
(24 พ.ย. 2568) ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการอำนวยการและบริหารสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติ ครั้งที่ 2/2568 โดยมี นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม, นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, นายศักดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้บริหารหน่วยงานท้องถิ่นที่ได้ประชุมผ่านระบบ Conference เข้ามา
โดย นายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดการประชุมว่า วันนี้มีการประชุมที่ทำเนียบรัฐบาล และจังหวัดที่เกิดเหตุประสบภัยน้ำท่วม ขอเน้นไปที่สถานการณ์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งทราบมาว่ามีสถานการณ์ที่เลวร้ายมากยิ่งขึ้น เพราะมีการหลากเข้ามาของมวลน้ำจำนวนมาก ประกอบกับปริมาณน้ำฝนที่ยังตกอย่างหนัก
โดยช่วงต้น นายกรัฐมนตรี ได้ถามว่า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เข้าร่วมประชุม Conference ด้วยหรือไม่ แต่ปรากฎว่าไม่มีเสียงตอบรับ นายกรัฐมนตรี จึงกล่าวต่อว่า ตนได้สั่งการให้ ร.อ.ธรรมนัส ได้ลงพื้นที่ เพื่ออำนวยการสถานการณ์ที่อำเภอหาดใหญ่ คาดว่าตอนนี้ ร.อ.ธรรมนัส อยู่ระหว่างหน้างาน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ผ่านมา ตนได้ติดตามสถานการณ์อุทกภัยอย่างใกล้ชิด และได้มีการลงพื้นที่ พร้อมทั้งมีข้อสั่งการให้ทุกหน่วยงานเร่งบูรณาการช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคกลางตั้งแต่ จ.พิจิตร อ่างทอง ชัยนาท สิงห์บุรี และพระนครศรีอยุธยา ซึ่งมีน้ำท่วมขังเป็นเวลานาน และที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีการอนุมัติงบประมาณที่จะไปช่วยเหลือเพิ่มเติม ในส่วนบ้านเรือนพี่น้องประชาชนที่มีน้ำท่วมขังต่อเนื่องเกือน 3 เดือน
นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ล่าสุดเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (23 พ.ย. 2568) ได้รับรายงานว่ามีฝนตกหนัก ในพื้นที่ภาคใต้ ทำให้เกิดอุทกภัยในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ ซึ่งตนได้ลงพื้นที่ไปตรวจสถานการณ์ โดยให้ข้อสั่งการให้ทุกหน่วยงานระดมความช่วยเหลืออย่างเต็มกำลัง ระดมเครื่องมือเครื่องจักรเข้าไปบรรเทาสาธารณภัย นำเครื่องสูบน้ำจากทุกภาคทั่วประเทศเข้าไปช่วยเหลือในพื้นที่ พร้อมย้ำว่าให้ช่วยเหลือประชาชนให้ปลอดภัยเป็นลำดับแรก วันนี้ตนจึงได้เชิญคณะกรรมการอำนวยการและบริหารสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติ มาร่วมประชุมอีกครั้งหนึ่งเพื่อติดตามสถานการณ์ และพร้อมจะให้ข้อสั่งการเพิ่มเติม ช่วยเหลือดำเนินการให้ผู้ประสบภัย บรรเทาความเดือดร้อน ได้รับความช่วยเหลืออย่างเพียงพอทั่วถึง ทันต่อสถานการณ์
Advertisement