Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ครบ 10 ปี "หลวงพ่อคูณ" ตำนานเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งวัดบ้านไร่มรณภาพ

ครบ 10 ปี "หลวงพ่อคูณ" ตำนานเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งวัดบ้านไร่มรณภาพ

16 พ.ค. 68
13:56 น.
แชร์

ครบ 10 ปี หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ ตำนานเกจิอาจารย์ดังแห่งวัดบ้านไร่ มรณภาพ ผู้สร้างคุณูปการด้านงานสาธารณูปการสงเคราะห์ที่ยิ่งใหญ่ให้แก่สังคมไทย

16 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 ครบรอบ 10 ปี ที่พุทธศาสนิกชนคนไทยสิ้น "พระเทพวิทยาคม" หรือ "หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ" อดีตเจ้าอาวาส ตำนานเกจิอาจารย์ดังแห่งวัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ที่มีลูกศิษย์ผู้เลื่อมใสในศรัทธาอยู่ทั่วประเทศ ทั้งในฐานะพระเกจิอาจารย์ที่น่าเสื่อมใส และผู้สร้างคุณูปการด้านงานสาธารณูปการสงเคราะห์ที่ยิ่งใหญ่ให้แก่สังคมไทย

หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ ภาพจาก หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ ร.๙ นครราชสีมา

หลวงพ่อคูณ เดิมชื่อก่อนบวชละทางโลกคือ คูณ ฉัตร์พลกรัง เกิดและโตที่บ้านไร่ หมู่ที่ 6 ตำบลกุดพิมาน อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา เป็นบุตรชายคนโตของบ้าน ที่ต่อมาอยู่ในการดูแลของน้าสาว เนื่องจากพ่อและแม่เสียชีวิตตั้งแต่เด็ก

หลวงพ่อคูณ ได้เข้าสู่ทางธรรมเข้าพิธีอุปสมบท ณ วัดถนนหักใหญ่ ตำบลกุดพิมาน อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันศุกร์ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2487 โดยได้ฉายานามว่า ปริสุทฺโธ และได้ฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อแดง วัดบ้านหนองโพธิ์ ตำบลสำนักตะคร้อ อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งท่านเป็นพระนักปฏิบัติทางด้านคันถธุระและวิปัสสนาธุระอย่างเคร่งครัด จนเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของผู้คนและลูกศิษย์เป็นอย่างมาก

หลวงพ่อคูณอยู่ปรนนิบัติรับใช้หลวงพ่อแดงมานานพอสมควร ก่อนหลวงพ่อแดงจะพาไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อคง พุทธสโร จนมีความรอบรู้แตกฉาน ชำนาญการปฏิบัติธรรมดีแล้ว จึงแนะนำให้ออกธุดงค์จาริกไปตามป่าเขาเพื่อฝึกปฏิบัติธรรมเบื้องสูงต่อไป ระยะแรกหลวงพ่อคูณธุดงค์จาริกอยู่แค่ในเขตจังหวัดนครราชสีมา ก่อนจะออกไกลออกไปกระทั่งถึงประเทศลาวและกัมพูชา เพื่อทำความเพียรให้เกิดสติปัญญา ให้หลุดพ้นจากกิเลสตัณหาและอุปาทานทั้งปวง

ก่อนจะเดินทางกลับสู่ประเทศไทยสู่ถิ่นบ้านไร่ และเริ่มดำริให้ก่อสร้างวัดเป็นถาวรวัตถุทางพระพุทธศาสนา โดยเริ่มสร้างอุโบสถพัทธสีมาในปี พ.ศ. 2496 นอกจากนั้นยังดำริให้สร้างกุฏิสงฆ์ ศาลาการเปรียญ ขุดสระน้ำไว้เพื่ออุปโภคและบริโภค ทั้งจัดสร้างโรงเรียนวัดบ้านไร่เพื่อการศึกษาของเยาวชนละแวกนี้

รวมถึงสร้างสองสถานศึกษา ได้แก่ วิทยาลัยเทคนิคหลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ และ โรงเรียนมัธยมหลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ เพื่อให้เป็นสถานศึกษาที่สามารถผลิตบุคลากรให้มีวิชาชีพเพื่อใช้ประกอบวิชาชีพได้ โดยไม่ต้องให้เยาวชนเดินทางไปศึกษาที่อื่น ตลอดจนงานสงเคราะห์การกุศลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น สร้างอาคารเรียน หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ ให้มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตนครราชสีมา , บริจาครถบัสปรับอากาศแอร์ ให้มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตสุรินทร์ , บริจาครถบัสพัดลม ให้มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตสุรินทร์

