วันที่ 16 ก.ย. 68 ที่ จ.นครราชสีมา มีชาวบ้านในชุมชนหัวสะพานพัฒนา ภายในเขตเทศบาลนครนครราชสีมา ร้องขอความเมตตาจากผู้ใจบุญ ช่วยเหลือนายธนภัทร เพชรตะกั่ว อายุ 56 ปี ซึ่งเป็นผู้ป่วยติดเตียง ร่างกายซีกขวาอัมพาตครึ่งตัว ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ อาศัยอยู่เพียงลำพังในบ้านเช่าข้างวัดหัวสะพาน ชุมชนหัวสะพานพัฒนา อ.เมืองนครราชสีมา จ.นครราชสีมา
หลังจากนางประไพพิศ เพชรตะกั่ว อายุ 57 ปี พี่สาวเข้าไปพัวพันกับขบวนการบัญชีม้า และถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เข้ามาจับกุมตัวไปตั้งแต่วันที่ 20 ส.ค. ที่ผ่านมา ทำให้นายธนภัทร ต้องอยู่เพียงลำพัง
ผู้สื่อข่าวจึงได้ลงพื้นที่ไปที่บ้านเช่าหลังดังกล่าว พบว่า เป็นบ้านเก่า 2 ชั้น ครึ่งปูนครึ่งไม้ สภาพบ้านทรุดโทรม ภายในบ้าน พบนายธนภัทรนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย ที่เพิ่งได้รับมาจากโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาเมื่อไม่นานมานี้ โดยนายธนภัทร มีสภาพร่างกายอ่อนเปลี้ย แขน ขา ซีกขวา ใช้การไม่ได้ ยกได้เฉพาะแขน ขา ซีกซ้าย สวมใส่เสื้อผ้าเก่าๆ ที่ไม่ได้ซักมานานนับเดือน ข้างๆ มีโต๊ะวางอาหาร ซึ่งมีชาวบ้านที่รู้ข่าวเข้ามาช่วยเหลือในเบื้องต้น โดยการส่งข้าวส่งน้ำให้ เพื่อประทังชีวิตไปวันๆ เป็นภาพที่สลดหดหู่แก่ผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก
นายสืบ ประจงกาล อายุ 72 ปี ประธาน อ.ส.ม.ชุมชนหัวสะพานพัฒนา เล่าว่า เดิมที นายธนภัทร เคยทำงานเป็นพนักงานทำความสะอาด อยู่ที่โรงพยาบาลค่ายสุรนารี จนเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ล้มป่วยแขนขาอ่อนแรงเดินไม่ได้ และกลายเป็นอัมพาตครึ่งซีกขวา ทำให้นางประไพพิศ พี่สาว ต้องรับภาระดูแลน้องชายอย่างเต็มที่ ตนเห็นว่าฝ่ายพี่สาวทุ่มเททำงานหนัก ทั้งยังดูแลน้องชายไม่เคยขาด จนสุดท้ายเมื่อปลายปี 2567 พี่สาวก็ล้มป่วยจากความเครียด และการพักผ่อนไม่เพียงพอ ร่างกายซีกซ้ายเป็นอัมพาตเช่นกัน แม้ต่อมาจะฟื้นตัวได้บ้าง แต่ก็ยังไม่แข็งแรงเต็มร้อย กระทั่งมีผู้มาชักชวนให้นางประไพพิศไปทำงาน โดยอ้างว่าจะมีรายได้วันละ 400 บาท แต่ภายหลังกลับถูกหลอกให้ไปกดเงิน และเปิดแอปพลิเคชันกระเป๋าเงินดิจิทัล ซึ่งทราบภายหลังว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ระบุว่านางประไพพิศ เข้าไปพัวพันในขบวนการบัญชีม้า
กระทั่งถูกจับกุมตัวไปเมื่อวันที่ 20 ส.ค. ที่ผ่านมา ทิ้งให้น้องชายป่วยติดเตียงอยู่อย่างเดียวดาย ตนและชาวบ้านต้องช่วยกันส่งข้าวส่งน้ำ อาบน้ำ โกนหนวด ตัดผมให้ แต่ก็หนักใจ เพราะผู้ป่วยมีอาการหงุดหงิดบ้างตามประสาคนที่เคยช่วยเหลือตัวเองได้ แต่ต้องมาพิการ ยิ่งไปกว่านั้นหากไม่มีการช่วยเหลืออย่างจริงจัง นายธนภัทรอาจเสียชีวิตอย่างโดดเดี่ยวได้ทุกเมื่อ ซึ่งตนไม่คิดว่า เรื่องบัญชีม้าจะมีผลกระทบร้ายแรงมากขนาดนี้ เพราะไม่เพียงทำลายการเงิน แต่ยังทำลายโครงสร้างครอบครัวจนคนๆ หนึ่ง ต้องกลายเป็นภาระหนักแก่ชุมชนอย่างที่เห็น
ด้านนางสุข สุธิคำภา อายุ 63 ปี เพื่อนบ้านที่ให้การช่วยเหลือส่งข้าวส่งน้ำให้นายธนภัทร กล่าวว่า ตนรู้สึกหนักใจมาก หลังจากพี่สาวของนายธนภัทร ถูกตำรวจจับกุม เพราะต้องเข้ามาดูแลแทน ทั้งนำอาหารและน้ำไปให้เป็นประจำ แม้จะสงสารและอยากช่วยเหลือเต็มที่ แต่ก็ไม่สามารถทำเรื่องการเช็ดตัวหรือดูแลสุขอนามัยได้อย่างถูกต้อง ทำให้กังวลว่า สุขภาพของนายธนภัทรจะยิ่งทรุดลง ตนยอมรับว่า การช่วยเหลือทุกวันนี้ ทำด้วยความสงสารและผูกพัน เพราะเห็นนายธนภัทร มาตั้งแต่เด็ก แต่ก็อยากให้หน่วยงานหรือผู้ใจบุญเข้ามาช่วยดูแล หรือพาไปฟื้นฟูตามสถานที่ที่เหมาะสม เนื่องจากตนเองมีข้อจำกัดมาก ทั้งเรื่องสุขภาพและเวลา อีกทั้งในบ้านของตนเอง ก็มีผู้ป่วยติดเตียงอีก 1 คนที่ต้องดูแลเช่นกัน ตนเห็นชัดว่า คดีบัญชีม้าสร้างความเดือดร้อนต่อครอบครัวผู้เปราะบางอย่างร้ายแรง และอยากฝากเตือนสังคมว่าไม่ควรไปหลงเชื่อ หรือเข้าไปพัวพันกับขบวนการบัญชีม้า เพราะหากถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับได้ อาจทำให้คนบริสุทธิ์ต้องเผชิญชะตากรรมเลวร้ายเกินกว่าจะรับไหวเหมือนที่เกิดขึ้นในครั้งนี้
Advertisement