
ศูนย์แถลงข่าวร่วม สถานการณ์ไทย-กัมพูชา ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก นำโดยพลเรือตรี สุรสันต์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ยึกหลักการ 5 ข้อในการดําเนินการ คือ 1.ความชอบธรรม 2.ด้านมนุษยธรรม
3.ความโปร่งใส เท่าทีปลอดภัย 4.สื่อสารทิศทางเดียวกัน 5.สร้างความเชื่อมั่นและขวัญกําลังใจ
ปัจจุบันศูนย์แห่งนี้ได้มีการสื่อสารผ่าน ภาษาไทยอังกฤษ กัมพูชา จีน รัสเซีย ฝรั่งเศส อารบิก สเปน เยอรมัน ญี่ปุ่น เกาหลี อนาล็อก (ซึ่งเป็นภาษาที่ฟิลิปปินส์ใช้) และได้เพิ่มเติมภาษา อินโดนีเซียมาเลเซีย เวียดนาม เมียนมาร์ สปป.ลาว ให้ครอบคลุมทุกภาษาที่ใช้ในอาเซียน เพื่อนําเสนอข้อเท็จจริงให้ประชาคมโลกและประชาชนในอาเซียนได้รับทราบข้อเท็จจริงต่างๆ พร้อมย้ำว่า ศูนย์แห่งนี้ยังมุ่งมั่นดําเนินการในลักษณะนี้เพื่อนําข้อมูลสู่ประชาชนอย่างถ่วงที
สําหรับไทม์ไลน์สถานการณ์ที่ผ่านมา กัมพูชายังคงเปิดการปะทะต่อเนื่องตลอดแนว ระดมอาวุธยิงสนับสนุนต่างๆ เข้าไปยังฝั่งไทย โดยเฉพาะพื้นที่ช่องอานม้า ซึ่งเราได้ผลักดันและประสบความสําเร็จป้องกันการรุกราน
นอกจากนี้ กัมพูชา ยังถล่ม เนิน 350 บริเวณพื้นที่ปราสาทตาควาย อ.พนมดงรักษ์ จ.สุรินทร์ ซึ่งทําให้กําลังพลเสียชีวิต 2 นาย แต่เรายังสามารถปกป้องพื้นที่ มีการปฏิบัติการที่มีนัยสําคัญ
ในส่วนของบ้านหนองหญ้าแก้วบ้านหนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว พื้นที่กองกําลังบูรพา กองทัพภาคที่1 ยังมีการปะทะต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา กัมพูชาระดมยิงอาวุธหนักเข้ามาในพื้นที่ แต่เราสามารถค้ํายันพื้นที่และผลักดันออกไป
นอกจากนี้ ในจ.ตราด แม้ได้ประกาศยกเลิกเคอร์ฟิวในพื้นที่ไปแล้ว เนื่องจากสถานการณ์เริ่มเข้าสู่สภาวะปกติ เราพยายามลดผลกระทบต่อประชาชนให้มากที่สุด แต่ช่วงค่ําที่ผ่านมา ฝ่ายกัมพูชายังระดมการยิงต่อเนื่องตลอดแนว จังหวัดตราด ยังได้รับผลกระทบและต้องชื่นชมกองทัพเรือที่ยังรับมือกับการรุกรานของกองทัพกัมพูชาได้มีประสิทธิภาพ
พันเอก ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก ชี้แจงเพิ่มเติมถึงความยาก ในการสถาปนาพื้นที่ความมั่นคงปราสาทตาควาย ว่า ด้วยสภาพพื้นที่ การรบมีความยากลําบาก เนื่องจากมีพื้นที่สูง เนิน 350 ที่ทหารกัมพูชายึดเอาไว้ก่อนหน้านี้ และทำเป็นที่มั่นแข็งแรง การที่ทหารไทยจะยึดประสาทตาควายได้นั้น เนิน 350 เป็นจุดยุทธภูมิสําคัญ ตอนนี้ในบริเวณดังกล่าวสู้รบอย่างหนักเป็นพื้นที่ช่วงชิงอยู่ในระหว่างการปฏิบัติการ ส่งผลให้ทหารสละชีพ 2 นาย ตามที่เป็นข่าว
ส่วนการนำร่างทหารสละชีพ ออกจากพื้นที่ กองทัพภาคที่ 2 กําลังตรวจสอบ ต้องเรียนว่าด้วยความยากลําบาก สถานการณ์การรบในบริเวณนั้นยังไม่จบ กําลังเข้มข้น พร้อมปฏิเสธกรณีทหารไทยถูกจับกุมว่าไม่มีการได้รับรายงานเข้ามา
พันเอก ริชฌา ย้ําว่า การรบที่ยืดเยื้อ ฝ่ายไทย ทำเพื่อการป้องกันตนเองบนพื้นฐานการโจมตีเข้ามา เราไม่ได้เป็นฝ่ายรุกเข้าไป เพราะฉะนั้นการรบยืดเยื้อหากกัมพูชายังมีการโจมตีเข้ามา ฝ่ายไทยต้องป้องกันตนเอง ซึ่งมีหลายรูปแบบ พื้นที่ที่เราต้องยึดคืน ซึ่งเป็นอธิปไตยของไทยเอง เพราะทําให้กัมพูชาได้เปรียบเข้ามาโจมตีไม่เพียงแต่ทหารที่ได้รับบาดเจ็บเสียชีวิตครอบคลุมถึงประชาชน หากยังโจมตีเข้ามาเราก็ต้องป้องกันตัวเอง
