"กัน จอมพลัง" โอด อยากกลับไปช่วยเหลือคน มอง "เจนนี่" เป็นไอดอลไลฟ์สด
เคลียร์ทุกดรามา! "กัน จอมพลัง" โอด อยากกลับไปช่วยเหลือคน มอง "เจนนี่" เป็นไอดอลไลฟ์สด ถามกลับ "ณวัฒน์" สรุปใครแขวนใคร
(1 พ.ย. 2568) เป็นกระแสดรามาที่หลายคนจับตามองอยู่ตลอด สำหรับอินฟลูเอนเซอร์สายช่วยคน "กัน จอมพลัง" ถึงการเปิดรับเงินบริจาคช่วยเหลือชายแดน ซึ่งก่อนหน้านี้เจ้าตัวได้มีประเด็นกับหลายๆ คน รวมถึงเจ้าพ่อนางงาม "บอสณวัฒน์" หลังออกมาขอเงินบริจาคคืน เจ้าตัวก็ได้เปิดใจทำเรื่องนี้พร้อมกับอัปเดตชีวิตหลังผันตัวมาปิดพ่อค้าไลฟ์สดออนไลน์ ตามกระแส "เทศกาลเจนนี่" จนมีแบบติดต่อมาขอร่วมขึ้นไลฟ์กว่า 3,000 แบรนด์ แต่ก็ไม่วายโดนชาวเน็ตเปรียบเทียบกับ "เจนนี่ รัชนก" เจ้าตัวก็ยืนยันว่าเห็นน้องเป็นต้นแบบและยกให้เป็นไอดอล ก่อนจะเปิดใจไว้อยากกลับไปช่วยเหลือคนอีกครั้งด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ล่าสุด "กัน จอมพลัง" ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน หลังผันตัวไปเป็นพ่อค้าไลฟ์สด เจ้าตัวบอกว่า จากนักช่วยมาเป็นพ่อค้าออนไลน์ ยอมรับว่ามันเป็นโลกใหม่ของตนมาก แม้ตนจะเคยค้าขายร้านก๋วยเตี๋ยวมาก่อน มันมีหลายเรื่องมากที่ตนยังไม่รู้ เราก็ตกใจกับเจ้าของแบรนด์หลายท่าน มีทั้งหมด 3,000 แบรนด์แล้ว ที่ติดต่อมา ดีใจที่เอฟซีได้ใช้ของราคาไม่แพงและมีมาตรฐาน รู้สึกมันส์กับการทำแบบนี้มาก ส่วนการไปอยู่ป่าช่วยชายแดน ตอนแรกอยากจะพัก แต่พอได้รางวัลนี้ ทำให้ตนอยากกลับไปอีกครั้ง ตอนนี้ตนตั้งใจอยากจะไลฟ์ไปให้ถึงวันที่ 11.11 มาก ตนอยู่ถึง 6 โมงเช้าเพื่อวางแผนทำการบ้านกันทุกคืน
สำหรับดรามาที่คนมองว่าตนไม่ช่วยดันยอดขาย เจ้าตัวบอกว่า หากใครดูจะเห็นว่าตนเต็มที่มาก เมื่อวานมีที่นอนมาขายตนก็ยังไปนอนให้ทุกคนดู ส่วนใครที่เป็นสินค้าใหม่แล้วคนยังไม่เข้าใจ สามารถนำคลิปไลฟ์สด ไปปักตะกร้าต่อได้ ส่วนถ้า 5 นาทีลูกค้ายังกดไม่ทันตนก็คาตะกร้าไว้ในไลฟ์ คนก็ยังสามารถมากดได้อยู่ วันนี้ที่เรามาช่วยเจ้าของแบรนด์ลูกจ้างเขาก็ได้รับผลประโยชน์ไปด้วย
