
วันที่ 24 ต.ค. 68 จากกระแสดรามา “มูลนิธิกันจอมพลังช่วยสู้” ที่ไม่มีชื่อ นาย กัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง เป็นประธาน หรือคณะกรรมการในมูลนิธิฯ จนมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จำนวนมาก พร้อมตั้งคำถามอย่างหนักเกี่ยวกับความโปร่งใสของมูลนิธิฯ เรื่องการจัดการเงินบริจาค และความสัมพันธ์กับนักการเมืองชื่อดัง จนกลายเป็นประเด็นทางสังคมเรียกร้องให้มีการตรวจสอบอย่างละเอียดนั้น
ล่าสุดเมื่อเวลา 10.30 น. ที่โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่น ชั้น 2 มูลนิธิ กันจอมพลัง ช่วยสู้ นัดสื่อแถลงข่าวชี้แจงประเด็นเงินบริจาค โดย น.ส.กาญจนา สถาวร ประธานมูลนิธิกันจอมพลังช่วยสู้ กล่าวว่า เงินตั้งมูลนิธิเราเริ่มที่ 5 แสนบาท ตามข้อบังคับกฎหมาย โดยเพื่อนๆ ของ กัน จอมพลัง ลงขันร่วมกัน ช่วยกันทำสิ่งต่างๆ เพื่อสังคมมาตลอด จากนั้นมีเงินเข้ามูลนิธิทั้งหมด 207,350,262.04 บาท ปัจจุบันใช้เงินไปแล้วทั้งหมด 117,673,106.02 บาท และเงินคงเหลือในบัญชี 90,177,156.02 บาท แต่ตอนนี้หน้างานยังคงมีการดำเนินการภารกิจกันอยู่
ส่วนที่ต้องระบุ มูลนิธิธรรมนัส พรหมเผ่านั้น เราต้องการจัดตั้ง มูลนิธิกันจอมพลังช่วยสู้ ให้แล้วเสร็จเร็วที่สุด ยืนยันว่าทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย และข้อบังคับการจดทะเบียนมูลนิธิที่จะต้องมีมูลนิธิ หรือ นิติบุคคลอื่นมารองรับบริหารงานต่อ เพื่อไม่ให้ทรัพย์สิน หรือเงินที่บริจาคมาสูญหายไป เพื่อประโยชน์ต่อสาธารณะ และประโยชน์ต่อผู้บริจาค ซึ่งทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย และทรัพย์สินของ มูลนิธิกันจอมพลังช่วยสู้ ไม่ได้เป็นของมูลนิธิธรรมนัส พรหมเผ่า หลักเกณณ์นี้จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อ มูลนิธิกันจอมพลังช่วยสู้ เลิกไปเท่านั้น แต่ ณ ปัจจุบันเรายังคงดำเนินการอยู่ตามปกติ และถ้าเรานำเงินไปให้มูลนิธิอื่นที่ไม่ถูกต้องตามวัตถุประสงค์ก็จะผิดในข้อบังคับ ซึ่งตนกล้ายืนยันได้เลยว่าตั้งแต่เปิดมูลนิธิฯ ไม่มีการโอนเงินออกไปยัง มูลนิธิธรรมนัส พรหมเผ่า ทุกกรณี
ที่ผ่านมา กัน จอมพลัง ก็เคยช่วยเหลือ มูลนิธิธรรมนัส พรหมเผ่า ในการช่วยเหลือสังคม ตอนที่เรายังไม่มี มูลนิธิกันจอมพลังช่วยสู้ โดยเฉพาะตอนน้ำท่วม ตั้งโรงครัว แจกข้าวช่วยเหลือประชาชน ซึ่งตอนนั้นเรายอมรับว่าไม่ได้มีความสนิทสนมกับมูลนิธิอื่นใดเป็นพิเศษ จึงเป็นความเหมาะสมที่สุด ณ วันนั้น ยอมรับว่าเราอาจจะคิดน้อยว่คนที่ช่วยเหลือเงินบริจาคมากับเรา เขาจะรู้สึกอย่าไร เพราะเรารีบที่สุดในการก่อตั้งมูลนิธิกันจอมพลังช่วยสู้ เนื่องจากการช่วยเหลือรอเต็มไปหมด ทั้งนี้ทีมงานได้มีการพูดคุยว่าจะต้องมีการปรับแก้ไขกันต่อไป
