พ่อแม่เศร้า รับร่าง "สนธยา" แรงงานไทยจากอิสราเอล ถึงบ้านแล้วกลางดึก
พ่อแม่เศร้า รับร่าง "สนธยา" แรงงานไทยจากอิสราเอล ถึงบ้านแล้วกลางดึก ท่ามกลางความเศร้าโศรกเสียใจของครอบครัว ก่อนนี้ยังหวังลึกๆ ว่าลูกอาจจะมีชีวิตอยู่
(24 ต.ค. 2568) ที่บ้านพัก หมู่ที่ 3 บ้านโคกม่วย ต.บ้านพร้าว อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู ซึ่งเป็นบ้านของ นายสนธยา อัครศรี หรือ น้องมอส แรงงานไทยที่เสียชีวิตจากการสู้รบของสงครามอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส ตั้งแต่เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2566 ที่ผ่านมา เป็นหนึ่งในสองแรงงานที่เหลืออยู่และจะได้รับการส่งร่างกลับมาบ้านตามข้อตกลงสันติภาพระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส เมื่อวันที่ 13 ต.ค. 2568 ที่ผ่านมา โดยกลุ่มฮามาสได้เริ่มส่งคืนร่างผู้เสียชีวิตที่เหลือจากฉนวนกาซา และ นายสนธยา อัครศรี เป็นหนึ่งในร่างของผู้เสียชีวิตที่จะได้รับการส่งกลับ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ซึ่งที่บ้านได้มีเจ้าหน้าที่ 5 เสือ จากกระทรวงแรงงานลงพื้นที่ซึ่งประกอบด้วย นายสมศักดิ์ เพ็งธรรม แรงงานจังหวัดหนองบัวลำภู น.ส.เสาวลักษณ์ อาภรณ์รัตนานนท์ สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดหนองบัวลำภู น.ส.เขมจิรา ภูวะศรี ตำแหน่งนักวิชาการแรงงานชำนาญการพิเศษ รักษาราชการแทนจัดหางานจังหวัดหนองบัวลำภู น.ส.สิริรัช ธรรมตะคุ นักวิชาการแรงงานชำนาญการผู้แทนสำนักงานประกันสังคมจังหวัดหนองบัวลำภู นายธีร์ ศรีอาษา ผอ.สำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงาน พร้อมด้วย นางอมร อัครศรี ผู้เป็นแม่ นายนิพนธ์ อัครศรี ผู้เป็นพ่อ น้องมุก ลูกสาวอายุ 9 ขวบ เรียนอยู่ชั้น ป.3 นายวีระเดช อัครศรี น้องชาย และนายมนัส ไกรยวงษ์ ผู้ใหญ่บ้าน พร้อมด้วยญาติพี่น้องเพื่อนบ้านได้มาอยู่เป็นเพื่อนของพ่อกับแม่ในการรอรับร่างของผู้เสียชีวิต ซึ่งมาถึงบ้านเมื่อเวลา 24.00 น. วันที่ 23 ต.ค. 2568
โดยเมื่อรถของบริษัทสุริยาหีบศพมาถึงบ้าน พ่อแม่ลูกสาวน้องชายญาติพี่น้องเพื่อนบ้านและเจ้าหน้าที่ 5 เสือ กระทรวงแรงงานได้ตั้งแถวรับร่างของ นายสนธยา อัครศรี เข้าสู่บ้าน พ่อแม่ลูกสาวน้องชายร่วมกันจุดธูปให้กับผู้เสียชีวิต จัดแต่งอาหารใส่ถาดให้กับผู้เสียชีวิตตามประเพณีของชาวอีสาน ที่เรียกว่า พาข้าวน้อย พร้อมทั้งพวงหรีดของ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมต.กระทรวงแรงงาน กระทรวงการต่างประเทศ และจากหลายหน่วยงานทั้งในประเทศและต่างประเทศ
