"กระสอบทราย" เทคโนโลยีต่ำแต่ทรงพลังในการกั้นหรืออุดช่องน้ำ ที่มีมาตั้งแต่ยุคสงครามปฏิวัติ และหลายประเทศทั่วโลกยังคงใช้เมื่อเกิดวิกฤตน้ำท่วม
จากกรณีเหตุการณ์ถนนทรุดตัวหน้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาล เป็นหลุมขนาดใหญ่และมีดินสไลด์ในหลุมลึกเพิ่มเติมเป็นระยะ คาดว่าเกิดจากสาเหตุที่มีน้ำไหลเข้าไปในพื้นที่ โดยทาง นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กรุงเทพมหานคร, การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และบริษัทผู้รับเหมา ได้นำกระสอบทรายมากกว่า 50,000 ลูก เทลงไปเพื่ออุดน้ำและทรายที่จะไหลลงอุโมงค์ ให้เกิดการทรุดตัวของดิน
ซึ่งก็มีทั้งคนที่เข้าใจและไม่เข้าใจวิธีการใช้กระสอบทรายในการแก้ไขปัญหาหลุมยักษ์ดังกล่าว แม้ทางผู้ว่าฯ จะยืนยันว่าเป็นมาตรฐานสากลแก้ปัญหาหลุมยุบอย่างถูกวิธี เป็นการหยุดดินสไลด์และป้องกันน้ำไหลลงเข้าไปเพิ่มเติมในอุโมงค์รถไฟฟ้า โดยประปาได้ตัดการระบายน้ำหมดแล้ว แต่น้ำที่เห็นอยู่ในหลุมที่ยุบเป็นส่วนของการระบายน้ำ สำนักการระบายน้ำจึงนำกระสอบทรายไปอุดหัวท้ายทำให้น้ำในพื้นที่ลดลง และหากอนาคตเกิดฝนตกจะต้องมีการป้องกันไม่ให้น้ำด้านนอกไหลเข้าไปในบ่อยุบ จึงมีการทำกระสอบทรายเป็นเขื่อนกันน้ำไว้
บทความจากเว็บไซต์ slate.com ได้ยกตัวอย่างกรณีการใช้กระสอบทรายกั้นน้ำในยามเกิดวิกฤต เป็นการบรรเทาความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น พร้อมระบุว่าการใช้กระสอบทรายกั้นน้ำเกิดขึ้นมานานแล้ว ตั้งแต่เมื่อครั้งช่วงสงครามปฏิวัติอเมริกา ซึ่งครั้งหนึ่งเคยถูกใช้สร้างป้อมปราการชั่วคราว และถูกนำมาใช้ป้องกันน้ำท่วมใหญ่ เช่น มหาอุทกภัยมิสซิสซิปปี ในปี 1927
กระสอบทรายได้รับความนิยมอย่างมากเนื่องจากเป็นเทคโนโลยีต่ำ เพียงแค่ต้องมีทรายจำนวนมาก ถุงกระสอบ พลั่ว และกำลังคน โดยข้อดีของทรายคือราคาถูก มีปริมาณมาก และง่ายต่อการจัดการและทำความสะอาดเมื่อพ้นช่วงวิกฤต นั่นเป็นเครื่องยืนยันว่าผู้คนใช้กระสอบทรายกันมานานเกือบหลายร้อยปี แม้ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีจะรุ่งเรืองในหลายด้าน แต่ทำไมยังคงใช้วิธีที่ไม่ต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูงใดๆ เพื่อควบคุมน้ำท่วม นั่นก็เป็นเพราะว่า
