Logo site Amarintv 34HD
Logo Seagame2025Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
"ชูวิทย์" ซัด "ภราดร "ปิดไมค์ลุกหนีความจริงสะท้อนความจนตรอกของรัฐบาล

"ชูวิทย์" ซัด "ภราดร "ปิดไมค์ลุกหนีความจริงสะท้อนความจนตรอกของรัฐบาล

28 พ.ย. 68
20:25 น.
แชร์

ชูวิทย์ ซัด "ภราดร" ปิดไมค์ลุกหนีความจริง สะท้อนความจนตรอกของรัฐบาล ชี้ 6 ข้อความผิดพลาดใหญ่หลวง รัฐบาล 4 เดือน จึงเป็น "ทุกขลาภ"

จากกรณีที่ นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นั่งตำแหน่ง ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินอุทกภัย (ศป.กฉ.) ดูแลสถานการณ์น้ำท่วมสงขลา ลุกเดินหนีผู้สื่อข่าว หลังถูกจี้ถามว่าถึงเวลาแล้วรึยังที่รัฐบาลต้องยอมรับว่าบริหารสถานการณ์น้ำท่วมผิดพลาดนั้น

ล่าสุด นาย ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย และอดีต สส.บัญชีรายชื่อ โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กเพจ “ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” ระบุว่า ปิดไมค์ ลุกหนีความจริง การเผชิญ “วิกฤตศรัทธา” ของนักการเมือง คือ การยอมรับความจริง ไม่ใช่ลุกหนี ทีเรื่องการเมืองตอบโต้ได้เป็นฉากๆ ไม่ยอมถอย วุฒิภาวะของ “นักการเมือง“ ต้องมีในระดับสูงกว่าทุกอาชีพ เพราะอาสาตัวรวบรวมกันเป็น “พรรคการเมือง” บริหารงานแผ่นดิน ที่สำคัญ เป็นเรื่องภัยธรรมชาติที่มีผลกระทบต่อชีวิตคนจำนวนมาก นายภราดร เป็นถึงรองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กลับปิดไมค์ลุกหนีในการแถลงข่าว “น้ำท่วมหาดใหญ่” ที่ผู้สื่อข่าวถามถึงการยอมรับในความผิดพลาดของรัฐบาล กับการรับมือสถานการณ์วิกฤต

แทนที่นายภราดรจะถือโอกาสชี้แจงข้อผิดพลาด ยอมรับความจริงถึงการสูญเสีย นำเสนอแนวทางแก้ไข กลับปิดไมค์ลุกหนีแสดงให้เห็นความ “จนตรอก” ของรัฐบาล ท่าทีที่นิ่งเฉย ทำเหมือนยังนั่งอยู่บนบัลลังก์ในตำแหน่ง “รองประธานสภา” แสดงให้เห็นว่านายภราดรไม่รู้สถานะหน้าที่รับผิดชอบปัจจุบันของตัวเอง ไม่ต่างกันกับนายอนุทิน หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ทุกครั้งที่ไม่สามารถชี้แจงอะไรได้ มักจะเดินหนีคำถามของผู้สื่อข่าว นายภราดรเป็นนักการเมืองที่ยังไม่เคยเผชิญกับเรื่องหนักหนาสาหัส เติบโตมาด้วยการเมืองในสภา ไม่มีประสบการณ์ทำงานราชการ

ความผิดพลาดใหญ่หลวง ที่หาดใหญ่ต้องรับชะตากรรม จึงสรุปให้เห็นได้ชัด แต่รัฐบาลกลับมองไม่เห็น ดังนี้

1. พรรคภูมิใจไทยแกนนำรัฐบาล ห่วงภาพลักษณ์ทางการเมือง คะแนนเสียง มากกว่าการแก้ไขปัญหา สังเกตุชัดจากลีลานักการเมือง โชว์ภาพแจกอาหาร ทำกับข้าว หรือ กินข้าวกล่อง ข้าวเหนียวหมูย่าง

เป็นภาพการเมืองมากกว่าการแก้ไขด้วยศักยภาพของผู้กุมอำนาจรัฐ

2. การแต่งตั้งธรรมนัส ที่ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญทั้งพื้นที่ และงานประสบภัยธรรมชาติ แค่มีลักษณะบู๊ ออกแนวโวยวาย เร่งรัด ด่าว่าข้าราชการ

นี่ก็คือวิถีการเมืองที่สร้างภาพว่าตัวเองทำงานหนัก ซึ่งไม่ใช่ “การบริหารงานแบบมืออาชีพ”

3. การตั้ง ผบ.สส. ปลัด รัฐมนตรี ผู้ว่า รุมทำงานข้ามหัวกันไปมา

ไม่ใช่การช่วยกันแก้ปัญหา กลับซ้ำเติมให้สับสน ไม่มีคนรับผิดชอบสั่งการที่แท้จริง ต่างคนต่างทำจนไม่รู้ว่าอะไรต้องทำก่อนทำหลัง