ส่วนขีปนาวุธที่ยึดได้ นํามาใช้ประโยชน์ของเราส่วนรายละเอียดเชื่อว่าเราต้องทําให้เป็นประโยชน์ที่สุด
ส่วนกระแสในสื่อสังคมออนไลน์ที่ตั้งคำถามเกี่ยวกับอาวุธที่ตรวจยึดได้จากพื้นที่การปะทะ โดยขอทำความเข้าใจว่า อาวุธดังกล่าว ไม่ใช่ขีปนาวุธ ตามความเข้าใจของประชาชน แต่เป็น จรวดต่อสู้รถถัง หรืออาวุธยิงจากภาคพื้นสู่ภาคพื้น ใช้ทำลายยานเกราะ รถถัง หรือที่มั่นทางทหาร
รองโฆษกกองทัพบก ระบุว่า การเรียกอาวุธดังกล่าวว่า “ขีปนาวุธ” ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงทางการทหาร และขอความร่วมมือสื่อมวลชนใช้คำว่า จรวดต่อสู้รถถัง หรือจรวดต่อสู้ภาคพื้น ซึ่งมีระยะยิงประมาณ 5–10 กิโลเมตร ขึ้นอยู่กับรุ่น
สำหรับแหล่งที่มา อาวุธที่ตรวจยึดได้เป็น อาวุธของจีน รุ่น GAM-102 ไม่ใช่รุ่น 102 LR ตามที่มีการนำเสนอคลาดเคลื่อน โดยรุ่น 102 เป็นอาวุธที่ผลิตมานานแล้ว ไม่ใช่ยุทโธปกรณ์รุ่นใหม่หรือมีความทันสมัยสูง ซึ่งได้รับการยืนยันจากทางการจีน และสอดคล้องกับคำชี้แจงของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมก่อนหน้านี้
พันเอก ริชฌา ย้ำว่า การที่อาวุธเป็นของจีน ไม่ใช่ข้อบ่งชี้ว่าจีนสนับสนุนฝ่ายใด เนื่องจากหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทยเอง ก็ใช้อาวุธที่ผลิตจากจีนเช่นกัน ซึ่งเป็นเรื่องปกติของการจัดหาอาวุธในระดับรัฐ
ส่วนกระแสข่าวเรื่องการส่งคืนอาวุธ ยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง โดยกองทัพไทยควบคุมพื้นที่ได้แล้ว และสิ่งของที่ตรวจยึดได้จากการสู้รบทั้งหมด ถือเป็นทรัพย์ทางทหารของไทย ซึ่งสามารถนำมาใช้ประโยชน์ด้านความมั่นคงและการป้องกันกำลังพลได้ตามหลักปฏิบัติ ไม่ว่าจะเป็นอาวุธ หรือแม้แต่เอกสารข้อมูลในพื้นที่รบ
สำหรับสถานการณ์การสู้รบในพื้นที่ เนิน 350 บริเวณปราสาทตาควาย ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ ยอมรับว่ายังคงมีการปะทะอย่างหนัก และเป็นพื้นที่ที่มีความยากลำบากทางยุทธวิธี โดยขณะนี้ได้รับรายงานยืนยันการเสียชีวิตของทหารไทย 2 นาย ส่วนกระแสข่าวการถูกจับเป็นเชลยศึก ยังไม่มีรายงานยืนยัน
รองโฆษกกองทัพบก ระบุว่า กองทัพอยู่ระหว่างการปฏิบัติการอย่างเต็มความสามารถ ทั้งการควบคุมพื้นที่และการดูแลกำลังพล พร้อมขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลจากแหล่งข่าวทางการ เพื่อหลีกเลี่ยงความสับสนจากกระแสข่าวที่คลาดเคลื่อน
ด้าน นายภัทรพงษ์ แสงไกร อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ชี้แจงเรื่องการใช้กําลังป้องกันตัวเอง มีอหลายระดับ ทั้งระดับบุคคล นายทหาร สามารถดําเนินการได้ ตลอดจนถึงระดับหน่วยกองกําลัง
ปัจจุบันไทยใช้กําลังเพื่อป้องกันตนเองในระดับชาติ โดยชอบด้วยกฎหมายระหว่างประเทศ ยึด
4 ข้อ
1.การใช้กําลังทหารต้องตอบโต้การโจมตีด้วยอาวุธของอีกฝ่าย เพื่อระงับยับยั้งการโจมตีที่เกิดขึ้น หรือกระชั้นชิดใกล้เข้ามา
2.ใช้กำลังทหารต้องมีความจําเป็น ไม่มีหนทางอื่นที่สามารถหลีกเลี่ยง
3.การใช้กําลังทหารต้องได้สัดส่วนเหมาะสมกับภัยคุกคามที่เกิดจากการโจมตี
4.การแจ้งคณะมนตรีความมั่นคงของคณะองค์การสหประชาชาติ
Advertisement