วันนี้ (2มิ.ย.68) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าน.ส.เอ๋ (นามสมมติ) อายุ 43 ปีชาว อ.ทุ่งฝน จ.อุดรธานี เดินทางมาปรึกษากับผู้สื่อข่าวและเฮียเปี๊ยกช่วยด้วย ถึงกรณีอยากจะสู้คดีกรณี ถูกญาติฝ่ายชายมาหมั้นลูกสาว แล้วถูกเบี้ยวงานแต่ง เวลาผ่านมาเป็นปี จนถึงขณะนี้ยังไม่มีทีท่าจะแต่งแต่อย่างใด และที่เจ็บใจโดนแม่ย่าด่าว่าลูกสะใภ้ขี้เกียจมาเอาคืนไปได้เลย
น.ส.เอ๋บอกว่าลูกสาวฉันน.ส.บี(นามสมมติ)อายุ23ปีจัดพิธีหมั้นกับนายเอก(นามสมมมติ)อายุ23ปีเช่นกันจัดพิธีหมั้นตามประเพณีคนรักกันเมื่อเดือนพ.ค.67หรือ1ปีที่ผ่านมีผู้หลักผู้ใหญ่ของทั้งฝ่ายหญิงและฝ่ายมาเต็มบ้านจัดขึ้นที่บ้านในอ.ทุ่งฝนตกลงค่าสินสอดงานแต่ง200,000บาทแต่หมั้นเอาไว้50,000บาทโดยงานหมั้นมีญาติๆของฝ่ายชายมาด้วยตกปากรับคำอีก1ปีจะแต่งแต่วันนั้นแม่ของฝ่ายชายไม่มาด้วยอยู่ไต้หวันแต่รับรู้ทุกอย่างว่ามีงานหมั้นและจะแต่งอีก1ปีจนถึงตอนนี้ผ่านมาเป็นปีก็ไม่เห็นมีงานแต่งแต่ที่เจ็บใจคือแม่ย่าอ้างว่าลูกสะใภ้ขี้เกียจ(ขี้คร้าน)ทำอาหารไม่เป็นมาเอาลูกสาวคืนไปเลยทำให้ตนเองโมโห จะให้แม่ไปรับลูกสาวมาเขาคงไม่กลับมาแล้วเพราะผู้หญิงและผู้ชายเขารักกันเ ขานอนด้วยกันแล้ว ลูกสาวฉันเสียหาย ตอนนี้สิ่งที่ต้องการลึกๆก็อยากให้เขาทั้งสองคนแต่งงานตามที่หมั้นเอาไว้ หรือทางแม่ฝ่ายชายจ่ายมาเพิ่ม 50,000-100,000 บาท มาผูกข้อต่อแขนเท่านั้นก็พอ แต่ไม่มีเสียงตอบรับจากแม่ของฝ่ายชายเลย อ้างว่าพ่อป่วยยังไม่พร้อม และไม่เคยรับปากจะว่าแต่งให้เด็กๆไปหาเงินเอง ตอนนี้ลูกสาวตนเองก็ไปอยู่บ้านฝ่ายชายเป็นปีแล้ว
“ลูกสาวฉันไปอยู่กับผู้ชายเป็นปีตั้งแต่เรียนแล้วมีสัมพันธ์ลึกซึ้ง ก็จะอยากเรียกร้องในส่วนของผู้หญิงเสียหายบ้าง และที่สำคัญหมั้นแล้วไม่มาแต่งเลย เป็นผู้ใหญ่คุยกันแล้วไม่น่าจะเบี้ยวแบบนี้”
ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านหลังหนึ่งใน อ.หนองหาน เพื่อฟังมุมของแม่ย่าเกิดอะไรขึ้นกับงานหมั้น โดยนางสงวน (นามสมมติ) แม่ฝ่ายชาย บอกว่า เรื่องนี้ใครเอาไปแจ้งนักข่าว มาถามเรื่องนี้ไม่ต้องถามแม่นะให้ไปถามเด็กๆ ว่าเขาเป็นยังไง แต่ฉันจะบอกว่าเด็กเขาอยู่ด้วยกันมา 2-3 ปีแล้ว ตั้งแต่เรียนอยู่ ผู้หญิงมาอยู่บ้านผู้ชายเคยบอกให้กลับบ้านก็ไม่กลับ จากนั้นญาติฝ่ายหญิงก็มาบอกให้ไปหมั้นไว้เพราะเขาอยู่ด้วยกัน เราก็ไม่ขัดไปหมั้นไว้ 50,000 บาท แต่ที่ว่ารับปากจะแต่งปีไหนอย่างไร ไม่เคยรับปากเพราะเด็ก ๆเขาบอกว่าเขาจะทำงานหาเงินมาแต่งกันเอง ไม่ได้กำหนดว่า 1 ปีอะไรทั้งนั้นแล้วแต่เด็กๆและอีกอย่างฉันกลับมาจากไต้หวันพ่อป่วยเป็นโรคหัวใจ จึงไม่พร้อมจะแต่งขอดูแลพ่อก่อน
แม่ฝ่ายชายบอกอีกว่า เรื่องแบบนี้ไม่ควรแจ้งนักข่าว อยากออกทีวีอะไรนักหนา อยากได้เงินสินสอดใช่ไหม แม่ฝ่ายหญิงลำบากทุกข์ยากขนาดนั้นเลยหรือ จะมาเรียกร้องค่าสินสอด ยืนยันเราไม่ได้รับปากจะแต่งหลังหมั้น 1 ปี เราไม่เคยนัดไม่เคยรับปากว่าจะแต่งตอนไหน เด็กๆเขาจะไปหาเงินกันเองคนเป็นดองกันไม่น่าจะมาทวงแบบนี้ อยากจะบอกว่าเงินพร้อมแต่ง แต่จะมาพูดแบบนี้ไม่ชอบแล้วอยากได้เงินหรือเอาบัญชีมาจะโอนให้แล้วเอาลูกสาวกลับไปด้วยจะเอาไหม และที่ผ่านมาแม่ฝ่ายหญิงโทรมาเอาเงินกับลูกชายฉัน ทีละหมื่นสองหมื่นเอาเงินไปไม่เท่ากับเงินแต่งแล้วหรือ อย่าเป็นคนปลิ้นปล้อน อยากจะแต่งได้หน้า อยู่โรงแรมหรูโชว์ผัวฝรั่งมาอีก ตอนนี้เปลี่ยนใจไม่แต่งแล้ว
ส่วนที่ตนเองบอกว่า “ลูกสะใภ้ขี้เกียจอันนี้เรื่องจริง ห้องก็รก ทำกับข้าวก็ไม่เป็น แถมฝ่ายหญิงเอาแมวมาเลี้ยง 4 ตัว ขี้เต็มห้องไม่เก็บกวาดเลย และที่ฉันโกรธแม่ฝ่ายหญิง ส่งข้อความมาด่าพวกฉันว่าเอาลูกฉันมาอยู่ด้วยหมั้นเอาไว้พวกสูไม่มีปัญญาแต่งมาหมั้นไว้ทำไมมาอยู่ที่นี่ไม่มีอนาคต ฉันจะเอาลูกไปเรียนป.โท เป็นแอร์โฮเตสตั้งแต่ปีใหม่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มาเอา และด่าฉันต่างๆนาๆฉันมีคลิปหมด”
Advertisement