เปิดสูตรใหม่ เงินสมทบประกันสังคม “จ่ายมาก-ได้มาก” แบ่ง 3 ขั้นตามรายได้

เปิดสูตรใหม่ เงินสมทบประกันสังคม “จ่ายมาก-ได้มาก” แบ่ง 3 ขั้นตามรายได้จริง เริ่มตั้งแต่ปี 2569

ผู้ประกันตนเตรียมตัว! สำนักงานประกันสังคม (สปส.) เตรียมปรับเงินสมทบประกันสังคมแบบบันได 3 ขั้น จากเดิม 15,000 บาท ดังนี้

ขั้นที่ 1 (ปี 2569)

• เพดานค่าจ้าง ปรับจาก 15,000 เป็น 17,500 บาท

• เงินสมทบสูงสุดต่อเดือน ปรับจาก 750 เป็น 875 บาท

สิทธิประโยชน์ 6 กรณี ปรับดังนี้

1. เงินทดแทนกรณีเจ็บป่วย 7,500 บาทต่อเดือน (250 บาทต่อวัน สูงสุด 180 วัน รวม 45,000 บาท) ปรับเป็นเงินทดแทนกรณีเจ็บป่วย 8,750 บาทต่อเดือน (291 บาทต่อวัน สูงสุด 180 วัน รวม 52,500 บาท)

2. เงินสงเคราะห์คลอดบุตร 22,500 บาทต่อครั้ง ปรับเป็น 26,250 บาทต่อครั้ง

3. เงินทดแทนกรณีทุพพลภาพ 7,500 บาทต่อเดือน ปรับเป็น 8,750 บาทต่อเดือน

4. เงินสงเคราะห์กรณีเสียชีวิต 90,000 บาท ปรับเป็น 105,000 บาท

5. เงินทดแทนกรณีว่างงาน 7,500 บาทต่อเดือน ปรับเป็น 8,750 บาทต่อเดือน

6. เงินบำนาญ ส่งสมทบ 15 ปี จาก 3,000 เป็น 3,500 บาท/เดือน ส่งสมทบ 25 ปี จาก 5,250 เป็น 6,125 บาท/เดือน

ขั้นที่ 2 (ปี 2570 – 2572)

• เพดานค่าจ้าง 20,000 บาท

• เงินสมทบสูงสุดต่อเดือน 1,000 บาท

สิทธิประโยชน์ 6 กรณี ปรับดังนี้

1. เงินทดแทนกรณีเจ็บป่วย 10,000 บาทต่อเดือน (333 บาทต่อวัน สูงสุด 180 วัน รวม 60,000 บาท)

2. เงินสงเคราะห์คลอดบุตร 30,000 บาทต่อครั้ง

3. เงินทดแทนกรณีทุพพลภาพ 10,000 บาทต่อเดือน

4. เงินสงเคราะห์กรณีเสียชีวิต 120,000 บาท

5. เงินทดแทนกรณีว่างงาน 10,000 บาทต่อเดือน

6. เงินบำนาญ กรณีส่งเงินสมทบ 15 ปี จะได้ 4,000 บาทต่อเดือน กรณีส่งเงินสมทบ 25 ปี จะได้ 7,000 บาทต่อเดือน

ขั้นที่ 3 (เริ่มปี 2573 เป็นต้นไป)

• เพดานค่าจ้าง 23,000 บาท

• เงินสมทบสูงสุดต่อเดือน 1,150 บาท

สิทธิประโยชน์ 6 กรณี ปรับดังนี้

1. เงินทดแทนกรณีเจ็บป่วย 11,500 บาทต่อเดือน (383 บาทต่อวัน สูงสุด 180 วัน รวม 69,000 บาท)

2. เงินสงเคราะห์คลอดบุตร 34,500 บาทต่อครั้ง

3. เงินทดแทนกรณีทุพพลภาพ 11,500 บาทต่อเดือน

4. เงินสงเคราะห์กรณีเสียชีวิต 138,000 บาท

5. เงินทดแทนกรณีว่างงาน 11,500 บาทต่อเดือน

6. เงินบำนาญ กรณีส่งเงินสมทบ 15 ปี 4,600 บาทต่อเดือน ส่วนกรณีส่งเงินสมทบ 25 ปี 8,050 บาทต่อเดือน

เหตุผลความจำเป็นในการปรับเพดานค่าจ้าง

• เพื่อให้สิทธิประโยชน์ (เงินทดแทนการขาดรายได้) พอเพียงกับการครองชีพในปัจจุบันของผู้ประกันตน

• เพื่อกระจายรายได้ จากผู้มีรายได้สูง ไปสู่ผู้มีรายได้น้อย

• เพื่อเพิ่มโอกาสในการปรับเพิ่มสิทธิประโยชน์

• เพื่อสร้างความมั่นคงให้กองทุนในระยะยาว ป้องกันการขาดดุลของเงินกองทุนในอนาคต โดยเฉพาะในยุคที่ไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มรูปแบบ

การเปลี่ยนแปลงสูตรเงินสมทบประกันสังคม ทำให้ผู้ประกันตนบางส่วนต้องจ่ายเพิ่ม แต่ก็แลกมาด้วยสิทธิประโยชน์ที่เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน ดังนั้น ผู้ประกันตนควรศึกษารายละเอียดและปรับแผนการเงินเพื่อให้สอดคล้องสูตรใหม่ที่จะเริ่มตั้งแต่ปี 2569 เป็นต้นไป