Logo site Amarintv 34HD
อมรินทร์ทีวีแจกใหญ่ส่งท้ายปี ดูทั้งวันแจกทุกวันLogo Seagame2025Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
"ปานเทพ" เผยถึงชายแดนปะทะเดือด แต่ต้องเดินหน้าศึกษาMOU 2 ฉบับ

"ปานเทพ" เผยถึงชายแดนปะทะเดือด แต่ต้องเดินหน้าศึกษาMOU 2 ฉบับ

10 ธ.ค. 68
11:50 น.
แชร์

"ปานเทพ" เผยถึงชายแดนปะทะเดือด แต่ต้องเดินหน้าการศึกษาข้อเท็จจริง MOU 2 ฉบับ เชื่อมั่นศักยภาพของไทย อยู่ในสถานะได้เปรียบชัดเจนในทุกมิติของการปะทะ

วันนี้ (10 ธันวาคม 2568) ที่อาคารรัฐสภา นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาบันทึกความเข้าใจปี 2543 และ 2544 ระหว่างไทย กัมพูชา โดยย้ำว่ากรรมาธิการมีหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากสภาผู้แทนราษฎรอย่างชัดเจน แม้สถานการณ์ชายแดนปัจจุบันจะตึงเครียด แต่กระบวนการศึกษาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเอ็มโอยูทั้งสองฉบับยังต้องเดินหน้าตามภารกิจ

นายปานเทพ เผยว่า ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับเอ็มโอยู เช่นตนเอง ได้จัดทำข้อเสนอและข้อสรุปประกอบการพิจารณาไว้แล้ว ทั้งในแง่เหตุผลที่ควรพิจารณายกเลิก และแนวทางกลไกที่ควรดำเนินการหากเกิดการละเมิดร้ายแรงจากฝ่ายกัมพูชา โดยเห็นว่าข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาของคณะกรรมาธิการ และในคณะกรรมาธิการมีทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับเอ็มโอยู ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าการประชุมสามารถเดินหน้าต่อไปได้ แม้จะมีเหตุการณ์ปะทะระหว่างไทยและกัมพูชาเกิดขึ้นก็ตาม เป้าหมายสำคัญคือการสรุปรายงานให้ครบถ้วนทั้งสองมุมมอง ก่อนเสนอผลต่อสภาผู้แทนราษฎร และส่งต่อข้อสังเกตทั้งหมดให้รัฐบาลพิจารณาในขั้นต่อไป

ส่วนสถานการณ์ชายแดนไทยและกัมพูชาในตอนนี้ นายปานเทพ เผยว่า การปะทะรอบนี้มีความรุนแรงมากกว่าครั้งก่อน ซึ่งเคยเกิดขึ้นเพียงช่วงสั้น ๆ ประมาณห้าวัน ซึ่งรอบนั้นตนเองได้เคยเตือนล่วงหน้าไว้แล้วว่า หากการสู้รบยุติลงโดยไม่จัดการต้นเหตุอย่างจริงจัง ฝ่ายกัมพูชาจะมีการระดมอาวุธและยุทโธปกรณ์เพิ่มเติม ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นรอบนี้สะท้อนข้อกังวลนั้นอย่างชัดเจน โดยพบการใช้โดรนโจมตีจำนวนมากกว่าเดิม

นายปานเทพ ชี้ว่า ในการปะทะครั้งก่อน การใช้อาวุธเชิงรุกมาจากฝั่งไทยเป็นหลัก ขณะที่สถานการณ์คราวนี้มีลักษณะตอบโต้กันเต็มรูปแบบมากขึ้น หากปล่อยให้สถานการณ์ยืดเยื้อโดยไม่ตัดสินใจเด็ดขาด ความเสียหายจะเพิ่มขึ้นทุกครั้ง ซึ่งเป็นบทเรียนที่เห็นมาแล้วหลายรอบ ทำให้ปัจจุบันไทยมีสองทางเลือก คือปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินไปเช่นเดิม หรือจัดการปัญหาอย่างจริงจังไม่ให้เกิดซ้ำ

