Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ญาติคาใจ! ลุงวัย60หมดสติห่างรพ.300เมตร แจ้ง1669บอกรถไม่พร้อมก่อนสิ้นใจ

ญาติคาใจ! ลุงวัย60หมดสติห่างรพ.300เมตร แจ้ง1669บอกรถไม่พร้อมก่อนสิ้นใจ

17 ก.ย. 68
09:51 น.
แชร์

ญาติคาใจ! ลุงวัย60 ล้มหมดสติหัวฟาด ลิ้นจุกปาก ห่างรพ.แค่ 300 เมตร แจ้ง1669 บอกรถไม่พร้อม พยาบาลตั้งครรภ์ออกรับไม่ได้ รอ 30 นาที ก่อนสิ้นใจ 

วันที่ 17 ก.ย. 68 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยัง วัดเจริญร่มเมือง ต.กะลาเส อ.สิเกา จ.ตรัง ซึ่งเป็นสถานที่จัดตั้งบำเพ็ญกุศลศพ นายเจริญ แสงแก้ว หรือ ลุงเริญ อายุ 60 ปี ชาวบ้านหมู่ 3 ต.กะลาเส อ.สิเกา จ.ตรัง อาชีพพนักงานดูแลโรงแรมแห่งหนึ่ง ภายหลังจากญาติให้ข้อมูลว่า ทีมแพทย์ลงความเห็นระบุว่า เสียชีวิตลงด้วยภาวะหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 12 ก.ย. ที่ผ่านมา โดยงานบำเพ็ญกุศลจะมีกำหนดฌาปนกิจขึ้นในวันที่ 20 ก.ย. ที่จะถึงนี้ 

ซึ่งการเสียชีวิตลงของนายเจริญ ได้สร้างความเคลือบแคลงใจ และสงสัยให้กับบรรดาภรรยา บุตร ญาติพี่น้อง รวมถึงคนสนิทชิดเชื้อถึงการปฎิบัติหน้าที่ของ ศูนย์รับแจ้งเหตุ และสั่งการนเรนทรตรัง (1669) และเจ้าหน้าที่ รพ.วังวิเศษ จ.ตรัง รวมทั้งระบบการปฎิบัติในการรับแจ้งเหตุผู้ป่วยฉุกเฉินในภาวะวิกฤต เนื่องจากนายเจริญมีอาการหมดสติและลิ้นจุกปาก โดยทางญาติ ซึ่งมีเพียงภรรยาวัย 61 ปี และหลานวัย 11 ขวบ ซึ่งไม่มีใครสามารถขับรถยนต์นำพาไปส่งโรงพยาบาลได้ รวมทั้งไม่สามารถขอความช่วยเหลือจากคนข้างเคียงได้ทันทีในขณะนั้น 

โดยภรรยา ได้มีการประสานกับนายจ้างให้โทรสายด่วน 1669 เพื่อให้รถฉุกเฉิน รพ. หรือรถหน่วยกู้ชีพกู้ภัยข้างเคียง เข้ามารับตัวนำส่ง รพ. แต่ปรากฏว่าในห้วงระยะเวลาประมาณ 30-40 นาที ไม่มีรถเข้ามารับผู้ป่วย ก่อนจะมีพลเมืองดีมาช่วยขับรถยนต์นำพาไปส่ง รพ. จนต่อมานายเจริญได้เสียชีวิตลง ทั้งที่ระยะทางของที่เกิดเหตุอยู่ห่างกับ รพ. เพียงแค่ประมาณ 200-300 เมตรเท่านั้น จนทำให้บรรดาญาติได้ร้องเรียนขอความเป็นธรรมผ่านสื่อมวลชน 

