
 ทางการฟิลิปปินส์สั่งอพยพประชาชนหลายพันคนออกจากพื้นที่ชายฝั่ง ก่อนที่พายุไต้ฝุ่น “คัลแมกี” (Kalmaegi) จะเคลื่อนตัวเข้าฝั่ง คาดว่าศูนย์กลางพายุจะอยู่เหนือภาคกลางของฟิลิปปินส์ในช่วงเช้าวันพรุ่งนี้ (4 พฤศจิกายน 2568)
โดยกรมอุตุนิยมวิทยาฟิลิปปินส์รายงานว่า พายุลูกนี้กำลังมุ่งหน้าเข้าใกล้เกาะเลย์เต (Leyte) ด้วยความเร็วลมสูงสุดถึง 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และมีลมกระโชกแรงสูงสุดถึง 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 
เบื้องต้น ทางการเริ่มอพยพประชาชนตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งมีการเปิดเผยตัวเลขผู้อพยพ อยู่ที่ราว 10,000-15,000 คน ขณะที่บางพื้นที่ อย่างเมืองกีอวน เจ้าหน้าที่ต้องใช้การอพยพแบบบังคับให้ปราชนออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นจุดที่พายุมีแนวโน้มจะขึ้นฝั่งโดยตรง
ด้านนายโรเอล มอนเตซา เจ้าหน้าที่ภัยพิบัติประจำจังหวัดเลย์เต เปิดเผยว่า “ขณะนี้การอพยพประชาชนกำลังดำเนินอยู่ในเมืองปาโลและตาเนาอัน” ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เคยถูกคลื่นพายุซัดฝั่งอย่างหนักเมื่อปี 2013 ในเหตุการณ์ซูเปอร์ไต้ฝุ่นไห่เยี่ยน ที่คร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 6,000 รายในภูมิภาคที่เคยเผชิญพายุรุนแรงและคร่าชีวิตผู้คนมากที่สุดของประเทศ พร้อมทั้งยังมีรายงานว่า พายุคัลแมกีถือเป็นพายุลูกที่ 20 ของปีนี้แล้ว และคาดว่าอาจมีพายุเพิ่มอีกอย่างน้อย 3 ถึง 5 ลูกก่อนสิ้นปี
สถานการณ์พายุที่เกิดขึ้น ทำให้นักวิทยาศาสตร์ออกมาเตือนว่า พายุมีแนวโน้มรุนแรงขึ้นจากภาวะโลกร้อนที่เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ โดยวาริลลาอธิบายว่า ปรากฏการณ์เอลนีโญ–ลานีญา โดยเฉพาะ ลานีญา (La Niña) มักทำให้เกิดพายุหมุนเขตร้อนมากขึ้น เนื่องจากอุณหภูมิน้ำทะเลในแถบแปซิฟิกลดต่ำลง 
ทั้งนี้ ฟิลิปปินส์เพิ่งเผชิญพายุรุนแรงสองลูกในเดือนกันยายนที่ผ่านมา หนึ่งในนั้นคือ ซูเปอร์ไต้ฝุ่นรากาซา (Ragasa) ที่สร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง โค่นต้นไม้ ทำลายหลังคาบ้านเรือน และคร่าชีวิต 14 คนในไต้หวัน
Advertisement