ภายหลังจาก นายภาคิน เจ้าบ่าวหนุ่มอายุ 18 ปี ที่เบี้ยวงานแต่งงาน ปล่อยให้ น.ส.จุทาทิพย์ นิ่มนวล หรือ มะนาว สาวรุ่นพี่วัย 26 ปี เจ้าสาว ต้องขึ้นเวทีขอโทษแขกที่มาร่วมงานแต่งงานเพียงลำพัง จนเป็นข่าวใหญ่โตในช่วงที่ผ่านมา โดยฝ่าย น.ส.มะนาว ยืนยันว่ามีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับนายภาคินจนตั้งครรภ์ ต้องการให้ฝ่ายชายแต่งงานรับผิดชอบ แต่ต่อมา น.ส.มะนาวออกมาเปิดเผยข้อมูลว่าได้แท้งลูกของนายภาคินไปแล้ว ขณะที่ฝ่ายชายก็ยอมรับว่ากำลังคบหาดูใจอยู่กับสาวอื่น
วันที่ 17 ก.ย. 61 มีรายงานข่าวว่านายภาคินได้ตัดสินใจฆ่าตัวตาย ด้วยวิธีผูกคอ สาเหตุเพราะเครียดประกอบกับอารมณ์ชั่ววูบ โดยนายอเนก จุนเจิม พ่อของนายภาคิน ยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นจริง และล่าสุดลูกชายอาการปลอดภัยแล้ว (อ่าน : “ภาคิน” เจ้าบ่าวทิ้งวิวาห์ เครียดผูกคอฆ่าตัวตาย พ่อเผย เพื่อนช่วยไว้ทัน ล่าสุดปลอดภัย) โดยนายภาคินยังคงนอนพักรักษาตัวอยู่ในหอผู้ป่วย โรงพยาบาลราชบุรี ซึ่งพบว่ารู้สึกตัวแล้ว สามารถขยับร่างกายได้ แต่ยังคงต่อเครื่องช่วยหายใจ โดยพบ น.ส.แอมมี่ แฟนสาว เฝ้าดูแลอยู่ไม่ห่าง
ครอบครัว น.ส.แอม ให้ข้อมูลว่า ลูกสาวตนก็ไปทำงานตามปกติ ส่งเงินค่ารถ ค่าเลี้ยงดูลูกให้เท่านั้น ยืนยันทางบ้านไม่ทราบ ส่วนตัวเชื่อว่าทางบ้านฝ่ายชายน่าจะมีข้อมูลมากกว่าตน ฝ่ายภาคินตนไม่รู้จัก ไม่เคยมาที่บ้าน ไม่เคยเจอหน้าด้วยซ้ำ เนื่องจากที่บ้านรับไม่ได้ในตัวภาคิน ด้วยช่วงวัยต่างกัน ส่วนที่ระบุว่าเกิดเรื่องผูกคอนั้น ตนไม่ทราบว่าเกิดขึ้นที่ไหน เกิดด้วยสาเหตุอะไร ลูกสาวตนก็ยังทำงานปกติ ส่วนตัวไม่ได้สอบถามลูกสาวเลย ไม่รู้เรื่องอะไรเลย
หลังเป็นข่าวตนก็ทราบหลังจากมีชาวบ้านมาสอบถาม ยืนยันขอให้ตัวเองตายถ้าหากพูดโกหก ปกติลูกสาวไม่ได้นอนที่บ้านตลอด เวลากลับมาพักหนึ่งก็กลับไปทำงาน ส่วนไปพักที่ไหนตนไม่ทราบ ส่วนตัวมองว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันวุ่นวาย “น่าจะตาย ๆ ไปมันน่าจะจบ” ส่วนตัวไม่อยากไปยุ่งเรื่องส่วนตัว เพราะลูกโตแล้ว พร้อมถามว่าเรื่องนี้มันสำคัญอย่างไรถึงต้องไปทำข่าว 2 คนนี้ โดยคืนที่ผ่านมาลูกสาวมานอนที่บ้าน แต่ก็ไม่เคยมาปรึกษาอะไร เพราะลูกเป็นคนไม่ค่อยพูด
ด้าน น.ส.จุฑาทิพย์ นิ่มนวล หรือ มะนาว อดีตเจ้าสาวของนายภาคิน เปิดเผยว่า เพิ่งทราบข่าวที่นายภาคินพยามยามผูกคอฆ่าตัวตายหลังจากทีมข่าวติดต่อมา โดยตัวเองยอมรับว่าไม่ทราบรายละเอียดของเรื่องที่เกิดขึ้นเลย ด้วยที่ผ่านมาตนไม่ได้มีการติดต่อกันตั้งแต่เป็นข่าวครั้งที่ผ่านมา แทบจะตัดขาดกันทั้งหมด มีเพียงแค่เรื่องคดีความเท่านั้น ที่ยังต้องประสานงานกันอยู่ ซึ่งตนก็ปล่อยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและทนายความเป็นฝ่ายดำเนินเรื่องให้
ส่วนตัวหลังทราบข่าวไม่ได้คิดอะไร ไม่ได้รู้สึกอะไร ยังไม่รู้อาการของภาคิน ไม่รู้เจ็บถึงขั้นไหน เพราะเราต่างคนต่างอยู่ ตนไม่ได้คิดอยากจะไปเยี่ยม เพราะตอนที่ตนป่วยเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลหลังแท้งลูก เขาก็ไม่เคยมาเยี่ยม ตอนนี้เป็นเรื่องของเขา เราก็ไม่ได้คิดจะไป โดยไม่ขอตอบว่าโกรธแค้นหรือไม่ บอกได้เพียงว่าตอนนี้ปล่อยวางได้แล้ว ส่วนเรื่องกฎหมายยังให้ดำเนินการต่อไป อย่างไรก็ตามหลังเกิดเรื่องไม่ได้มีการติดต่อกันทั้งทางโทรศัพท์ ไลน์ เฟซบุ๊ก และตนก็ไม่ได้สนใจอะไร
ขอบคุณภาพจากเฟซบุ๊ก Manow Jutathip Nimnual
Advertisement