วันที่ 19 ต.ค. นายฝันเด่น จรรยาธนากร (เล็ก) นำกลุ่มจิตอาสา ฝันดี-ฝันเด่น ใจถึงใจคนไทยไม่ทิ้งกัน ลงพื้นที่ อ.โนนหมากมุ่น จ.สระแก้ว เพื่อมอบถุงยังชีพให้ชาวบ้านกลุ่มเปราะบาง โดยให้สัมภาษณ์ว่า จากที่เราลงพื้นที่มาตลอดได้ทราบข้อมูลมีกลุ่มเปราะบางผู้ป่วยติดเตียง จึงประสานให้อาสาสมัครได้มีการตรวจสอบกับทางกำนันในพื้นที่ ว่านำสิ่งของมามอบให้กับประชาชนกลุ่มนี้ได้อย่างไร ซึ่งเบื้องต้นพบว่ามีอยู่ประมาณ 50 หลังคาเรือนจากหลายหมู่บ้าน
นายฝันเด่น กล่าวต่อว่า ถุงยังชีพจะไม่เหมือนกับที่เรานำไปแจกภัยน้ำท่วม เพราะจะมีการนำข้าวสาร 10 กิโล รวมถึงเครื่องปรุงพื้นฐานต่างๆ มาให้พี่น้องประชาชน โดยจะมีการแจกในพื้นที่ตำบลโนนหมากมุ่น ในหลายหมู่บ้านจำนวนทั้งสิ้น 50 หลังคาเรือน และหากหลังจากนี้พบว่ามีความต้องการเพิ่มเราจะมีการรวบรวมสิ่งของเพิ่มเติมเพื่อนำมาแจกจ่าย โดยย้ำว่าจะเป็นการดูแลกลุ่มเปราะบางก่อนซึ่งคงไม่สามารถแจกจ่ายได้ครบทุกครัวเรือน
ในขณะนี้สถานการณ์ค่อนข้างยืดยาวและสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ จึงมีการรวบรวมสิ่งของเพื่อให้กลุ่มเป้าหมายในส่วนนี้ก่อน แต่ความจริงนั้นเราอยากแจกให้กับทุกครัวเรือน ยืนยันว่าถุงยังชีพ 50 ชุดที่นำมาแจกจ่ายนั้นเป็นการสำรวจโดยกำนันในพื้นที่ ซึ่งความจริงมีการแจ้งมา 46 ชุด แต่เรามีการจัดเตรียมเผื่อไว้เป็น 50 ชุด เพราะบางครอบครัว นอกจากผู้ป่วยติดเตียงแล้วยังมีสมาชิกอยู่ในบ้านเป็นจำนวนมาก เช่นบาง พื้นที่เราเจอผู้ป่วยติดเตียง และมีลูกหลานในครอบครัว รวม 8 ชีวิต จึงต้องมีการเพิ่มถุงยังชีพไปด้วย
เมื่อถามว่ามีการพูดคุยกับผู้นำในชุมชนชาวบ้านได้สะท้อนผ่านมาหรือไม่ว่าต้องการอะไรเป็นพิเศษ นายฝันเด่น ระบุว่า นอกเหนือจากกำลังใจ ซึ่งตนมองว่าเรื่องกำลังใจชาวบ้านน่าจะได้รับเยอะแล้ว ซึ่งต้อง ควบคู่กับปากท้อง ดังนั้นเมื่อเหตุการณ์ยืดเยื้อการค้าขาย การดำรงชีวิตหรือการทำมาหากินก็จะยากขึ้น ซึ่งหากเรามีส่วนเติมเต็มแม้จะไม่มากนักแต่ตนมองว่ายิ่งจะทำให้ชาวบ้านมีกำลังใจมากยิ่งขึ้น
ส่วนการลงพื้นที่ในจุดที่อาจจะมีความกังวล หากในมิติของชายแดนที่ทหารกำลังปฎิบัติหน้าที่อยู่นั้น สิ่งที่น่ากลัวคือทุ่นระเบิด เพราะผู้ที่ปฏิบัติงานย่อมมีความเสี่ยง โดยสิ่งที่กองกำลังบูรพาและกองทัพภาคที่หนึ่ง กำลังทำคือการสร้างความมั่นใจ ในพื้นที่ที่สามารถเข้าปฏิบัติภารกิจ ส่วนกรณีของชาวบ้านเมื่อเรามาเปิดโรงครัวทำอาหารแจกจ่าย เพื่อมอบให้กับทางทหารเราได้เห็นชาวบ้านมีความรู้สึกอยากให้เขาด้วย แต่ยืนยันว่าไม่ใช่การละทิ้งชาวบ้าน
อย่างไรก็ตามต้องติดตามสถานการณ์ในช่วงปลายเดือนนี้ที่จะมีการประชุมที่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจะเป็นตัวแปรที่สำคัญที่จะทำให้พลเรือนที่เป็นจิตอาสามาเปิดมิติใหม่ในการช่วยเหลือชาวบ้านในเขตชายแดนว่าจะต้องเดินหน้าต่ออย่างไร ซึ่งก่อนหน้านี้มีการสนับสนุนยุทโธปกรณ์ทั้งเสื้อเกาะ ชุดชั้นใน ซึ่งในวันนี้ทหารน่าจะเพียงพอสำหรับการดูแลตัวเอง เราจึงต้องหันกลับมามองว่าชาวบ้านจะต้องได้รับการช่วยเหลือจากภาคจิตอาสาอย่างไรบ้าง
ทั้งนี้ตนจะมีการร่วมกิจกรรมในวันพรุ่งนี้กับแม่ทัพภาคที่ 1 ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ในการจัดเลี้ยงอาหารให้กับชาวบ้านในพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว
Advertisement