Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
"เท้ง" ไม่ไหว! ดึงสติ"อนุทิน"ปมจัดการปัญหาชายแดนหวั่นทำไทยเสียเปรียบ

"เท้ง" ไม่ไหว! ดึงสติ"อนุทิน"ปมจัดการปัญหาชายแดนหวั่นทำไทยเสียเปรียบ

14 พ.ย. 68
11:55 น.
แชร์

"เท้ง" ไม่ไหวตั้งโต๊ะแถลงดึงสติ"อนุทิน"อย่าเอาแต่คะแนนเสียง ปมบริหารจัดการปัญหาชายแดน หวั่นทำไทยเสียเปรียบ ซัดนายกฯตีเช็คเปล่าให้กองทัพลอยตัวหนีปัญหา

14 พ.ย. 2568 ที่อาคารอนาคตใหม่ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร แถลงข่าวกรณีท่าทีของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยต่อกรณีที่ทหารไทยได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงขั้นเสียขาจากกับระเบิดของกัมพูชา

โดยนายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ตนต้องขอกล่าวแสดงความเสียใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้นต่อ จ.ส.อ.เทิดศักดิ์ สมาพงษ์ ที่สูญเสียข้อเท้าขวาจากเหตุการณ์เหยียบทุ่นระเบิดเมื่อวันที่ 10 พ.ย. ที่ผ่านมา และขอประณามต่อทุกการกระทำที่เป็นการลักลอบวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลใหม่ ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ และข้อตกลงสันติภาพระหว่างไทย-กัมพูชาหลายประการ

อย่างไรก็ตาม เมื่อคืนที่ผ่านมาได้มีการรายงานข่าวจากสำนักข่าวเบอร์นามา ซึ่งเป็นสำนักข่าวรัฐหลักของประเทศมาเลเซีย เป็นคำให้สัมภาษณ์ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมาเลเซียว่าเขายังคงเชื่อมั่นและหวังว่าการพูดคุยสันติภาพระหว่างไทยและกัมพูชานั้น ยังคงเดินหน้าต่อไป ภายหลังจากการแสดงท่าทีของนายอนุทินว่าไทยจะไม่สนใจข้อตกลงสันติภาพนี้อีกต่อไปแล้ว

นายณัฐพงษ์ กล่าวต่อว่า หลังจากที่เกิดเหตุเหยียบทุ่นระเบิดขึ้นในวันที่ 10 พ.ย. ตนมีความกังวลเป็นอย่างยิ่งว่าท่าทีของนายกรัฐมนตรีในขณะนี้ เป็นท่าทีที่ขาดความละเอียดรอบคอบ อาจจะทำให้ประเทศไทยตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบในสถานการณ์ความขัดแย้งล่าสุด เพราะไทยกลายเป็นฝ่ายประกาศระงับข้อตกลงสันติภาพนี้เสียเอง แทนที่เราจะใช้โอกาสนี้ในการตอกย้ำพฤติกรรมพฤติกรรมที่ชั่วร้ายของกัมพูชา โดยขอระดมความร่วมมือจากทั่วโลกในการกดดันความชาอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเก็บกู้ทุ่นระเบิดและการปราบปรามสแกมเมอร์

การที่กัมพูชาลักลอบวางทุ่นระเบิดสังหารใหม่ ทำให้ทหารไทยเสียขาเป็นพฤติกรรมที่ร้ายแรง คุกคามต่อสันติภาพระหว่าง 2 ประเทศ เป็นสิ่งที่พวกเราไม่อาจยอมรับได้ แต่แทนที่เราจะประกาศฉีกสัญญาสันติภาพนี้เอง นายกรัฐมนตรีควรที่จะแสดงออกถึงความโกรธที่เกิดขึ้นต่อคนไทยในฐานะผู้นำประเทศ ด้วยการต่อสายตรงถึงตัวแทนจากประเทศต่างๆ เช่น มาเลเซียให้ทราบถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ถ้าหากทุกท่านติดตามการรายงานข่าวจากสำนักข่าวเบอร์นามา จะเห็นว่ามีความคลาดเคลื่อนที่รายงานไม่ตรงกัน เพราะสำนักข่าวเองก็ได้มีการเขียนข่าวออกมาว่าทุ่นระเบิดนี้เป็นระเบิดเก่า ซึ่งไม่ตรงสิ่งที่หน่วยงานของไทยได้รายงานออกไปก่อนหน้านี้ หรือแม้กระทั่งที่นายกรัฐมนตรีสามารถแสดงออกถึงความโกรธของตัวเองอย่างมีวุฒิภาวะ โดยการต่อสายตรงถึงผู้นำสหรัฐอเมริกาโดยตรง ในฐานะสักขีพยานของข้อตกลงสันติภาพนี้ เพื่อขอให้สหรัฐอเมริกาพิจารณาตัดความร่วมมือทางการทหารต่อกัมพูชา รวมถึงการใช้มาตรการกดดันอื่นๆ เช่น มาตรการทางภาษี เพื่อทำให้กัมพูชายุติพฤติกรรมที่ชั่วร้ายเหล่านี้ในทันที