วัดบ้านไร่ ในปัจจุบัน

อาพาธและมรณภาพ

หลวงพ่อคูณเริ่มอาพาธมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2543 ด้วยโรคหัวใจ ซึ่งครั้งนั้นได้มีการรักษาด้วยการทำผ่าตัดทำบายพาสหัวใจจนอาการดีขึ้น ก่อนจะเริ่มอาพาธในหลายโรคหลายอาการตามมา ไม่ว่าจะเป็น เลือดคั่งในสมอง ติดเชื้อในกระแสเลือด วัณโรคปอด จนเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2556 เริ่มมีอาการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ และมีภาวะแทรกซ้อนอย่างหลอดลมอักเสบ เสมหะลงคอ จนทำให้ปอดเกิดการอักเสบติดเชื้อ โดยได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลมหาราช จ.นครราชสีมา เมื่ออาการดีขึ้นจึงกลับวัดบ้านไร่ โดยพักรักษาตัวอยู่ภายในห้องกระจกที่มีทีมแพทย์ดูแลอย่างใกล้ชิด

จนกระทั่งเช้ามืดของวันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 หลวงพ่อคูณอาพาธหนักถึงขั้นหัวใจหยุดเต้น ทีมแพทย์ต้องเร่งปั๊มหัวใจจนชีพจรเริ่มตอบสนอง และรีบนำส่งโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาในทันที

ซึ่งระหว่างการรักษา หลวงพ่อคูณมีภาวะแทรกซ้อนหลายอาการบวกกับอายุที่มากแล้ว จนเช้าของวันที่ 16 พฤษภาคม 2558 อาการเริ่มทรุดลงเรื่อยๆ ก่อนคณะแพทย์จะออกประกาศแจ้งข่าวมรณภาพของหลวงพ่อคูณขณะทำการรักษา ภายในห้องอายุรกรรมผู้ป่วยหนัก โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา สิริอายุ 91 ปี 71 พรรษา

ครั้งนั้น น.พ.พินิศจัย นาคพันธุ์ แพทย์อายุรกรรมหัวใจชำนาญการ ผู้รักษาประจำของหลวงพ่อคูณ (ขณะนั้น) ในสถานะหัวหน้าคณะแพทย์ กล่าวถึงสาเหตุแห่งการมรณภาพ เนื่องจากการหายใจหยุดลง เพราะมีลมรั่วเข้าไปภายในปอด หรือที่เรียกว่าปอดแตก เป็นเหตุให้หัวใจหยุดเต้น เนื่องจากคณะแพทย์ต้องช่วยปั๊มหัวใจ เป็นเวลานานถึง 1 ชั่วโมง ทั้งที่หากสมองขาดออกซิเจนเพียง 4 นาที ก็เข้าสู่ภาวะวิกฤตแล้ว หลังจากนำหลวงพ่อมายังโรงพยาบาล ก็พยายามช่วยกันเต็มที่ เมื่อเวลาประมาณ 05:40 น. ยังต้องปั๊มหัวใจเพิ่มถึงสองรอบ แต่ด้วยความที่หลวงพ่อ อยู่ในภาวะที่ไม่รับรู้ใด ๆ นับแต่หมดสติที่วัดบ้านไร่แล้ว เมื่อการหายใจหยุดลง และหัวใจหยุดเต้นเป็นเวลานาน ก็ส่งผลให้อวัยวะอื่นๆ วิกฤตลงตามไปด้วย คือเข้าสู่ภาวะสมองตายตั้งแต่แรก ต่อมาแพทย์พยายามยื้อหัวใจ และต่อมาปอด จนมาถึงไต แต่แล้วสุดท้าย อวัยวะสำคัญก็ล้มเหลวลงทั้งหมด

พินัยกรรมกำหนดการเมื่อมรณภาพที่แสนเรียบง่าย

หลวงพ่อคูณ ได้ทำพินัยกรรมแสนเรียบง่ายเอาไว้ขณะที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ถึงกำหนดการเผื่อถึงการมรณภาพ อย่างแสนเรียบง่าย โดยเนื้อหาใจความในพินัยกรรม ระบุว่า ศพของอาตมาให้มอบแก่มหาวิทยาลัยขอนแก่น ภายในเวลา 24 ชั่วโมงนับแต่มรณภาพ เพื่อให้ทางมหาวิทยาลัยมอบให้แก่ ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เพื่อให้นำไปศึกษาค้นคว้า ตามวัตถุประสงค์ของภาควิชา

พิธีกรรมทางศาสนาและการสวดพระอภิธรรม ให้คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ประกอบพิธีขึ้นที่คณะเป็นเวลา 7 วัน ตั้งแต่ถึงวันมรณภาพลง

