ในปัจจุบันมีคนไทยจำนวนไม่น้อยนิยมเปลี่ยนชื่อตัวเอง บ้างก็ยึดถือความเชื่อทางโหราศาสตร์โชคลาภดวงชะตา บ้างก็เปลี่ยนตามค่านิยม หรือบางคนเพราะมีคนทักจึงอยากจะเปลี่ยนเพื่อความเป็นสิริมงคล ทันสมัย โดยต้องยื่นทำเรื่องต่อนายทะเบียนท้องที่ กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบการให้บริการงานทะเบียนชื่อบุคคล เกี่ยวกับการเปลี่ยนชื่อตัว การตั้งและเปลี่ยนชื่อรอง การจดทะเบียนตั้งชื่อสกุล การใช้ชื่อสกุลร่วม รวมถึงการเปลี่ยนชื่อสกุลโดยการสมรสหรือการสิ้นสุดการสมรส การใช้ราชทินนามเป็นชื่อสกุล และกรณีอื่นๆ
ตัวอย่าง ชื่อตัว ชื่อรอง ชื่อสกุล
ชื่อบุคคลไทย ประกอบด้วย "ชื่อตัว" ตามด้วย "ชื่อสกุล" หรือนามสกุล และจะมี "ชื่อรอง" อยู่ถัดจากชื่อตัวก็ได้ ตามพระราชบัญญัติชื่อบุคคล พ.ศ. 2504 บังคับว่า ผู้มีสัญชาติไทยต้องมีชื่อตัว คือ ชื่อประจำตัวของแต่ละคน และต้องมีชื่อสกุล คือ ชื่อประจำวงศ์สกุล และจะมีชื่อรอง คือ ชื่อที่ใช้ประกอบ อยู่ถัดจากชื่อตัว เช่น ชื่อ "พันธุ์ทิพย์ กาญจนะจิตรา สายสุนทร" ประกอบด้วย ชื่อตัว คือ "พันธุ์ทิพย์" ชื่อรอง คือ "กาญจนะจิตรา" และชื่อสกุล คือ "สายสุนทร"
หลักเกณฑ์การเปลี่ยนชื่อตัว ชื่อรอง
1. ต้องไม่พ้องหรือมุ่งหมายให้คล้ายกับพระปรมาภิไธย พระนามของพระราชินี หรือราชทินนาม
2. ไม่มีคำหรือความหมายหยาบคาย
3. ต้องเป็นคำหรือพยางค์เดียวกัน จะเว้นวรรคไม่ได้
4. ห้ามมิให้ระบุชื่อตัว ร่วมกับหรือประกอบกับคำเชื่อมอักษร สัญลักษณ์ หรือเครื่องหมายใดๆ ที่มิได้กำหนดไว้ในกฎหมาย ระเบียบ และหนังสือสั่งการเกี่ยวกับทะเบียนชื่อบุคคล
5. ต้องมีความหมายหรือคำแปลที่กำหนดในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน หรือพจนานุกรมฉบับอื่น
6. ใช้ตัวสะกดตัวการันต์ถูกต้องตามหลักภาษาไทย
7. ไม่ขัดต่อขนบธรรมเนียมประเพณี และความสงบเรียบร้อยของสังคม
8. ไม่มีเจตนาทุจริต
สำหรับวิธีการปฏิบัติการเปลี่ยนชื่อตัว การตั้งและการเปลี่ยนชื่อรอง เมื่อนายทะเบียนท้องที่เห็นว่าถูกต้องให้สั่งอนุญาตในคำขอแล้วให้บันทึกในทะเบียนชื่อตัว ชื่อรองตามแบบ ช. 3/1 และให้ออกหนังสือสำคัญแสดงการเปลี่ยนชื่อตัว การตั้งหรือเปลี่ยนชื่อรองตามแบบ ช. 3 ให้เรียกเก็มบค่าธรรมเป็นในอัตราที่กำหนดในกฎกาฎทรวง จากนั้น นายทะเบียนท้องที่แจ้งนายทะเบียนอำเภอ หรือนายทะเบียนท้องถิ่น เพื่อขอแก้ไขรายการทะเบียนบ้านในฐานข้อมูลทะเบียนราษฎรให้ถูกต้องตามกฎหมาย และแจ้งผู้ยื่นคำขอให้ให้ไปดำเนินการขอจัดทำบัตรประจำตัวประชาชนภายใน 60 วัน นับแต่วันที่แก้ไขชื่อตัว ชื่อรองในทะเบียนบ้าน
หลักเกณฑ์การตั้งชื่อสกุล
1. ไม่พ้องหรือมุ่งหมายให้คล้ายกับพระปรมาภิไธย หรือพระนามของพระราชินี