ส่วนตัวยืนยันว่าไม่เคยรู้จักกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรมว.เกษตรฯ เพียงแค่รู้จักในฐานะนักการเมือง ตนเป็นเพียงแค่อาสาสมัครทั่วไป ส่วน กัน จอมพลัง ถือเป็นผู้ก่อตั้งมูลนิธิฯ คนหนึ่ง ซึ่งตนเชื่อว่าตามข้อบังคับ และวัตถุประสงค์ของมูลนิธิธรรมนัส พรหมเผ่า ค่อนข้างสอดคล้องกับ มูลนิธิกันจอมพลังช่วยสู้ ตนคิดว่าวันหนึ่งหาก มูลนิธิกันจอมพลังช่วยสู้เลิกไปก็ยังมีมูลนิธิธรรมนัส พรหมเผ่า มาสานต่อนโยบาย และภารกิจตามกฎหมายได้ทันที และยืนยันว่าไม่ได้ใส่ชื่อ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า แต่เป็น มูลนิธิธรรมนัส พรหมเผ่า ที่เป็นนิติบุคคล
อีกทั้งกรณีการถอนเงินออกจากธนาคาร กรรมการคนเดียวไม่สามารถถอนเงินสดออกจากธนาคารได้ จะต้องมีกรรมการ 2 ใน 3 ไปเบิกเงินร่วมกันเท่านั้น
ขณะที่นาย กัณฐัศว์ หรือ กัน จอมพลัง กล่าวว่า หลายคนสงสัยว่ามีการถอนเงินสดออกจากมูลนิธิฯหรือไม่นั้น เราจะไม่ถอนเงินสดออกเลย เพราะมันสามารถทุจริต หรือมุบมิบได้ และมีปัญหาตามมาในอนาคตได้ เลยไม่มีการกดเงินสดออกเลย ใครที่พูดเรื่องนี้ ตนอยากให้แสดงพยานหลักฐานมา
ส่วนที่มีการระบุ มูลนิธิธรรมนัส พรหมเผ่านั้น ตอนนี้เราได้มีการพูดคุยใน มูลนิธิกันจอมพลังช่วยสู้ว่า เราไม่คิดว่าจะมีปัญหาแบบนี้ เมื่อเรื่องมันเกิด มีคนบิดข่าว อาจทำให้หลายคนไม่สบายใจ ยืนยันว่าเราทำมูลนิธิฯไม่ได้มีเจตนาว่าจะต้องเอาเงินไปให้ใคร และทุกวันนี้ก็ยังไม่มีเงินไปถึงระบุ มูลนิธิธรรมนัส พรหมเผ่าเลย แต่เพื่อความสบายใจ เราได้ประสานไปที่มูลนิธิที่มีความมั่นคงแห่งหนึ่ง และจะเปลี่ยนมาแทน มูลนิธิธรรมนัส พรหมเผ่าแล้ว หลังจากนี้ทุกคนสามารถตรวจสอบได้ว่าเราเปลี่ยนไปมูลนิธิใด ซึ่งศักยภาพเขาใหญ่มากและมีความมั่นคงมาก
ส่วนที่ตนไม่นั่งตำแหน่ง ประธานมูลนิธิกันจอมพลังช่วยสู้นั้น ก็เพื่อความโปร่งใส เมื่อหลายคนอยากให้ตนนั่งเดี๋ยวตนจะมานั่งเอง
เมื่อถามถึงกรณีที่ นาย ณวัฒน์ อิสรไกรศีล หรือ บอสณวัฒน์ ขอเงินที่บริจาค 50,000 บาทคืนนั้น กัน จอมพลัง กล่าวว่า ตนเชื่อว่าเงินบริจาคของนายณวัฒน์ได้นำไปทำถนนแล้ว แต่ในมุมของตนในส่วนของนายณวัฒน์จะเอาเงินส่วนตัวจ่ายคืนให้เอง เพื่อแสดงความรับผิดชอบ ตนยืนยันว่าไม่เคยได้เงินจากมูลนิธิฯเลย ไม่มีเงินเดือน
ส่วนกรณีการรับงานของกระทรวงเกษตรฯ 1 ปี มี 5,000 กว่างาน เป็นงานเฉพาะเจาะจงเลือกคนให้เหมาะกับงาน ในส่วนของตนเหมาะสมเรื่องประชาสัมพันธ์ จาก 5,000 งาน เหมาะสม 3 งาน ถ้ามีความสัมพันธ์ส่วนตัวทำไมไม่ได้ 1,000 งาน ถ้าตนได้งานจัดซื้อ หรือทำถนนก็ว่าไปอย่าง ยืนยันไม่มีซูเอี๋ย หรือวิ่งรับงานแน่นอน
Advertisement