ทีมข่าวได้ลงพื้นที่บ้านของนางสาวมาลัย จงใจงาม อายุ 57 ปี ชาวบ้านอำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ที่ถูกจรวด BM-21 ของกัมพูชายิงมาตกใส่บ้านพังทั้งหลัง เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา
นางสาวมาลัย ยอมรับว่า ผ่านไป 1 เดือนแล้ว แต่สภาพจิตใจของตัวเองยังไม่ดีขึ้น ทุกครั้งที่มาเห็นสภาพบ้านและร่องรอยของความเสียหาย ก็ยังรู้สึกใจสั่นและเสียใจมาก เพราะบ้านหลังนี้ ตัวเองกับลูกสาวได้ช่วยกันทำงานโรงงานเก็บเงินมาสร้างไว้ เมื่อ 10 ปีที่แล้ว และมีการปรับปรุงซ่อมแซมอยู่ตลอดเวลา เพราะไม่อยากให้บ้านทรุดโทรม ขณะที่ตัวเองก็เพิ่งออกจากงานมาอยู่ที่บ้านได้ประมาณ 2 ปี หวังจะมาใช้ชีวิตบั่นปลายอยู่ที่นี่ แต่ตอนนี้บ้านกลับพังไปหมดแล้ว
นางสาวมาลัย บอกตอนนี้ตัวเองก็ยังไม่รู้ว่าทางภาครัฐจะช่วยเหลือเยียวนาอย่างไร เพราะยังไม่มีเจ้าหน้าที่เข้ามาประเมินความเสียหายอย่างเป็นทางการ มีเพียงมาพูดคุยทั่วๆไปเท่านั้น ซึ่งก็ได้แต่รอ เพราะจะให้ตัวเองหาเงินมาซ่อมแซมเองก็ทำไม่ได้แล้ว เพราะตัวเองไม่ได้ทำงานประจำ ขณะที่หลังเกิดเหตุก็ใช้ชีวิตยากลำบากมาก ต้องไปอาศัยอยู่บ้านพี่บ้านน้องสลับกันไปเพราะเกรงใจ เนื่องจากพี่ - น้อง แต่ละคนก็มีครอบครัวที่ต้องดูแล
นางสาวมาลัย ยังบอกว่า แม้จะไปอาศัยบ้านพี่ - น้อง อยู่ แต่ช่วงค่ำตัวเองก็จะแอบกลับมาอาบน้ำในบ้านที่เกิดเหตุ โดยจะรองน้ำใส่ถังอาบ ก่อนจะกลับไปอาศัยหลับนอนที่บ้านพี่ บ้านน้อง
ส่วนสถานการณ์การชายแดนตอนนี้ ตัวเองก็ยอมรับว่ายังกังวลอยู่ตลอด นอนกลางคืนได้ยินเสียงฝนตกฟ้าร้องก็ผวา แม้กระทั่งเสียงรถผ่านก็ตื่นขึ้นมาดูว่าเป็นเสียงชาวบ้านอพยพหรือไม่ เพราะก็กลัวว่าหสกเกิดเหตุฉุกเฉินจะอพยพไม่ทัน
นางสาวมาลัย บอกว่าส่วนตัวอยากให้สถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว หากจะรบก็รบให้จบ หรือ หากจะเจรจาพูดคุยก็ให้ได้ข้อสรุปชัดเจน ไม่ใช่ว่าปล่อยให้สถานการณ์ตรึงเครียดอยู่แบบนี้ เพราะชาวบ้านก็อยู่อย่างไม่เป็นสุข และใจจริงตัวเองก็อยากให้เกิดสันติภาพมากกว่า ไม่อยากให้มีการสู้รบกันแล้ว เพราะที่ผ่านมาก็เกิดการสูญเสียอย่างมาก
Advertisement