หลังจากตนได้ไลฟ์ขายของคนก็เอาไปเปรียบเทียบกับ "เทศกาลเจนนี่" ซึ่งเจ้าตัวก็ยืนยันว่า มองน้องเป็นไอดอล และถ้าไม่เจอดรามาก่อนตนกำลังจะมีโอกาสไปไลฟ์ขายสินค้ากับน้องด้วย พอเกิดเรื่องลูกค้าไม่อยากมีปัญหาเลยยกเลิก ทำให้หมดโอกาสไปเจอกับเขาแล้ว ตนก็มองน้องเป็นไอดอลที่เก่งมาก และถ้าน้องเขาเห็นคลิปนี้ตนก็ยินดีอยากไปร่วมไลฟ์จอคู่กัน แต่ตนก็ไม่กล้าไปเทียบกับเขา เพราะเขาเก่งจริง
ถามถึงการอยากกลับไปช่วยชายแดนอีกครั้ง เจ้าตัวก็ยืนยันว่า หากมีโอกาสตนก็อยากกลับไป อย่างน้อยก็ไม่ต้องเป็นบริบทชายแดนก็ได้ ตอนนี้มูลนิธิก็ยังทำงานที่ค้างอยู่ แต่สิ่งที่ทุกคนเห็นงานที่ทำคือการที่ตนนั้นไปช่วยคนที่ลำบากยากจน หลังจากนี้เดี๋ยวตนจะเข้าไปนั่งเป็นประธานมูลนิธิเอง ในส่วนอื่นๆ ที่คนไม่สบายใจ ตนก็ดำเนินการเปลี่ยนให้ทั้งหมด ภารกิจเดิมที่มีอยู่ตอนนี้ก็ให้ดำเนินการไป หากตนไปนั่งตำแหน่งประธานก็ค่อยเดินหน้าต่อ
ในส่วนประเด็นของทาง "บอสณวัฒน์" ตนก็เห็นว่าเค้าได้โอนเงินคืนทางบริษัทมิสแกรนด์ตามที่บอสขอ ตนก็เชื่อว่าเขาดูได้ ส่วนเรื่องการเคลียร์กันส่วนตัว ตนไม่เคยคุยอะไรกับเขา กับคำที่เขาบอกว่า "ขอไม่ร่วมงานด้วย" พอตนได้ยินก็รู้สึกตกใจ ย้อนกลับ "ถามผมสักคำมั้ยว่าอยากร่วมงานกับพี่ณวัฒน์หรือเปล่า" สำหรับการโอนเงินตนไม่ได้โอนเข้าบัญชีส่วนตัวของทาง "บอสณวัฒน์" ตอนแรกถามเขา เขาบอกไม่เอาเราเลยโอนไปมูลนิธิ ทางมูลนิธิก็ได้ไปดำเนินการโอนคืนให้ถูกต้องแล้ว และที่บอกว่าเอา "บอลณวัฒน์" ไปแขวน ตนก็ถามย้อนกลับว่า "สรุปใครแขวนใคร" ตนพยายามที่ไม่อยากไปยุ่งด้วย ต่างคนต่างทำมาหากินเถอะ ตอนนี้ตนก็หันมาขายของแล้ว ไม่รู้ว่าจะไปมีปัญหากับเขาทำไม
ถามว่ากังวลใจไหม เจ้าตัวบอกว่า ทุกวันนี้คนตั้งคำถามมา ก็ไม่มีหลักฐานซักอย่าง ถ้ามั่นใจก็ให้เปิดมาเลย กลายเป็นว่าตอนนี้ถ้าไม่เอาสิ่งที่เขากล่าวหาออกมาเปิดเราคือคนไม่บริสุทธิ์ อย่างกรณีที่ตนเคยบอกว่ากรรมการประธานไม่มีใครได้รับเงินเดือนเลยและพอตรวจสอบจริงก็ไม่มีใครได้รับเงินเดือน ตอนนี้ คนไปพูดไปใหญ่เลยไหนจะฟอกเงิน เงินสีเทา ไม่มีใครแสดงความรับผิดชอบกับคำพูดเลย บางคนก็พร้อมจะเชื่อ ตนก็ยินดีหากใครอยากจะตรวจสอบ ตอนนี้เราก็ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นผู้ตรวจสอบ หรือคนบอกให้ ปปง. ตรวจสอบเราก็ยินดีเข้าสู่กระบวนการทั้งหมด
Advertisement