ยิ่งเพิ่มคนมีอำนาจ ก็ยิ่งเพิ่มความวุ่นวายในการสั่งงานให้ผู้ปฏิบัติ แทนที่จะเร็วกลับช้ามากขึ้น ตามขั้นตอนข้าราชการไทย

4. การไม่ยอมรับความจริง แม้ว่าเป็นภัยธรรมชาติ แต่การพูดสไตล์นักการเมืองว่า ไม่มีปัญหา ไม่ติดขัด ปกปิดไม่ยอมรับแม้แต่จำนวนชีวิตที่สูญเสีย

นี่เป็นเรื่องที่ประชาชนรับไม่ได้ กับลีลานักการเมืองที่พูดเรื่องการเมืองลื่นไหล แต่เมื่อต้องบริหารสถานการณ์วิกฤต มีการสูญเสียที่เห็นชัด กลับยังปกปิดโยกโย้ พูดกลับไปกลับมา

นายกฯ บอกจะอยู่จนน้ำลด สถานการณ์คลี่คลาย แต่สักพักบอกจะไปๆ มาๆ แสดงถึงความไม่จริงใจ ไม่รับผิดชอบคำพูดของคนระดับนายกรัฐมนตรี

นี่คือภัยธรรมชาติ ที่ไม่มีใครคาดหวังว่ารัฐบาลจะทำได้ดีร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ประชาชนอยากเห็นภาพรัฐบาลที่มีการประสานงานอย่างเป็นระบบ การสั่งอพยพล่วงหน้า การช่วยเหลือเยียวยา การยอมรับความผิดพลาด การนำเสนอแนวทางแก้ปัญหา ไม่ใช่การปัดความรับผิดชอบแบบที่ทำอยู่

5. รัฐบาลนี้มากันด้วยผลประโยชน์ชั่วคราวระยะสั้น ไม่คาดคิดถึงการทำงานระยะยาวเมื่อเกิดปัญหาภัยพิบัติ จึงใช้วิถีการเมืองอย่างสั้นๆ เพื่อเอาตัวรอด

ทุกคนใช้บทบาทนี้ เพราะกลัวว่าการยอมรับจะส่งผลกระทบต่อคะแนนเสียง จึงยืนกรานด้วยนโยบาย “ไม่ให้ความจริง ไม่ยอมรับ ไม่ขอโทษ“ อย่างที่นายภราดรกระทำ

ซึ่งผิดวิสัยนักการเมืองที่ต้องตอบคำถามสื่อ ถึงวิกฤตสำคัญที่มีความสูญเสียทั้งชีวิต และทรัพย์สินของประชาชนมากมายการปิดไมค์ลุกหนีแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า

"รัฐบาลมาเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ เตรียมฐานเสียงในระยะ 4 เดือน ไปเลือกตั้งใหม่ เพื่อให้ได้อำนาจกลับมาเท่านั้น"

ปัญหาวิกฤตแบบนี้ ใครจะไปรู้ว่าจะเกิด

นี่เป็น "วิกฤตของพรรคภูมิใจไทย" อย่างแท้จริง

พรรคที่พร้อมทุกอย่างทั้งโอกาส จำนวน ส.ส. ที่มาสังกัด อีกทั้งกระสุนไม่จำกัด

แสดงลีลาทางการเมืองที่ก้าวกระโดดพร้อมเป็นพรรคใหญ่ เป็นแกนนำในการเลือกตั้งสมัยหน้า

โดยมี นายกฯ อนุทิน สานตำแหน่งกุมอำนาจต่ออีกสมัย แต่กลับต้องเผชิญ "วิกฤตศรัทธา" ที่ถาโถมมาอย่างไม่ตั้งตัว ด้วยการบริหารจัดการ “น้ำท่วมหาดใหญ่” ที่ล้มเหลว

แต่ถือเป็นสิ่งดีที่ประชาชนได้เห็นเสียก่อนว่า พรรคภูมิใจไทยไม่พร้อมจะเป็นแกนนำรัฐบาล วุฒิภาวะของบรรดาเหล่าสมาชิกพรรค รวมถึงรัฐมนตรีเมื่อเจอกับวิกฤต

กลายเป็น "ก้อนหิน" ไม่สามารถทำอะไรได้ ความซวยมันมาเยือนพรรคภูมิใจไทย และ นายกฯ อนุทิน ด้วยภาพความจริงที่เปิดเผย อย่างกับน้ำที่ไหลบ่าท่วมหาดใหญ่โดยไม่รู้ตัว

รัฐบาล 4 เดือน จึงเป็น “ทุกขลาภ” ที่ปฏิบัติการดูด ส.ส. เพื่อเป็นรัฐบาลต่อในสมัยหน้าต้องล้มครืน เซ่นวิกฤตน้ำท่วมหาดใหญ่ด้วยประการฉะนี้

Advertisement

แชร์
"ชูวิทย์" ซัด "ภราดร "ปิดไมค์ลุกหนีความจริงสะท้อนความจนตรอกของรัฐบาล