นายปานเทพ เผยว่า ขณะนี้กองทัพไทยมีภารกิจหลัก 2 อย่างคือ ภารกิจแรก การยึดพื้นที่ฝั่งไทยกลับมาให้ครบถ้วนตามแผนที่มาตราส่วน 1:50,000 เพื่อผลักดันกัมพูชาออกจากแนวพื้นที่ที่อาจก่ออันตรายต่อประชาชน ซึ่งเขามองว่าเป็นแนวทางที่เหมาะสม และ ภารกิจที่สอง คือการลดศักยภาพทางทหารของกัมพูชาไม่ให้สามารถเป็นภัยคุกคามต่อไทย โดยมุ่งเป้าที่เป้าหมายทางทหารเป็นหลัก ไม่ใช่เป้าหมายพลเรือน แต่หากมีพื้นที่ที่ถูกอ้างว่าเป็นพลเรือนแต่ถูกใช้เป็นฐานทัพหรือมีศักยภาพคุกคาม กองทัพไทยย่อมต้องดำเนินการ เช่น อาคารร้างที่ใช้เป็นฐานซุ่มโจมตี พื้นที่ที่พบการติดตั้งอุปกรณ์ทางทหาร หรือแม้แต่โบราณสถานที่ถูกใช้ในเชิงยุทธศาสตร์ ซึ่งเขาเห็นว่าการดำเนินการเหล่านี้เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง

สำหรับกรอบเวลาของภารกิจทั้งสอง ขึ้นอยู่กับว่ากัมพูชาจะได้รับการสนับสนุนจากนานาชาติมากน้อยเพียงใด รวมถึงความสามารถในการตอบโต้ของฝ่ายกัมพูชา แต่โดยภาพรวมแล้ว เขาเชื่อว่าศักยภาพทางทหารของไทยเหนือกว่าอย่างชัดเจน โดยเฉพาะกำลังทางอากาศ ทำให้ไทยไม่ได้อยู่ในสถานะที่เสียเปรียบในสนามรบ

นายปานเทพ มองว่า ไทยควรเร่งดำเนินภารกิจให้สำเร็จโดยเร็วที่สุด เพื่อให้เมื่อถึงเวลาที่มีการเจรจา ไม่ว่าจะเป็นการเจรจาที่ถูกกดดันจากประชาคมโลกหรือเกิดจากความสมัครใจ ไทยจะอยู่ในฐานะที่ได้เปรียบ เพราะสถานการณ์ในสนามรบจะเป็นตัวกำหนดอำนาจต่อรองของไทยบนโต๊ะเจรจา

ส่วนข้อกังวลที่ว่าหากปะทะกันจนประเทศไทยสามารถยึดพื้นที่กลับมาได้หมดแล้วกัมพูชาจะอ้างการใช้ MOU เพื่อมาเจรจาภายหลัง นายปานเทพ มองว่า แม้กัมพูชาจะเรียกร้องให้เจรจา ก็เป็นเพียงกระบวนการพูดคุยทางการทหารที่อาจยืดเยื้อได้ยาวนาน แต่ไม่ส่งผลต่อพื้นที่ซึ่งไทยยึดคืนมาได้แล้ว เพราะหากกองทัพสามารถยึดพื้นที่และลดศักยภาพทางทหารของกัมพูชาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไทยก็ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะสูญเสียพื้นที่ในภายหลัง

นายปานเทพ กล่าวต่อว่า คนไทยจำนวนมากต้องการให้สถานการณ์ยุติลงอย่างเด็ดขาด ไม่ยืดเยื้อเหมือนครั้งก่อน ซึ่งเคยถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าจบลงด้วยการเจรจาโดยที่กองทัพไม่สามารถป้องกันความเสียหายได้เต็มที่ กระแสสังคมจึงมีบทบาทสำคัญต่อแรงกดดันทางการเมือง และช่วยผลักดันให้การตัดสินใจในรอบนี้ชัดเจนขึ้น และหากประชาชนมีทิศทางเดียวกัน เสียงสังคมผ่านโซเชียลก็อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้ทิศทางการตัดสินใจของภาครัฐและกองทัพเปลี่ยนไปได้