นายอาทิตย์ ศิริสำเริง หรือ ขม อายุ 45 ปี นายจ้างของนายเจริญ เล่าว่า ตนไว้วางใจนายเจริญ และภรรยา เนื่องจากเป็นคนดี คนขยัน ไม่คดโกง จึงได้จ้างให้เป็นผู้ดูแลโรงแรม ซึ่งอยู่ห่างจาก รพ. ประมาณ 200-300 เมตร ส่วนตนอยู่บ้านใน อ.ห้วยยอด โดยในวันเกิดเหตุศุกร์ที่ 12 ก.ย. 68 ภรรยาของนายเจริญได้โทรเข้ามาหาตน ช่วงย่ำรุ่งเวลาประมาณ 04.38 น. โดยความตื่นตกใจว่าสามีได้ล้มหมดสติ ศีรษะฟาดพื้น เลือดออกเยอะ และแน่นิ่งไปแล้ว ตนจึงได้วางสายและโทรหาสายด่วน 1669 ทันทีในเวลา 04.39 น. ภายหลัง 1669 รับเรื่อง ก็ได้โทรหาภรรยานายเจริญว่าให้ตั้งสติ ใจเย็นๆ แจ้ง 1669 แล้ว ต่อมาเจ้าหน้าที่รับแจ้งเหตุโทรเข้ามาแจ้งว่า รพ. ไม่มีรถกู้ชีพประจำอยู่ เนื่องจากรถได้ออกไปรีเฟอร์ ที่ รพ.ตรัง แต่เดี๋ยวจะประสานให้อีกครั้งว่าจะนำรถอะไรออกไปรับ ตนจึงได้โทรหาสายด่วน 191 อีกทาง ว่าให้ช่วยประสานหารถฉุกเฉินมารับผู้ป่วย โดยทาง 191 ก็ได้ช่วยประสานให้ ก่อนจะแจ้งกลับมาว่า รถกู้ชีพกู้ภัยไม่พร้อมที่จะออก ตนก็ไม่ทราบว่าเพราะสาเหตุอะไร 

จนเวลา 04.53 น. ภรรยานายเจริญ โทรกลับมาหาตนว่า ลุงเริญมีอาการลิ้นจุกปาก ตนจึงบอกให้ภรรยาแกช่วยปั้มหัวใจ เพราะตอนนั้นไม่มีใครที่จะช่วยได้ ตนจึงได้โทรไปแจ้ง 1669 อีกครั้งในเวลา 05.05 น. ว่าผู้ป่วยลิ้นจุกปากแล้ว ซึ่งขณะนั้นเวลา 05.06 น. ตนก็ได้ดูกล้องวงจรปิดในโรงแรม เห็นว่ามีคนเข้ามาช่วยพยุงลุงเริญออกจากที่พักแล้ว และตอนนั้นนึกขึ้นได้ว่ามีคนรู้จักเป็นกู้ชีพ อบต. ที่ใกล้ที่สุด ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 2 กม. จึงได้รีบโทรหาบอก 1669 ว่าช่วยประสานให้หน่อย โดย 1669 ก็ประสานให้ จนเจ้าหน้าที่กู้ชีพที่รู้จักคนนั้นโทรกลับมาว่าได้ออกมาแล้ว ขณะนั้นในเวลาประมาณ 05.08 น. ภรรยาลุงเริญได้ขอช่วยพลเมืองดีขับรถนำไปส่งถึง รพ.แล้ว ซึ่งเวลาทั้งหมดหลังโทรแจ้งใช้เวลาประมาณ 30-40 นาที 

“ตนรู้สึกว่า เรื่องแบบนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้น และไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะโรงแรมตนอยู่ห่างกับ รพ. แค่ 200-300 เมตร แต่ทำไมถึงทำงานช้าขนาดนี้ จริงๆ ตนมองว่านายเจริญไม่น่าเสียชีวิต ถ้าไปถึง รพ.ทัน หรือมีรถฉุกเฉินมารับได้ทันท่วงที เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ภายหลังจากนี้ก็จะช่วยเหลือครอบครัวให้ถึงที่สุด และจะช่วยดำเนินการหากญาติจะเดินเรื่องนี้ต่ออย่างไร” 