2. ไม่พ้องหรือมุ่งหมายให้คล้ายกับราชทินาม เว้นแต่ราชทินนามของตน ของบุพการีหรือของผู้สืบสันดาน
3. ไม่ซ้ำกับชื่อสกุลที่ได้รับพระระราชทานจากพระมหากษัตริย์ หรือชื่อสกุลที่ได้จดทะเบียนไว้แล้ว หรือชื่อสกุลในฐานข้อมูลทะเบียนชื่อบุคคล และฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์
4. ไม่มีคำหรือความหมายหยาบคาย
5. มีพยัญชนะไม่เกินสิบพยัญชนะ (ไม่รวมสระ วรรณยุกต์ หรือเครื่องหมายอื่น) เว้นแต่กรณีใช้ราชทินนามเป็นชื่อสกุล
6. ไม่ต้องห้ามตามประกาศห้ามมิให้ผู้ที่ไม่ได้รับพระราชทานนามสกุลใช้ "ณ" นำชื่อสกุล ลงวันที่ 15 ธันวาคม พระพุทธศักราช 2458
7. ไม่ต้องห้ามตามประกาศเพิ่มเครื่องหมายนามสกุลสำหรับราชตระกูล ลงวันที่ 1 มกราคม พระพุทธศักราช 2458
8. ไม่ต้องห้ามตามประกาศห้ามมิให้เอานามพระมหานคร และไม่ให้เอาศัพท์ที่ใช้เป็นพระบรมนามาภิโรย มาใช้เป็นนามสกุล ลงวันที่ 2 มีนาคม พระพุทธศักราช 2458
9. คู่สมรสมีสิทธิใช้ชื่อสกุลของฝ่ายใดฝ้ายหนึ่งตามที่ตกลงกันหรือต่างฝ้ายต่างใช้ชื่อสกุลเดิมของตนและสามารถจะตกลงเปลี่ยนแปลงภายหลังได้
10. กรณีการสมรสสิ้นสุดลงด้วยการหย่า หรือศาลพิพากษาให้เพิกถอนการสมรส ให้ฝ่ายซึ่งใช้ชื่อสกุลของอีกฝ่ายหนึ่งกลับไปใช้ชื่อสกุลเดิมของตน
11. กรณีการสมรสสิ้นสุดลงด้วยความตาย ให้ฝ่ายซึ่งยังมีชีวิตอยู่และใช้ชื่อสกุลของอีกฝ่ายหนึ่งมีสิทธิใช้ชื่อสกลนั้นได้ต่อไป แต่เมื่อจะสมรสใหม่ให้กลับไปใช้ชื่อสกุลของตน
หลักเกณฑ์การขอเปลี่ยนชื่อตัว สำหรับต่างด้าว
1. คนต่างด้าวผู้ใดประสงค์จะขอหลักฐานการเปลี่ยนชื่อตัว เพื่อประกอบการขอแปลงสัญชาติ หรือขอกลับคืนสัญชาติไทย ให้ยื่นคำขอตามแบบ ช. 1 ต่อนายทะเบียนท้องที่ที่ตนมีชื่ออยู่ในหลักฐานตามที่ทางราชการกำหนด
2. นายทะเบียนท้องที่ตรวจใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว หรือหลักฐานเอกสารอื่นที่ทางราชการออกให้ / หลักฐานการขอแปลงสัญชาติ หรือขอกลับคืนสัญชาติไทยและเหตุผล / ตรวจจสอบชื่อตัวตามหลักเกณฑ์
3. เมื่อนายทะเบียนท้องที่เห็นว่าถูกต้องให้สั่งในคำขอโดยมีเงื่อนไขว่าอนุญาตต่อเมื่อได้รับการแปลงสัญชาติ หรือกลับคืนสัญชาติไทยแล้ว ให้บันทึกโในทะเบียนรับรองการขอเปลี่ยนชื่อตัวของคนต่างด้าวตามแบบ ช. 8/1 และให้ออกหนังสือรับรองการขอเปลี่ยนชื่อตัวของคนต่างด้าวตามแบบ ช. 8 เพื่อนำไปประกอบเรื่องการแปลงสัญชาติหรือกลับคืนสัญชาติ
4. เมื่อคนต่างด้าวนั้น ได้รับอนุญาตให้แปลงสัญชาติหรือกลับคืนสัญชาติไทยแล้ว ให้ยื่นคำขอตามแบบ ช. 1 อีกครั้งหนึ่งพร้อมหลักฐานการได้รับอนุญาตให้แปลงสัญชาติหรือกลับคืนคืญชาติไทยให้นายทะเบียนท้องที่ดำเนินการ ตามข้อ 3.
