เด็กและเยาวชนไทยหลายคนกำลังเผชิญกับการกลั่นแกล้งรังแก หรือ “บูลลี่” ในชีวิตประจำวัน ปัญหานี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในโรงเรียนเท่านั้น แต่สามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ ทั้งที่บ้าน สถานที่สาธารณะ หรือแม้แต่โลกออนไลน์ ซึ่งควรจะเป็นพื้นที่ปลอดภัยกลับกลายเป็นแหล่งความเจ็บปวดสำหรับพวกเขา
ผลสำรวจชี้เด็กไทยถูกบูลลี่สูง
ผลสำรวจจากกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับเครือข่ายเฝ้าระวังพฤติกรรมการถูกกลั่นแกล้งในกลุ่มเด็กและเยาวชนไทย พบว่า เด็กและเยาวชนอายุ 6–25 ปี มีประสบการณ์ถูกกลั่นแกล้งสูงถึง 65% และที่น่ากังวลคือมากกว่า 1 ใน 4 มีความคิดทำร้ายตัวเอง
รูปแบบการกลั่นแกล้งที่พบสูงสุด
จากการสำรวจเด็กและเยาวชนอายุ 7–25 ปี จำนวน 41,944 คน ในปี 2568 พบเด็กและเยาวชนเคยมีประสบการณ์ถูกกลั่นแกล้ง สูงถึงร้อยละ 65.54 และรูปแบบการกลั่นแกล้ง 5 อันดับแรก ได้แก่
40.97% : ถูกล้อชื่อพ่อแม่ หรือคนในครอบครัว
37.95% : ถูกล้อเลียนรูปร่าง หน้าตา หรือบุคลิกภาพ
30.38% : ถูกประชิดตัวจนรู้สึกอึดอัด
28.28% : ถูกทำร้ายร่างกาย เช่น เตะ ตี ต่อย ตบ หรือผลัก
26.27% : ถูกกระทำให้รู้สึกด้อยกว่าคนอื่น เช่น เหยียดหยาม หรือไม่รับฟังความคิดเห็น
เพื่อนและโรงเรียน แหล่งบูลลี่ใกล้ตัว
หลายคนจะมองว่าการกลั่นแกล้งอาจมาจากคนแปลกหน้า แต่ผลสำรวจชี้ว่า ผู้ก่อเหตุส่วนใหญ่คือ “เพื่อน” และสถานที่ที่ควรเป็นพื้นที่ปลอดภัยอย่าง “โรงเรียน” กลับกลายเป็นจุดที่เกิดการบูลลี่มากที่สุด
73.53% : ของผู้ถูกกลั่นแกล้ง ระบุว่าถูกกระทำโดยเพื่อน
83.35% : ของการกลั่นแกล้งเกิดขึ้นในโรงเรียน
ผลกระทบทางจิตใจจากการถูกแกล้ง
เด็กและเยาวชนที่ถูกกลั่นแกล้งมักได้รับผลกระทบทางจิตใจอย่างชัดเจน หากไม่ได้รับการดูแล อาจลุกลามไปสู่ปัญหาสุขภาพจิตที่รุนแรงกว่าเดิม
61.53% : รู้สึกอับอาย
54.52% : โกรธแค้นหรืออยากเอาคืน
51.38% : รู้สึกเหนื่อยล้า หมดพลัง
29.03% : มากกว่า 1 ใน 4 มีความคิดทำร้ายตัวเอง
การกลั่นแกล้งไม่ได้จบเพียงคำพูดหรือการกระทำในวันนั้น มันทิ้งร่องรอยในจิตใจเด็กๆ ไปอีกนาน และสะท้อนให้เห็นว่า เด็กทุกคนควรได้รับความปลอดภัย การเพิกเฉยต่อปัญหานี้เท่ากับปล่อยให้บาดแผลในใจพวกเขาลึกขึ้นเรื่อยๆ
ที่มา : กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.)
Advertisement