สำหรับระยะเวลาการสู้รบ นายปานเทพ มองว่า อยู่ที่ความพร้อมของกัมพูชาในการยอมยุติการปะทะ และศักยภาพของกองทัพไทยในการจัดการเป้าหมายทางทหารที่เป็นภัยคุกคาม ไม่ว่าจะเป็นฐานยิง การปฏิบัติการของโดรน อาวุธสงคราม หรือพื้นที่ที่ถูกใช้เป็นฐานทัพ ซึ่งหลายจุดถูกโจมตีหรือยึดคืนมาแล้ว เขาเชื่อว่าเหตุการณ์ยังอยู่ในกรอบที่ไทยสามารถชี้แจงได้ทั้งต่อประชาชนและประชาคมโลก

เมื่อถูกถามว่าสถานการณ์จะยุติก่อนการยุบสภาที่คาดว่าจะเกิดช่วงปลายเดือนมกราคม หรือไม่ นายปานเทพ ประเมินว่า โดยหลักควรจบภายในหนึ่งเดือน และหวังว่าจะยุติได้ภายในเดือนปัจจุบัน อย่างไรก็ตามยอมรับว่าความขัดแย้งในหลายพื้นที่ทั่วโลกมักยืดเยื้อกว่าที่คาด จึงต้องเตรียมใจกับความไม่แน่นอน แต่ยังยืนยันว่าทางเลือกที่เด็ดขาดย่อมดีกว่าปล่อยให้สถานการณ์ลากยาว เพราะประชาชนและทหารบริเวณชายแดนล้วนต้องการกลับสู่ชีวิตปกติเร็วที่สุด เช่นเดียวกับผู้ที่ต้องอพยพซึ่งไม่อยากอยู่ในสภาวะหวาดกลัวต่อเนื่อง และเป้าหมายของไทยไม่ใช่การใช้กำลังเพื่อขยายพื้นที่ แต่เพื่อสร้างความมั่นคงทางทหารให้เพียงพอในการนำไปสู่สันติภาพบนโต๊ะเจรจาโดยไม่ให้การสู้รบครั้งนี้สูญเปล่า

สำหรับความเป็นไปได้ที่กัมพูชาอาจใช้อาวุธประเภทขีปนาวุธ PHL-03 โจมตีไทย นายปานเทพ ประเมินว่า ในเชิงศักยภาพทางทหารโดยรวม ไทยยังได้เปรียบอย่างชัดเจน โดยเฉพาะกำลังทางอากาศซึ่งเป็นจุดแข็งของประเทศ ขณะที่กองทัพเรือและกองทัพบกของกัมพูชาก็ไม่สามารถเทียบเท่าได้ทั้งด้านยุทโธปกรณ์และขีดความสามารถ

นายปานเทพ กล่าวว่า หากกัมพูชามีอาวุธระยะไกลตามที่มีการอ้างจริง ก็ต้องตั้งคำถามว่าทำไมจึงไม่ใช้มาตั้งแต่การปะทะรอบแรกที่ผ่านมา จึงมีความเป็นไปได้ว่าอาวุธบางประเภทอาจเพิ่งได้มาเพิ่มเติมในช่วงหลังจากช่องทางที่ไม่เป็นทางการ หรือเป็นเพียงข้อมูลที่ถูกกล่าวอ้างเพื่อหวังผลทางจิตวิทยา

นายปานเทพ ยังตั้งข้อสังเกตว่า อาวุธหนักบางชนิดมักต้องอาศัยระบบควบคุมจากประเทศผู้ผลิต ทั้งในด้านรหัสและการเปิดระบบใช้งานจริง ซึ่งอาจเป็นปัจจัยที่ทำให้กัมพูชาไม่สามารถนำมาใช้ได้อย่างอิสระ จึงเชื่อว่าความเป็นไปได้ที่ฝ่ายกัมพูชาจะใช้อาวุธประเภทดังกล่าวจริงมีไม่มาก และน่าจะเป็นการส่งสัญญาณเพื่อยับยั้งการปฏิบัติการทางอากาศของไทยมากกว่าการนำไปใช้ในสถานการณ์จริง

