ดาวรุ่งของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ทำลายได้ในอีกราว 6 เดือนต่อมา ในวัยเพียง 16 ปีกับอีก 28 วันเท่านั้น
ในฤดูกาล 2020-21 ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ ลงเล่นไป 29 นัด ยิงได้ 5 ประตู กลายเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดที่ทำประตูได้ถึง 2 หลักในบุนเดสลีกา โดยจบอันดับที่ 10 เมื่ออายุ 18 ปี 145 วัน ทำลายสถิติเดิมของลูคัส โพดอลสกี้ ในฤดูกาล 2021-22 ยิงได้ 10 ประตู กับ 14 แอสซิสต์ ในทุกรายการ ซึ่งสร้างสถิติ กลายเป็นนักเตะคนแรกที่ยิงได้มากกว่า 10 ประตูในบุนเดสลีกาก่อนที่จะมีอายุครบ 19 ปี
ความเจ็บปวดที่หนีไม่ได้กว่า 9 เดือน
แต่แล้วหนึ่งอุปสรรค์ของนักฟุตบอลคงหนีไม่พ้นปัญหาอาการบาดเจ็บ และ "ฟลอเรียน เวียร์ตซ์" ก็ต้องฝ่าฟัน เมื่อวันที่ 13 มี.ค. ปี 2022 ในเกมที่ เลเวอร์คูเซ่น เปิดบ้านพ่ายให้กับ เอฟซี โคโลญจน์ ด้วยสกอร์ 0-1 เขาบาดเจ็บอย่างรุนแรง เอ็นไข้หน้าหัวเข่าซ้ายฉีกขาด หรือที่เราคุ้นหูกันคือ ACL ส่งผลให้เขาต้องปิดฉากฤดูกาล 2021-2022 แถมยังต้องพลาดรายการสำคัญอย่างฟุตบอลโลก 2022 ณ ประเทศกาตาร์ อีกด้วย และล้างสนามยาวนานถึง 9 เดือน
รวมเป็นเวลากว่า 272 วัน หรือราว 9 เดือนที่ ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ ที่ต้องพักรักษาตัวจากอาการบาดเจ็บ ก่อนที่จะได้กลับมาลงสนามอีกครั้งในเกมที่ เลเวอร์คูเซ่น เอาชนะ โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค 3-2 เมื่อวันที่ 22 ม.ค. ปี 2023
สู่ความสำเร็จ
ต่อจากนั้นถือเป็นหมุดหมายสำคัญในชีวิตของเขา เมื่อเขามีส่วนสำคัญในการช่วยให้ เลเวอร์คูเซ่น ภายใต้การคุมทีมของ ชาบี อลอนโซ่ คว้าดับเบิ้ลแชมป์มาครองได้ หลังคว้าทั้งแชมป์บุนเดสลีกา และ เดเอฟเบ โพคาล มาครอง
ซึ่งในส่วนของแชมป์บุนเดสลีกานั้น ถือเป็นการคว้าแชมป์ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของ เลเวอร์คูเซ่น ด้วย และยังเป็นทีมแรกที่คว้าแชมป์แบบไร้พ่ายด้วยเช่นกัน โดย ห้างยา ทำผลงานยอดเยี่ยม ชนะ 28 เสมอ 6 ไม่แพ้ใคร เก็บไปถึง 90 คะแนน ทิ้งห่างรองแชมป์ในปีนั้นอย่าง สตุ๊ตการ์ท มากถึง 17 แต้มเลยทีเดียว
นอกจากนี้ ในฤดูกาล 2024-25 ที่เพิ่งจบลงไป "ฟลอเรียน เวียร์ตซ์" ไม่สามารถช่วยต้นสังกัด เลเวอร์คูเซ่น ป้องกันแชมป์บุนเดสลีกาเอาไว้ได้ โดยเสียแชมป์ให้กับ บาเยิร์น มิวนิค รวมถึงฟุตบอลยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก ก็ต้องเจ็บช้ำจากน้ำมือของ เสือใต้ อริร่วมลีก จากการพ่ายตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย แต่ผลงานของ เวียร์ตซ์ ยังรักษาได้สม่ำเสมอเนื่องจากเขาลงเล่น 49 นัดทุกรายการ ทำไป 18 ประตู กับ 20 แอสซิสต์
ทั้งนี้ ฤดูกาลหน้า 2025-26 เลเวอร์คูเซ่น ที่มีการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ จาก ชาบี อลอนโซ่ กุนซือกำลาทีมในครั้งนี้ เพื่อไปคุมทีม เรอัล มาดริด รวมถึงนักเตะตัวหลักหลายคนที่มีแนวโน้มออกไปหาความท้าทายใหม่ ในรายของ เจเรมี่ ฟริมปง ย้ายไปร่วมทีม ลิเวอร์พูล ส่วน โจนาธาน ทาห์ ปราการหลังของทีม กลายเป็นสมาชิกใหม่ของ บาเยิร์น มิวนิค
ทำให้ถึงคิวของ "ฟลอเรียน เวียร์ตซ์" ที่ตอนนี้ถึงแม้จะยังไม่ชูเสื้อร่วมทัพ หงส์แดง "ลิเวอร์พูล" แต่สื่อหลายสำนักก็คาดว่าไม่น่ามีทางพลาดแล้ว ซึ่งจะถือเป็นการเดินทางครั้งใหม่ของเจ้าตัวกับ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ และกลายเป็นนักเตะที่รับค่าตัวมหาศาล และประวัติศาสตร์ที่แพงที่สุด ในอีกไม่ช้า
สำหรับผลงานของ "ฟลอเรียน เวียร์ตซ์"
- เลเวอร์คูเซ่น ลงสนาม 197 นัด ทำ 57 ประตู 65 แอสซิสต์
- ทีมชาติเยอรมนี ลงสนาม 31 นัด ทำ 7 ประตู
Advertisement
