จุดยืน 7 ข้อไทย กลาโหมย้ำ ปฏิบัติการ "ตอบโต้ป้องกันตนเอง"
จุดยืน 7 ข้อไทย กลาโหมย้ำ ปฏิบัติการ "ตอบโต้ป้องกันตนเอง" ยึด UN Charter และหลักมนุษยธรรมสูงสุด
วันที่ 15 ธ.ค. 68 พล.ร.ต. สุรสันต์ คงศิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วยโฆษกเหล่าทัพ และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงข่าว ที่ศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชา ณ สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก รอบเวลา 10.00 น. โดยได้ย้ำจุดยืนของฝ่ายไทย ในการปกป้องอธิปไตยภายใต้หลักมนุษยธรรม (Thailand's stance on defending sovereignty guided by humanitarian principles) จำนวน 7 ข้อ ได้แก่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
1. ไทยไม่ใช่ผู้เริ่มต้นเหตุความขัดแย้ง เราเพียงใช้สิทธิ "ตอบโต้เพื่อป้องกันตนเอง” หลังถูกโจมตีด้วยอาวุธหนักก่อน
2. ยึดหลักกติกาสากลในการปฏิบัติ โดยปฏิบัติการภายใต้กฎบัตรสหประชาชาติ (UN Charter) อย่างเคร่งครัดและได้สัดส่วน
3. หลีกเลี่ยงการโจมตีที่กระทบพลเรือน ไทยยืนยันว่า “ไม่โจมตีบ้านเรือนหรือโรงเรียน” เป้าหมายคือฐานทางทหารที่คุกคามไทยเท่านั้น
4. ปฏิบัติการเฉพาะจุดที่เป็นภัยคุกคาม ตอบโต้จํากัดวงแคบเพื่อยับยั้งภัยคุกคาม ไม่มีการรุกรานเป็นวงกว้างตามข่าวลือ
5. การอพยพประชาชน เป็นการตัดสินใจของฝ่ายกัมพูชา การเคลื่อนย้ายประชาชนเป็นเรื่องภายในของอีกฝ่าย และไม่ควรใช้ชุมชนเป็นฐานที่ตั้งทางทหาร
6. ยึดมั่นในหลักมนุษยธรรมสูงสุด ไทยย้ำว่าเราให้ความสำคัญกับ "ชีวิตพลเรือน" เป็นอันดับแรก และหลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยงเสมอ
7. พร้อมมุ่งสู่สันติภาพที่ยั่งยืน ไทยพร้อมยุติความขัดแย้งและร่วมมือ หากตั้งอยู่บนพื้นฐานของ "ความจริง" และการเคารพอธิปไตย
โฆษกกระทรวงกลาโหม ย้ำว่า การปฏิบัติของไทยจะเน้นเพื่อความมั่นคงและมนุษยธรรม ปฏิบัติการด้วยความยับยั้งใจและใช้อาวุธอย่างแม่นยำ เพื่อลดภัยคุกคามทางทหารเท่าที่จำเป็น และหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อพลเรือนและโครงสร้างพื้นฐานอย่างเคร่งครัด โดยจะใช้ความระมัดระวังอย่างสูงสุดและยึดหลักความได้สัดส่วนตามกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ
ทั้งนี้ ความห่วงใยสูงสุดของประเทศไทยคือความปลอดภัยของพลเรือนทุกฝ่าย ทั้งประชาชนฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชา ขอยืนยันว่าประเทศไทยไม่ได้มุ่งทำลาย แต่ยึดมั่นในการลดความตึงเครียดเสถียรภาพและการสร้างเงื่อนไขที่ให้หลักมนุษยธรรมอยู่เหนือความรุนแรง
เนื่องจากสถานการณ์ของเรามีการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นพลวัตอย่างต่อเนื่อง จึงอยากขอนำเสนอประเด็นสำคัญในการปฏิบัติการของไทย เพื่อความมั่นคง และมนุษยธรรม ในส่วนนี้ทั้งหมด 4 ข้อ คือ
1. การดำเนินการของประเทศไทยนั้นจะดำเนินการด้วยความยับยั้งชั่งใจ และใช้อาวุธอย่างแม่นยำเป็นหลัก โดยมุ่งลดภัยคุกคามทางทหารเท่าที่จำเป็น และหลีกเลี่ยงผลกระทบ ต่อเรื่องและโครงสร้างพื้นฐานอย่างเคร่งครัด
2. ในขณะที่สถานการณ์ปะทะลดความรุนแรงลงอย่างมีนัยยะสำคัญ ประเทศไทยยังคงใช้ความระมัดระวังสูงสุด และยึดหลักความได้สัดส่วนตามกฏหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ
3. สูงสุดของประเทศไทย คือ ความปลอดภัยและความเดือดร้อนของประชาชน และพลเรือนทุกฝ่ายรวมถึงการเข้าถึงอาหารการรักษาพยาบาล และความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมขั้นพื้นฐาน
4. ประเทศไทยไม่ได้มุ่งทำร้าย แต่ยึดมั่นในการลดความตึงเครียดเสถียรภาพ และการสร้างเงื่อนไขที่ให้หลักมนุษยธรรมอยู่เหนือความรุนแรง
ตามสถานการณ์ในช่วงเวลาที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าความรุนแรงมีผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนเป็นสำคัญเป้าหมายที่ทางกัมพูชาโจมตีนั้น ส่วนมากจะเห็นได้ว่าเป็นการโจมตีโดยใช้อาวุธหนัก อาทิ จรวด ปืนใหญ่ ซึ่งทุกอย่างอยู่ตรงกันข้ามกับยึดลักทางฝ่ายไทย
เหตุการณ์ที่ผ่านมา เมื่อวานมีการปะทะต่อเนื่องตอลดแนวชายแดน 7 จังหวัด ล่าสุดตั้งแต่เที่ยงคืนของวันนี้กองทัพภาคที่ 2 ออกคำสั่งบังคับใช้ควบคุมการส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิง และยุทธภัณฑ์ เหตุผลหลักๆที่ออกคำสั่งควบคุมการส่งออก สืบทราบมาว่า มีการนำน้ำมันและยุทธภัณฑ์ส่งออกไปที่กองทัพกัมพูชา และนำมาใช้ในการสู้รบ เราไม่มีเจตนาสร้างผลกระทบให้พี่น้องเพื่อนบ้านชาวลาว เพราะเหตุการณ์ที่ผ่านมา เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเฉพาะเพียงแค่ 2 ประเทศ คือ ไทยและกัมพูชาเทานั้น เราต้องขออภัยที่น้องชาวลาว และยืนยันว่าเราพยายามดำเนินการมาตรการนี้ให้รวดเร็ว และมีผลกระทบน้อยที่สุด
ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา เวลา 06.43 น. กัมพูชาระดมโจมตีเข้าพื้นที่อธิปไตยต่อเนื่อง จ.อุบลราชธานี จ.สุรินทร์ จ.ศรีสะเกษ โดยเน้นโจมตีเข้ามาเป้าหมายพลเรือน บริเวณพื้นที่กองทัพเรือ จ.ตราด ยังมีการโจมตีปะทะหน้าแนวต่อเนื่อง ยุทธการปฏิบัติการที่ผ่านมายังมีผลดำเนินการต่อเนื่อง แต่สิ่งที่เราอยากชี้แจงในช่วงวันนี้ถึงผลกระทบต่างๆ และการสู้รบตามแนวชายแดน การประกาศคำสั่งกองทัพภาคที่ 2 การควบคุมส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิงและยุทธภัณฑ์ จุดผ่านแดนช่องเม็ก
Advertisement