การจัดพิธีบำเพ็ญกุศล เมื่อสิ้นสุดการศึกษาค้นคว้า ของภาควิชากายวิภาคศาสตร์ฯ มหาวิทยาลัยขอนแก่นแล้ว ให้จัดอย่างเรียบง่าย ละเว้นการพิธีสมโภชใดๆ ทั้งห้ามขอพระราชทานเพลิงศพ โกศ และพระราชพิธี อื่นๆ เป็นกรณีพิเศษหรือเป็นการเฉพาะ ให้คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ประกอบพิธีเช่นเดียวกับที่จัดให้แก่ อาจารย์ใหญ่ของนักศึกษาแพทย์ประจำปี ร่วมกับอาจารย์ใหญ่ท่านอื่น แล้วเผาที่ฌาปนสถานวัดหนองแวง (พระอารามหลวง) อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น หรือวัดแห่งอื่นตามเหมาะสม และเมื่อดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว ขอให้คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น นำอัฐิ เถ้าถ่าน และเศษอังคารทั้งหมด ไปลอยที่แม่น้ำโขง จังหวัดหนองคาย ตามที่เห็นสมควรและเหมาะสม

โดยให้นายอำเภอด่านขุนทด ศึกษาธิการอำเภอด่านขุนทด และคณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ร่วมกันเป็นผู้จัดการศพ มีอำนาจดำเนินการให้เป็นไปตามพินัยกรรมนี้ และให้ยกเลิกพินัยกรรม ฉบับวันที่ 15 กันยายน 2536 หรือฉบับอื่นใดที่มีอยู่ก่อนหน้านี้ และให้ยึดถือพินัยกรรมฉบับนี้แทน

"เคาะหัว" เอกลักษณ์เด่นที่ลูกศิษย์ต้องไปโดนเคาะเพื่อความเป็นสิริมงคล

นอกจากท่านั่งยองๆ ที่เป็นเอกลักษณ์เด่นของหลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ แล้ว ยังมี การเคาะหัว ที่คนไทยทุกคนจำเอกลักษณ์ของพระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งวัดบ้านไร่เมื่อครั้งท่านยังมีชีวิตอยู่ได้ โดยการเคาะหัว เปรียบเสมือนการให้พรกับลูกศิษย์และประชาชนที่มากราบไหว้แทนการรดน้ำมนต์ ซึ่งเป็นความเชื่อของลูกศิษย์ว่า ท่านเป็นพระอริยสงฆ์ผู้มีวาจาสิทธิ์ อาคมแก่กล้าและมีเมตตาบารมีธรรมสูง พุทธศาสนิกชนทั่วประเทศรวมถึงชาวต่างชาติ เมื่อได้มาเยือนถิ่นวัดบ้านไร่ จึงต้องไม่พลาดแห่มาต่อคิวให้หลวงพ่อคูณใช้ไม้เคาะหัวให้พร เพื่อความเป็นสิริมงคล ให้ได้โชคดีกลับไป ปัดเป่าสิ่งไม่ดีให้พ้นตัวไป ซึ่งหลายคนที่มาให้ท่านเคาะหัว เมื่อกลับไปแล้วได้สมดั่งคำขอพรกันจำนวนมาก เพราะท่านว่าคาถากำกับทุกครั้ง

จึงมีทั้งประชาชนทั่วไป ดารานักแสดง นักร้อง และแม้กระทั่งนักการเมืองชื่อดังเกือบทั่วประเทศ ต่างก็เคยมาให้หลวงพ่อคูณเคาะหัวมาแล้วด้วยกันทั้งนั้น อาทิ พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ, พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ, นายทักษิณ ชินวัตร , นายสมัคร สุนทรเวช, นายบรรหาร ศิลปอาชา , นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ นายกร ทัพพะรังสี เป็นต้น

ทั้งนี้ไม้เคาะหัวของหลวงพ่อคูณ ยังถูกเก็บรักษาไว้อย่างดีในห้องกระจก ภายในกุฏิที่หลวงพ่อคูณเคยจำพรรษา ยังมีเครื่องอัฐบริขาร บาตร จีวร เตียงนอน หมอน ผ้าห่ม และหุ่นขี้ผึ้งเท่าองค์จริงของหลวงพ่อคูณอยู่ด้วย โดยทางวัดบ้านไร่ได้เปิดให้พุทธศาสนิกชนทั่วไป มากราบไหว้บูชาได้ทุกวัน แม้ท่านจะมรณภาพจากไปครบ 10 ปีแล้วก็ตาม

Advertisement

แชร์
ครบ 10 ปี "หลวงพ่อคูณ" ตำนานเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งวัดบ้านไร่มรณภาพ