จากกรณีชาวบ้านจำนวนมากมารวมตัวกันล้อมกุฏิเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ศรีสะอาด ต.เชียงเครือ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ มีหญิงวัยกลางคนย่องเข้าไปอยู่ภายในกุฏิกลางดึกที่ผ่านมา จนเกิดความวุ่นวายภายขึ้นภายในวัด เบื้องต้นเจ้าอาวาสรูปดังกล่าวปฏิเสธ ระบุว่าสีกาคนดังกล่าว “แค่นำเห็ดมาถวาย” และไม่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งใด ๆ ทั้งสิ้น
ล่าสุดเวลา 10.30 น. วันที่ 17 กันยายน 2568 พระครูปัญญา มัชฌิมานุกูล รักษาการเจ้าคณะอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ ในฐานะประธานสอบอธิกรณ์ พร้อมด้วย พระครูวชิระคุณาธร เจ้าคณะตำบลเชียงเครือ รองประธานฯ เดินทางเข้าสอบข้อเท็จจริงกรณีชาวบ้านรวมตัวกันล้อมกุฏิเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ศรีสะอาด (พระครูสุชาน โพธิคุณ) บ้านแกเปะ ม.5 ต.เชียงเครือ อ.เมืองกาฬสินธุ์ หลังพบว่ามีหญิงย่องเข้าไปอยู่ภายในกุฏิพระยามวิกาล โดยมี นายสยามพัชร ทิพย์สอน ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนา จ.กาฬสินธุ์ เจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ นายวีระพงษ์ กันตันหา กำนันตำบลเชียงเครือ พร้อมคณะสงฆ์ ผู้ใหญ่บ้าน และชาวบ้านร่วมให้ข้อมูลและเป็นพยาน ส่วนเจ้าอาวาสพระและชาวบ้านระบุว่าออกจากวัดไปตั้งแต่เวลา ตี 4 แล้วไม่รู้ไปไหน
พระครูปัญญา มัชฌิมานุกูล รักษาการเจ้าคณะอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ ในฐานะประธานสอบอธิกรณ์ กล่าวว่า วันนี้เป็นการมาตรวจสอบข้อเท็จจริงถึงเรื่องดังกล่าว ตามที่มีกระแสข่าวในโลกโซเชียและตามที่ได้รับรายงานจากพระ ผู้นำชุมชน รวมถึงชาวบ้านว่ามีหญิงสาวเข้าไปในกุฎิของจะเอาวาส ทั้งนี้จากการลงพื้นที่ไม่พบตัวเจ้าเอาวาส และไม่สามารถติดต่อให้มาร่วมประชุมชี้แจงได้ จึงต้องเข้าสอบถามและตรวจสอบพยานหลักฐานจากชาวบ้าน พระสงฆ์ และผู้นำชุมชน ที่เป็นพยานและอยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมด ทั้งนี้จะต้องให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย อย่างไรก็ตามหากผลสอบมีพยาน และตรวจสอบหลักฐานยืนยันได้ชัดเจนว่า มีผู้หญิงอยู่ในกุฎิเจ้าอาวาสจริง ตามพระธรรมวินัย จะต้องมีความผิด อาบัติและเจ้าตัวไม่อยู่ก็ปาราชิกไปโดยปริยาย
ด้านนายคำน้อย พานสถิตย์ ผู้ใหญ่บ้านแกเปะ ม.9 กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวตนในฐานะผู้นำชุมชนคนหนึ่งได้รับการร้องเรียน และรับทราบข้อมูลจากประชาชนในพื้นที่มานานกว่า 3 ปีแล้วว่า มักจะมีผู้หญิงเข้าออกกุฎิจะเอาวาสบ่อยครั้ง ทั้งกลางวันและกลางคืน ซึ่งที่ผ่านมาเคยได้ว่ากล่าวตักเตือนทั้ง 2 คนแล้วว่าเป็นเรื่องไม่เหมาะไม่ควรที่กระทำแบบนี้ แต่ก็ยังไม่ปรับปรุงแก้ไข ชาวบ้านพบยังเห็นเข้าออกกุฏิเหมือนเดิม
กระทั่งล่าสุดชาวบ้านได้พบเห็นชายหญิงขี่รถจยย.เข้ามาที่กุฏิ จากนั้นผู้ชายได้ขี่รถออกไป ส่วนผู้หญิงเข้าไปในกุฏิ อยู่ 2 ต่อ 2 ซึ่งชาวบ้านเห็นพากัน รวมตัวกันปิดประตูไว้ จึงได้แจ้งผู้นำชุมชน และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมาตรวจร่วมตรวจสอบ ซึ่งก็พบว่ามีผู้หญิงอยู่จริง
ขณะที่นายวีระพงษ์ กันตันหา กำนันตำบลเชียงเครือ กล่าวว่า ได้รับแจ้งและร้องเรียนจาก ชาวบ้าน ผู้ใหญ่บ้านเกี่ยวกับเรื่องนี้มานานแล้ว และเคยเข้าไปว่ากล่าวตักเตือน ทั้งพระทั้งผู้หญิงว่าเป็นการประพฤติตัวไม่เหมาะสมจะทำให้เสื่อมเสียทางพระพุทธศาสนา แต่ก็ไม่ปฏิบัติตาม จากนั้นได้พบปะพูดคุยกับผู้นำชุมชน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ เพื่อที่จะหาวัน และช่วงโอกาสที่สตรวจสอบว่ามีผู้หญิงมาจริงหรือไม่ ซึ่งอยู่ระหว่างการนัดวัน เวลา และสถานที่ตรวจสอบกัน แต่ล่าสุดเมื่อคืนที่ผ่านมาได้รับโทรศัพท์แจ้งจากผู้ใหญ่บ้านว่ามีผู้หญิงเข้ามาในกุฏิ ทำให้ทุกคนรีบไปดู ซึ่งก็พบว่ามีผู้หญิงอยู่ข้างในจริงๆ จึงแจ้งตำรวจและผู้เกี่ยวข้องมาเป็นพยานหลักฐานว่าไม่ได้เป็นการกันแกล้ง ซึ่งเรื่องนี้อยากให้จบลง เนื่องจากเป็นการทำให้เสื่อมเสียพระพุทธศาสนา และชาวบ้านส่วนใหญ่ก็ไม่อยากให้พระรูปนี้กลับมาอีก
อย่างไรก็ตามหลังจากรักษาการเจ้าคณะอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ เจ้าคณะตำบลเชียงเครือ ประชุมร่วมกับผู้นำชุมชน คณะสงฆ์ และชาวบ้าน รวมทั้งสอบถามพยานหลักฐานนานกว่า 2 ชั่วโมง พระครูปัญญา มัชฌิมานุกูล รักษาการเจ้าคณะอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ ระบุว่า เบื้องต้นเรื่องดังกล่าวมีพยานหลักฐาน และคลิปวีดีโอที่ชาวบ้านถ่ายไว้ชัดเจน ประกอบกับเจ้าตัวไม่อยู่ชี้แจง จึงเป็นการทำผิดทางวินัยสงฆ์ต้องอาบัติ ปาราชิก ขาดจากความเป็นพระไปโดยปริยาย
ทั้งนี้เบื้องต้นจะได้นำเรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุมคณะสงฆ์ เพื่อที่จะมติสั่งปลดเจ้าอาวาสออกจากตำแหน่ง และจะแต่งตั้งรักษาการเจ้าอาวาสขึ้นมา เพื่อทำให้ที่เจ้าอาวาส พร้อมกับดำเนินการขั้นตอนต่อไป
Advertisement