รายงาน “Policies and Patterns: State-Abetted Transnational Crime in Cambodia as a Global Security Threat” ซึ่งเขียนโดย “เจคอบ ซิมส์” (Jacob Sims) ผู้เชี่ยวชาญด้านอาชญากรรมข้ามชาติและความมั่นคงในภูมิภาค ได้เปิดเผยว่า “กัมพูชา” กำลังกลายเป็น “ศูนย์กลางของเศรษฐกิจการหลอกลวง” ที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วทั่วโลก โดยมี “กลุ่มอาชญากรจีน” เป็นตัวขับเคลื่อน ซึ่งขนาดของกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย กำลังคุกคามเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการเมืองในระดับโลก และกำลังเติบโตอย่างเฟื่องฟูผ่านการทุจริตที่ดูเหมือนถูกเพิกเฉยจากรัฐ
รายงานดังกล่าวตามที่หนังสือพิมพ์เซาท์ไชนามอร์นิงโพสต์นำเสนอ ได้ระบุว่า ในขณะที่เมียนมาและลาวมีเศรษฐกิจภาคการหลอกลวงที่เติบโตสูง แต่ประเทศหนึ่งที่มีแนวโน้มเติบโตดีกว่าสองประเทศนี้ คือ “กัมพูชา” ซึ่งมีศักยภาพเป็นฮับแห่งการฉ้อโกงในปี 2025 นี้
รายงานของซิมส์ ซึ่งตีพิมพ์โดย Humanity Research Consultancy มีขึ้นหลังจากการประเมินที่น่าตกใจของสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) ซึ่งเมื่อเดือนที่แล้ว ได้แสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อการเติบโตแบบก้าวกระโดดของอาชญากรรมข้ามชาติที่มีฐานจากในอาเซียน และได้ขยายขอบเขตไปยังแปซิฟิก, เอเชียใต้, ตะวันออกกลาง, แอฟริกา และอเมริกาใต้
ตามข้อมูลของ UNODC กลุ่มอาชญากรรมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้พัฒนาอย่างรวดเร็วจากการผลิตยาเสพติดสังเคราะห์ไปสู่คาสิโนที่ไม่มีการควบคุม และการพนันออนไลน์
ในปัจจุบัน อาชญากรในภูมิภาคแห่งนี้ ได้ขึ้นนำด้านการฉ้อโกง และการหลอกลวงทางไซเบอร์ในระดับอุตสาหกรรม ซึ่งดำเนินการโดยเครือข่ายค้ามนุษย์ ผู้ฟอกเงิน ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี และนายหน้าข้อมูล
รายงานยังระบุอีกว่า การรับสมัครที่ดำเนินการอย่างเป็นระบบและซับซ้อนมากขึ้น ได้ดึงดูดคนหนุ่มสาวจำนวนมากจากกว่า 60 ประเทศ ที่มักมีความสามารถ แต่ขาดโอกาสการทำงาน ให้ตกเป็นเหยื่อ โดยผ่านข้อเสนอการจ้างงานที่ดูน่าเชื่อถือ แต่แท้จริงแล้วเป็นการหลอกลวง
บางคนอาจกลายเป็นผู้มีส่วนร่วมในกิจกรรมที่ผิดกฎหมายโดยสมัครใจ แต่น่าเศร้าที่หลายคนกลับต้องเผชิญชะตากรรมอันเลวร้าย ต้องตกเป็นทาส ถูกข่มขู่กรรโชกและเรียกค่าไถ่ รวมถึงถูกบังคับขู่เข็ญอย่างรุนแรง ตั้งแต่การถูกทุบตี ทรมาน ไปจนถึงการฆาตกรรม
งานวิจัยของซิมส์ ยังชี้ให้เห็นว่า อาชญากรรมไซเบอร์ในปัจจุบัน น่าจะเป็น “เครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคแม่โขง” โดยสร้างรายได้คิดเป็น 40-60% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของกลุ่มประเทศที่มีเครือข่ายอาชญากรรมขนาดใหญ่ ซึ่งได้หลอกลวงเงินจากผู้คนทั่วโลกไปเป็นมูลค่า 50,000-75,000 ล้านดอลลาร์ หรือราว 1.6-2.4 ล้านล้านบาทในแต่ละปี
ซิมส์ ซึ่งเป็นนักวิจัยรับเชิญของศูนย์เอเชีย ประจำมหาวิทยาลัย Harvard เปิดเผยว่า เศรษฐกิจการหลอกลวงของกัมพูชา มีกำลังแรงงานที่ถูกบีบบังคับกว่า 150,000 คน โดยผลการค้นพบนี้อ้างอิงจากการวิจัยเอกสารอย่างละเอียดและการสัมภาษณ์นักข่าว นักการทูต นักวิเคราะห์ รวมถึงเหยื่อการค้ามนุษย์หลายสิบคน
“ธุรกิจหลอกลวง (Scamming) ได้กลายเป็นอุตสาหกรรมประเทศที่สร้างผลกำไรมหาศาล ซึ่งน่าจะไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์กัมพูชา โดยประมาณการรายได้ต่อปีอยู่ที่ 12,500-19,000 ล้านดอลลาร์ หรือราว 400,000-600,000 ล้านบาท ซึ่ง ‘สูงกว่า’ รายได้จากภาคสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มที่เป็นภาคเศรษฐกิจหลักที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ” ซิมส์กล่าว
Advertisement