
วันที่ 11 พ.ย.2568 ที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เดินทางมายื่นหนังสือต่อนายพชร อนันตศิลป์ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และนางสาวสุชาดา ซาง แทนทรัพย์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี และโฆษกกระทรวงดีอี
โดยนายอัจฉริยะ ได้ยื่นหลักฐาน และข้อมูลกรณีนายตำรวจ “ยศพันตำรวจเอก” ที่อ้างคําสั่งนายประเสริฐ จันทรรวงทอง อดีตรัฐมนตรีกระทรวงดีอี รีดเงินเจ้าของเว็บพนัน โดยส่งหนังสืออายัดบัญชี และมีการเรียกรีดทรัพย์เป็นค่าปล่อยอายัดบัญชี 50% และตำรวจสอท.ยศ ร้อยตำรวจโท สมัย พลตํารวจโทไตรรงค์ ผิวพรรณ เป็นผู้บัญชาการตำรวจไซเบอร์ เรียกเงินปลดอายัดบัญชีละ 100,000 บาท
นอกจากนี้ ยังมีการนําข้อมูลเว็บพนันจํานวน 50 เว็บ ซึ่งเป็นชุดใหม่เพิ่มเติมจากที่เคยยื่นก่อนหน้านี้ มามอบให้กับทางกระทรวงดีอี ได้ดำเนินการปิดเว็บดังกล่าวด้วย พร้อมทั้งเปิดเว็บพนันที่กำลังมีการถ่ายทอดสดชักชวนให้เล่นการพนันแบบเรียลไทม์รอบละ 3 ล้านบาท จึงขอให้ทางกระทรวงดีอีเร่งตรวจสอบด้วย
ด้านนายพชร ปลัดกระทรวงดีอีฯ เปิดเผยว่าขณะนี้ทางกระทรวงได้ไล่ปิดเว็บไซต์วันละไม่ต่ำกว่า 10,000 เว็บ และได้ตั้งคณะกรรมการพรบ.คอมพ์ตามนโยบาย สกัดกั้นรายวัน พร้อมทั้งยืนยันว่า ข้อมูลเว็บพนันที่นายอัจฉริยะ ได้เปิดเผยมาก่อนหน้านี้ ทำการไล่ปิดเกือบทั้งหมดแล้ว แต่บางเว็บไซต์มีเซิร์ฟเวอร์อยู่ในต่างประเทศ จึงมีการปิดกั้นการเข้าถึงในประเทศไทย
พร้อมประสานทาง กสทช. ในการเอาชุดข้อมูลการกระทำความผิดซ้ำซากเกี่ยวกับเว็บพนัน เพื่อแจ้งพวกโอเปอเรเตอร์สกัดเว็บพนันใหม่ที่จะเปิดชักชวนให้เล่น
ส่วนกรณีตำรวจยศ “พันตำรวจเอก” ที่อ้างเอกสารหมายเรียกกระทรวงดีอี ที่เรียกเจ้าของบัญชีนั้น ยืนยันว่าเป็นหมายเรียกปลอม ซึ่งหมายเรียกดังกล่าว จะออกได้เฉพาะหน่วยงานที่อยู่ภายใต้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเท่านั้น กระทรวงดีอี ไม่มีอำนาจในการออกเอกสารดังกล่าว พร้อมทั้งมีการประสานไปยังหน่วยงานต้นสังกัดดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง
ขณะที่กรณีที่มีประชาชนรายหนึ่งที่อ้างตัว ว่าเป็นเจ้าหน้าที่กระทรวงดีอี ได้มีการตรวจสอบแล้ว ว่าบุคคลดังกล่าว ไม่ได้มี ส่วนเกี่ยวข้องกับทางกระทรวงหรือชุดทํางานชุดดังกล่าว เบื้องต้นได้มีการตรวจสอบข้อมูล ตามทะเบียนราษฎร์ พบว่ามีตัวตนจริง แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่ได้เข้ามาให้ข้อมูลกับทางกระทรวงแต่อย่างใด หลังจากนี้ จะประสานไปทางตํารวจให้ดําเนินการเรียกตัวมาสอบถามข้อเท็จจริง
ด้านนางสาวสุชาดา เปิดเผยว่า ประเด็นที่นายตำรวจยศ “พันตำรวจเอก” อ้างชื่อกระทรวงดีอี เบื้องต้นได้มีการตรวจสอบแล้ว ว่าเป็นหนึ่งใน 30 คณะทำงาน ของกระทรวงฯ จริง ซึ่งหลังจากตกเป็นข่าวก่อนหน้านี้ ทางกระทรวงได้ยกเลิกชุดทำงานทั้ง 30 คน ไม่ให้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำงาน จึงได้ยกเลิกคำสั่งแต่งตั้งชุดทำงานชุดนี้ ตั้งแต่เดือนเมษายน 2568 ที่ผ่านมา ยืนยันว่า หากพบว่ามีการไปกระทำความผิดจริง ก็จะมีการดำเนินการตามกฎหมาย
ทั้งนี้ นายอัจฉริยะได้มีการยื่นหลักฐานเกี่ยวกับเสาส่งสัญญาณอินเตอร์เน็ตที่ไม่ได้รับอนุญาตกว่า 1,750 ต้น ในเขตพื้นที่ใกล้ชายแดน โดยเฉพาะที่อำเภอเเม่สอด จังหวัดตาก ซึ่งทางกระทรวงดีอี ยืนยันว่าได้ตัดสัญญาณหมดแล้ว ไม่มีการปล่อยเสาสัญญาณไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ที่เหลือเป็นการลักลอบตั้งใจทำผิดกฎหมาย คงต้องตามจับดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมเตรียมประสานทางกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทําการตรวจสอบเสาส่งสัญญาณอินเทอร์เน็ตดังกล่าว เพื่อเตรียมข้อมูลเข้าที่ประชุมพรก.ชุดนี้ในวันศุกร์ที่ 14 พฤศจิกายนนี้
Advertisement