ประการแรก กระสอบทรายใช้งานง่าย การเตรียมกระสอบทรายต้องใช้กำลังคนไม่มาก พร้อมพลั่ว ถุงมือ และความรู้เกี่ยวกับข้อควรระวังด้านความปลอดภัยเมื่อเกิดน้ำท่วม ทุกคนต้องทำงานอย่างรวดเร็ว จึงไม่มีความจำเป็นต้องนำผู้เชี่ยวชาญและวิศวกรเข้ามาวิเคราะห์อะไร นอกจากนี้การทำกระสอบทรายเป็นงานหนักก็จริง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินไป
ประการที่สอง กระสอบทรายมีราคาไม่แพง ทั้งกระสอบและทรายมีราคาถูก ดังนั้นคนส่วนใหญ่จึงสามารถนำไปใช้ได้จริง นอกจากนี้ทรายที่เหลือจากการใช้งานยังถูกนำไปใส่ในสวน หรือไว้ใช้โรยบนถนนที่เป็นน้ำแข็งในช่วงฤดูหนาวได้อีกด้วย
ประการที่สาม กระสอบทรายใช้งานได้จริง และพวกมันถูกใช้งานในยามเกิดน้ำท่วมหรือเป็นป้อมปราการชั่วคราวได้มาหลายปีแล้ว
นอกจากนี้ตัวทรายยังมีคุณสมบัติสำคัญอีกประการ คือ มีความพรุน ในการให้แสง อากาศ หรือน้ำไหลผ่าน และทรายเป็นวัสดุที่มีเนื้อหยาบ ยิ่งวัสดุมีเนื้อหยาบมากเท่าใด ก็ยิ่งมีรูพรุนน้อยลงเท่านั้น ถือเป็นคุณสมบัติที่ดีในการใช้ควบคุมน้ำท่วม กระสอบทรายมีน้ำหนักมากพอที่จะต้านทานแรงดันของน้ำ และมีความยืดหยุ่นที่สามารถอุดตามช่องว่างเล็กๆ ที่เกิดจากการวางเรียงซ้อนกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้สามารถกักเก็บหรือเบี่ยงเบนทิศทางของน้ำได้ ซึ่งน้ำสามารถซึมผ่านกระสอบทรายได้ถือเป็นเรื่องปกติ แต่อัตราการซึมผ่านค่อนข้างช้าเมื่อเทียบกับอัตราการไหลของน้ำอย่างอิสระบนพื้นดิน
ส่วนการนำถุงทรายเข้ามาเป็นหนึ่งในวิธีการแก้ไขปัญหาหลุมจากถนนทรุดตัวนั้น ผู้ว่าฯ ชัชชาติ ยังได้ให้ความเห็นว่า ถ้าไม่อุดตรงนี้ เวลามีน้ำหรือของเหลวก็จะไหลลงไปได้ นั่นเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำไมทาง รฟม. ต้องขุด และนำกระสอบทรายทิ้งลงไปก่อน เพื่อไปอุดช่องว่างเหล่านี้ กระสอบทรายมีความยืดหยุ่นในการลงไปปิดช่องว่างได้ละเอียด ขนาดกั้นน้ำท่วมยังใช้กระสอบทราย น้ำยังลอดไม่ได้ ดังนั้นเราจึงใช้กระสอบทราย ดินก็ลอดไม่ได้และจะสามารถขุดได้ กระสอบทรายในอนาคตก็สามารถเคลื่อนที่ออกได้ไม่ยาก หากต้องรื้อออกเพื่อทำอุโมงค์ใหม่ ก็สามารถใช้หัวเจาะเข้าไปได้ ทำให้การก่อสร้างในอนาคตง่ายขึ้น ไม่ได้พังเหมือนตึก สตง. ดังนั้น การใช้อุปกรณ์ในการอุดช่องว่างต่าง ๆ ต้องคิดถึงในอนาคตด้วย ไม่ใช่ว่าทำไปแล้วในอนาคตต้องรื้ออีกครั้ง แล้วปิดถนนอีกครั้ง มันจะลำบาก เชื่อว่าเป็นวิธีที่ถูกแล้ว
ที่มา : Why are we still using sandbags to keep rivers from overflowing?
Advertisement