นางอมร ผู้เป็นแม่ของ นายสนธยา กล่าวว่า ตั้งแต่รู้ข่าวว่าจะได้ลูกชายกลับมานอนไม่หลับ คืนนี้ก็เหมือนกัน ทั้งตัวเองและสามีก็ไม่นอนเลย ตั้งตารอคอยการนำร่างของลูกชายกลับมา ซึ่งก็ได้บอกกับลูกชายว่าได้กลับมาถึงบ้านเรือนของเราแล้วไม่ต้องห่วงอะไร ไม่ต้องห่วงพ่อห่วงแม่ ไม่ต้องห่วงลูกสาว ปู่กับย่าจะเลี้ยงดูให้ดีเหมือนกับเป็นลูกคนหนึ่ง ขอให้ไปสู่สวรรค์ หากชาติหน้ามีจริงก็ขอให้ได้มาเกิดร่วมกัน ซึ่งการไปของลูกครั้งนี้ถ้ารู้ว่าลูกจะได้กลับมาสภาพแบบนอนอย่างนี้แม่ก็คงไม่ให้ไป เป็นเวลา 7 ปีกว่าที่รอคอยที่ลูกชายไปทำงานได้ 5 ปี 3 เดือน วันเกิดเหตุลูกชายไปขออาหารเป็ดมาให้เพื่อนไว้เลี้ยงเป็ด เพราะตัวเองจะกลับบ้านแล้ว จะให้เพื่อนเลี้ยงต่อ ช่วงนั้นรอวีซ่าที่จะเดินทางกลับเพราะครบกำหนดแล้วแต่ก็เป็นห่วงเป็ดที่เลี้ยงไว้ เมื่อกลับมาแล้วจะไม่มีอาหาร แต่ก็มาเกิดเหตุเสียก่อน โดยตอนเกิดเหตุลูกชายได้คุยกับลูกสาวเป็นครั้งสุดท้าย
นอกจากนั้น นางอมร และ นายนิพนธ์ ยังได้ยกมือไหว้ขอบคุณหน่วยงานต่างๆ ที่ได้ให้การช่วยเหลือ รู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกระทรวงแรงงานที่ติดตามเรื่องนี้ให้ตลอด ตนเองก็คงไม่รู้ว่าจะไปทำอย่างไร ขอบคุณทุกคนที่มาคอยดูแลช่วยเหลือ ส่วนการจัดการศพนั้นจะทำการสวดอภิธรรม 3 คืน และจะทำการฌาปนกิจที่ วัดป่าธรรมเจดีย์ ในวันที่ 27 ต.ค. 2568 จากนั้นก็จะทำบุญตักบาตรอุทิศส่วนกุศลให้เลย เพราะเมื่อปีที่แล้วตนเองก็ได้ทำบุญกฐินหาผู้ตายไปแล้วครั้งหนึ่ง จะได้หมดห่วง เพราะก่อนนี้แม้ว่าจะได้รับแจ้งได้ใบมรณะบัตรแสดงถึงการเสียชีวิตแต่ไม่ได้เห็นร่างของลูกชาย ก็ยังหวังลึกๆ ว่า ลูกชายอาจจะมีชีวิตอยู่ แต่เมื่อได้รับร่างก็คงหมดหวัง
กับการรอคอยที่ไปทำงาน 5 ปี 3 เดือน กำลังจะเดินทางกลับและมาเกิดเหตุถูกจับเป็นตัวประกัน จนทราบว่าเสียชีวิตอีกเป็นเวลา 2 ปี รวมแล้วก็ 7 ปี 3 เดือน ที่กว่าจะได้กลับมาแต่ก็เป็นเพียงร่าง ซึ่งผู้เป็นแม่เล่าด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ บางครั้งก็เช็ดน้ำตา ส่วนพ่อก็บอกว่าเหตุการณ์อย่างนี้หากไม่เกิดขึ้นกับใครก็คงไม่รู้หรอกว่ามันเจ็บปวด ตั้งแต่รู้ข่าวลูกก็กินข้าวไม่ได้ มันจุกในอกเมื่อคิดถึงลูก สำหรับลูกคนนี้ถือว่าเป็นเสาหลักของครอบครัว ตั้งแต่ไปทำงานส่งเงินกลับมาให้แม่กับพ่อตลอดเดือนละ 30,000 - 50,000 บาท จึงเป็นการสูญเสียความหวังของครอบครัวไป
ส่วนทางด้าน นายสมศักดิ์ แรงงานจังหวัดหนองบัวลำภู พร้อมด้วยคณะ 5 เสือ ของกระทรวงแรงงาน ก็มาร่วมรับร่างและในการสวดอภิธรรมในคืนแรกคือวันที่ 24 ต.ค. 2568 ทางกระทรวงแรงงานจะเป็นเจ้าภาพในการสวดอภิธรรมเป็นคืนแรกและได้สอบถามกับทางครอบครัวถึงเงินชดเชยต่างๆ ทางครอบครัวบอกว่าได้รับการประสานติดต่ออำนวยความสะดวกอย่างดีไม่มีปัญหาในเรื่องนี้ ซึ่งหากยังขาดอะไรทาง 5 เสือของกระทรวงแรงงานก็พร้อมที่จะติดตามช่วยเหลือให้ต่อไป
Advertisement