ทางด้าน นางปรีดา มานู หรือ ป้าดา อายุ 61 ปี ภรรยานายเจริญ เล่าทั้งน้ำตานองหน้าว่า ตนขับรถไม่เป็น ตอนเกิดเหตุสามีได้ไปเปิดห้องให้ลูกค้า กลับมาก็ได้หมดสติล้มลง ตนตกใจมาก ได้ช่วยกันอุ้มสามีมาไว้ข้างในกับหลานที่ไปปลุกจากหลับอยู่ และโทรขอความช่วยเหลือจากนายจ้างให้ช่วยในทันที ซึ่งนายจ้างก็ได้โทรประสาน 1669 ให้ จังหวะนั้นตนทำอะไรไม่ถูก จึงได้ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดให้พันหัว โดยมีลิ้นจุกปาก ตอนนั้นยังหายใจ แต่ไม่รู้สึกตัว และได้ไปเคาะเรียกลูกค้าทุกห้อง แต่เป็นช่วงหลับ ไม่มีใครเปิด มี 1 ห้องบอกว่าขับรถเกียร์แบบนี้ไม่ได้ ตนรู้สึกว่าระยะเวลานานมากแล้วไม่มีรถมารับ จึงได้ให้หลานวัย 11 ขวบ เดินออกไปข้างนอกโรงแรม เผื่อมีใครอยู่บ้างให้ช่วยมาขับรถเก๋งของสามีไปส่งสามี ที่รพ. จนหลานไปเจอพลเมืองดีนั่งดื่มกินอยู่ร้านอาหาร มีอาการมึนเมา จึงได้ขอช่วยจนมาขับไปส่งถึง รพ. โดยระหว่างทางสามีมีอาการหายใจเฮือก 3 ครั้ง 

“จนไปถึง รพ. มีการปั๊มหัวใจได้ประมาณ 25 นาที จนมีเจ้าหน้าที่มาบอกว่าเสียใจด้วยนะ จึงคิดว่าถ้ามาถึง รพ.ได้เร็ว สามีอาจจะไม่เสียชีวิต ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่มีใครออกมาชี้แจง ตนเสียใจ การช่วยเหลือมันล่าช้า จึงอยากขอความเป็นธรรมให้ออกมาชี้แจง และให้ดูแลคนอื่นๆให้ดีกว่านี้ อย่าให้เป็นเหมือนกรณีสามี ฉุกเฉินจริงๆ ให้รีบมาหน่อย อย่าล่าช้า จนถึงขั้นต้องเสียชีวิต ที่ผ่านมาเคยได้ยินข่าวและมีการพูดผ่านหูจากหลายคนว่า รพ.แห่งนี้ มักล่าช้าแบบนี้” 

ขณะที่ นายสาโรจน์ แสงแก้ว อายุ 37 ปี บุตรชายคนโต บอกว่า พ่อมีโรคประจำตัวเกี่ยวกับปอด พ่อมีลูก 3 คน ตนเป็นพี่คนโต ส่วนนางปรีดา เป็นภรรยาใหม่ของพ่อ ส่วนตนอาศัยอยู่ใน อ.เมืองตรัง หลังได้รับทราบเหตุการณ์ในเวลา 04.48 น. จึงได้โทรหา 1669 เวลาประมาณ 05.05 น. เพื่อแจ้งเหตุ โดยเจ้าหน้าที่ผู้ชายแจ้งว่าได้รับแจ้งแล้ว แต่ให้เหตุผลว่าทีมแพทย์ รพ. ไม่พร้อมออกปฎิบัติหน้าที่ จึงขอให้ประสานรถกู้ชีพกู้ภัยข้างเคียงให้ออกรับหน่อยได้ไม่ ซึ่งทาง 1669 ก็รับปากประสานให้ จังหวะนั้นตนก็รีบขับรถออกมาที่ รพ.ทันที ก็มาเจอว่าพ่อกำลังถูกปั๊มหัวใจอยู่ และได้สอบถามอาการพ่อเจ้าหน้าที่ แจ้งว่าได้ฉีดยากระตุ้นไป 2 ตัว 9 เข็มแล้วยังไม่มีสัญญาณชีพจร จนต่อมาพ่อเสีย เพราะปั๊มหัวใจก็ไม่ฟื้นแล้ว 