ส่วนกรณีที่นานาชาติไม่เข้ามามีบทบาทต่อสถานการณ์ปะทะระหว่างไทยกัมพูชาในรอบนี้

นายปานเทพ มองว่า ปัจจัยหลักมาจากบริบทภูมิรัฐศาสตร์โลกที่กำลังเผชิญความขัดแย้งหลายจุด ทำให้การให้ความสนใจเฉพาะสถานการณ์ระหว่างไทยและกัมพูชาเป็นเรื่องไม่ง่าย นอกจากนี้หลายประเทศยังเผชิญปัญหาเศรษฐกิจภายใน ทั้งภาวะชะลอตัว การแข่งขันเชิงนโยบาย และมาตรการภาษี จึงมุ่งแก้ไขปัญหาในประเทศมากกว่าการแทรกแซงข้อพิพาทต่างแดน

นายปานเทพ ระบุว่า ช่วงที่เศรษฐกิจโลกตกต่ำ มักเกิดการขยายบทบาททางทหารของบางประเทศเพื่อตอบสนองปัจจัยภายใน ซึ่งเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เวทีระหว่างประเทศไม่สามารถสร้างกลไกสันติภาพได้ในทันที ขณะเดียวกันไทยเองก็มีการชี้แจงต่อประชาคมโลกอย่างมีน้ำหนัก ทำให้แรงกดดันจากภายนอกลดลง ส่วนกัมพูชาก็ถูกตั้งคำถามจากนานาชาติในหลายประเด็นเกี่ยวกับภาพลักษณ์ทางความมั่นคง ทำให้บทบาทของไทยได้รับความเชื่อถือมากกว่า เขาจึงเชื่อว่า การแทรกแซงจากต่างชาติจะมีน้อยลง แม้จะไม่หมดไปทั้งหมดก็ตาม

เมื่อถามว่าหาการประทะกันในครั้งนี้กัมพูชาแพ้ทางด้านตระกูลฮุนจะอยู่อย่างไร นายปานเทพ ประเมินว่าตระกูลฮุนกำลังเผชิญแรงสั่นคลอนในระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยสถานการณ์เศรษฐกิจภายในประเทศย่ำแย่ ทั้งปัญหาทุนสำรองระหว่างประเทศลดลง นักลงทุนหาย รายได้จากการท่องเที่ยวตกต่ำ รวมถึงภาวะว่างงานที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นสัญญาณวิกฤตที่ชัดเจน แต่ฝ่ายกัมพูชาต้องพยายามกลบแรงกดดันจากนานาชาติ โดยเฉพาะประเด็นการวางทุ่นระเบิดใหม่ที่ถูกจับตาอย่างใกล้ชิด จึงอาจเลือกยกระดับสถานการณ์ชายแดนเพื่อกระตุ้นกระแสชาตินิยมภายในประเทศ ด้วยการทำให้ไทยกลายเป็นเป้า เพื่อเรียกคะแนนนิยมกลับคืน แต่ถ้าหากว่าหากกัมพูชาไม่ชนะ ผลลัพธ์จะย้อนกลับอย่างรุนแรง กระแสสังคมภายในประเทศจะตีกลับ และทำให้ตระกูลฮุนที่กำลังถูกวิจารณ์ในหลายมิติของการบริหารประเทศ เผชิญแรงกดดันหนักกว่าเดิมจนอยู่ยากขึ้นในอนาคต

ส่วนบทบาทของรัฐบาลไทยในการแก้ไขสถานการณ์ชายแดน นายปานเทพ มองว่า แรงสนับสนุนจากสังคมไทยมีผลโดยตรงต่อทิศทางการตัดสินใจของรัฐบาล โดยกองทัพมีความพร้อมในเชิงยุทธการอยู่แล้ว และขึ้นอยู่กับฝ่ายการเมืองว่าจะกำหนดท่าทีอย่างไร ขณะนี้รัฐบาล กองทัพ และประชาชนมีทิศทางร่วมกันมากขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ไทยมีความมั่นใจในการรักษาเสถียรภาพชายแดน

Advertisement

แชร์
"ปานเทพ" เผยถึงชายแดนปะทะเดือด แต่ต้องเดินหน้าศึกษาMOU 2 ฉบับ