การเปลี่ยนชื่อสกุลโดยการสมรส
1. ขณะจดทะเบียนสมรส คู่สมรสที่ประสงค์จะใช้ชื่อสกุลของอีกฝ่ายหนึ่ง หรือใช้ชื่อสกุลเดิมของตน ให้ทำข้อตกลงในทะเบียนสมรส (คร. 2) หรือทำเป็นหนังสือข้อตกลงว่าจะใช้ชื่อสกุลฝ่ายใด หรือใช้ชื่อสกุลของตนเอง และนำมาบันทึกในทะเบียนสมรส (คร. 2) เพื่อเป็นหลักฐานในการพิสูจน์
กรณีฝ่ายใดประสงค์ใช้ชื่อสกุลของตนเอง ไม่ต้องออกหนังสือสำคัญแสดงการจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อสกุลตามแบบ ช. 5 และไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียม
กรณีฝ่ายใดประสงค์ใช้ชื่อสกุลของอีกฝ่ายหนึ่ง ให้ฝ่ายที่จะไปใช้ชื่อสกุลของอีกฝ่ายหนึ่งยื่นคำร้องตามแบบ ช. 1 และออกหนังสือสำคัญแสดงการจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อสกุสกุลตามแบบ ช. 5 และไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียม (เนื่องจากเป็นการเปลี่ยนชื่อสกุลครั้งแรกในขณะจดทะเบียนสมรส)
การใช้ชื่อสกุลของคู่สมรส ต่างฝ่ายต่างใช้ชื่อสกุลของอีกฝ่ายหนึ่ง ในลักษณะสลับการใช้ชื่อสกุลไม่ได้
2. ภายหลังจดทะเบียนสมรส คู่สมรสฝ่ายใดที่ต้องการเปลี่ยนแปลงข้อตกลงการใช้ชื่อสกุลให้ดำเนินการตามข้อ 1 และออกหนังสือสำคัญแสดงการจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อสกุล ตามแบบ ช. 5 โดยแรกเก็บค่าธรรมเนียมรายละ 50 บาท
3. กรณีคู่สมรสที่จดทะเบียนสมรสก่อน วันที่ 20 มกราคม 2548 หญิงมีสามีให้มีสิทธิใช้ชื่อสกุลของสามีได้ต่อไป แต่ไม่ตัดสิทธิที่จะกลับไปใช้ชื่อสกุลเดิมของตน กรณีนี้ให้บันทึกเพิ่มเติมในทะเบียนสมรส (คร. 2) ว่าฝ่ายหญิงขอใช้สิทธิตาม พ.ร.บ.ชื่อบุคคล ฉบับที่ 3 พ.ศ. 2548
4. กรณีคู่สมรสฝ่ายใดจะเปลี่ยนชื่อสกุล โดยการสมรสให้ดำเนินการยื่นคำขอ เหมือนหลักเกณฑ์การตั้งชื่อสกุล
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันไม่มีตัวบทกฎหมาย หรือพระราชบัญญัติฉบับใดที่กำหนด หรือมีข้อห้ามคนไทยเปลี่ยนชื่อตัว ชื่อรอง ชื่อสกุลได้จำนวนสูงสุดกี่ครั้ง แต่ทั้งนี้ต้องไม่ผิดตามข้อห้ามการตั้งชื่อที่บัญญัติไว้ใน พระราชบัญญัติชื่อบุคคล พ.ศ. 2504 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
Advertisement