ต่อมาได้มีเจ้าหน้าที่ในห้องฉุกเฉินออกมาอธิบายสาเหตุที่ รพ.ไม่ได้ออกไปรับ เพราะว่าพยาบาลตั้งครรภ์อยู่ ไม่สามารถนั่งรถฉุกเฉินออกไปรับผู้ป่วยได้ ตนจึงถามกลับว่าแล้วทำไมไม่ให้เจ้าหน้าที่คนอื่นมาอยู่เวรแทน ทั้งที่รู้ว่าตั้งครรภ์ และไม่สามารถออกไปรับคนป่วยได้ เจ้าหน้าที่รายดังกล่าวแจ้งว่า เพราะมีเจ้าหน้าที่พยาบาลไม่เพียงพอต่อการเข้าเวร จังหวะนั้นตนก็อึ้ง ต่อมาได้ไปสอบถามเจ้าหน้าที่คนอื่นก็แจ้งว่า รถฉุกเฉินจอดอยู่ ซึ่งขัดแย้งกับที่ 1669 แจ้งว่า รถออกไปรีเฟอร์ รถไม่พร้อมในการปฎิบัติหน้าที่ 

ตนคับแค้นใจมาก พ่ออาจจะไม่เสียชีวิตก็ได้หากไป รพ.ทัน และทำไมต้องล่าช้าและไม่มีความพร้อมขนาดนี้การประสานงานละเลยหรือไม่ ถ้าใส่ใจจริงๆ มันคงไม่มีการเสียชีวิตเกิดขึ้น อย่างนี้จะมีรถฉุกเฉินไว้ทำไม ถ้าชาวบ้านจะต้องไปส่งกันเอง จากวันนั้นจนถึงตอนนี้ไม่มีการโทรมาขอโทษ หรือชี้แจงอะไรเลย จนตนต้องโทรไปหาคนรู้จักที่อยู่ 1669 หลังจากวางสาย เวลาประมาณ 16.00 น. วันที่ (16 ก.ย.) ทาง รพ. เขาแจ้งว่าเป็น รอง ผอ. ได้โทรมาขอแสดงความเสียใจ และจะขอมาวางพวงหรีดไว้อาลัย 

ภายหลังจากนี้ตนจะไม่ยอม จะต่อสู้จนถึงที่สุดให้เป็นเคสตัวอย่าง ตอนนี้ได้มีการร้องเรียนไปยังผู้ตรวจการแผ่นดินแล้ว พร้อมกับเตรียมยื่นร้องเรียนผ่านไปยัง สสจ.ตรัง และสิ่งที่ตนเรียกร้องให้ออกมาชี้แจงด้วยพยานหลักฐาน คือ 1.รถฉุกเฉิน รพ. ได้ออกไปรีเฟอร์ผู้ป่วยที่ รพ.ตรัง ตามที่แจ้ง ในห้วงเวลาดังกล่าวจริงหรือไม่อย่างไร หากจอดอยู่ แต่ไม่พร้อมในการออกปฎิบัติหน้าที่ตามที่แจ้งเพราะอะไรอย่างไร และทำไมถึงให้คำตอบย้อนแย้ง 2.การที่พยาบาลรายหนึ่งอธิบายว่า การที่พยาบาลห้องฉุกเฉินตั้งครรภ์อยู่ ไม่สามารถออกไปรับผู้ป่วยได้ แล้วทำไมถึงไม่ให้พยาบาลคนอื่นมาอยู่เวรแทน เนื่องจากบุคลากรมีไม่เพียงพอ จริงหรือไม่อย่างไร 3. หาก รพ.ไม่สามารถออกปฎิบัติหน้าที่ได้ ทำไมเจ้าหน้าที่ 1669 ที่รับแจ้งเหตุและประสานในวันนั้น ถึงไม่ประสานให้ หน่วยกู้ชีพ-กู้ภัยที่อยู่ข้างเคียงออกมารับผู้ป่วยแทน ซึ่งมีการประสานภายหลังจากที่มีการระบุจากผู้แจ้งให้ประสานกู้ชีพ อบต.วังมะปรางออก และแจ้งไปภายหลังจากมีการนำส่งผู้ป่วยถึง รพ.แล้ว อย่างไรก็ตามในส่วนของการชี้แจง และข่าวคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป

Advertisement

แชร์
ญาติคาใจ! ลุงวัย60หมดสติห่างรพ.300เมตร แจ้ง1669บอกรถไม่พร้อมก่อนสิ้นใจ