จากท่าทีของนายกรัฐมนตรีในตอนนี้ ตนมีข้อกังวลเป็นอย่างยิ่งว่ากำลังจะทำให้ประเทศไทยตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่ผู้สังเกตการณ์อาเซียนและนานาประเทศยังรับทราบข้อมูลไม่ตรงจากทางการไทย สิ่งที่ทำให้ประเทศไทยเป็นฝ่ายเสียเปรียบประกอบไปด้วย 5 ประการได้แก่

1. ประเทศไทยกำลังเป็นฝ่ายที่ประกาศระงับข้อตกลงสันติภาพนี้ก่อน ซึ่งเป็นข้อตกลงที่กำลังทำให้กัมพูชาเสียเปรียบประเทศไทยทุกประตู ไม่ว่าจะเป็นการเก็บกู้ทุ่นระเบิด รวมถึงการปราบปรามสแกมเมอร์

2. แทนที่ประเทศไทยจะเป็นฝ่ายแจ้งสหรัฐสหรัฐอเมริกาและมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียนก่อน ถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นแต่นายอนุทินปล่อยปะละเลย ทอดเวลาให้ผ่านออกไป จนกลายเป็นรัฐบาลสหรัฐและทางมาเลเซียได้แสดงบทบาทออกมาว่าอย่าละเมิดข้อตกลงสันติภาพนี้

3. เราจะเห็นว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ กัมพูชาได้อาศัยการแสดงท่าทีของนายกรัฐมนตรีไทย ในการกับไปเล่นบทบาทเหมือนเดิม คือการปฎิบัติการยั่วยุและการสร้างข่าว เพื่อสร้างความเกลียดชังในเวทีโลก โดยใช้วิธีการเดิมที่กัมพูชาทำตลอด คือเป็นเหยื่อและประเทศไทยกำลังรังแกประเทศด้อยกว่า

4. กัมพูชามีที่ยืนในเวทีโลกเพิ่มขึ้น จากการแสดงท่าทีของนายกรัฐมนตรีที่ผ่านมาจากการที่เขาเล่นบทเหยื่อ ทั้งที่ก่อนหน้านี้กัมพูชากำลังตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบของประเทศไทยทุกประตู โลกกำลังล้อมกัมพูชาในเรื่องการปราบปรามสแกมเมอร์ ซึ่งเป็นเส้นเลือดใหญ่ที่กำลังหล่อเลี้ยงรัฐบาลฮุน เซน

5. การที่คณะผู้สังเกตการณ์อาเซียนรายงานว่าการตรวจสอบว่าวัตถุระเบิดที่เกิดขึ้นนั้นไม่ใช่ทุ่นวางใหม่ ขัดแย้งกับข้อมูลของกองทัพไทย เป็นสิ่งที่กำลังทำให้ประเทศไทยตกที่นั่งลำบาก ที่เราจะต้องมีภาระรับผิดชอบในการชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น

นายณัฐพงษ์ ระบุว่า ในขณะที่กัมพูชาเข้าตาจน ถูกโลกล้อมด้วยประเด็นสแกมเมอร์ การแสดงท่าทีของนายกรัฐมนตรีกำลังทำให้สังคมถูกเบี่ยงเบนความสนใจออกจากปัญหาดังกล่าว ซึ่งรัฐบาลถูกตั้งคำถามว่าทำไมถึงไม่จัดการกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง

ก่อนหน้านี้ กรณีที่บุคคลในคณะรัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังประกาศลาออกจากตำแหน่ง ซึ่งตัวนายกรัฐมนตรีเองก็ได้พูดบนเวทีสาธารณะว่าเป็นคนร้องขอให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังลาออกจากตำแหน่งเอง แต่นายกรัฐมนตรีปล่อยละเลยหรือไม่ ที่ไม่ได้ร้องขอบุคคลอื่น เช่น ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งถูกอภิปรายในสภาว่า อาจจะมีความเกี่ยวโยงกับกลุ่มทุนเทาต่างๆ

"เมื่อเกิดกรณีทหารไทยเกี่ยวกับระเบิดขึ้นแทนที่คุณอนุทินจะเร่งดำเนินการในปฏิบัติการให้โลกล้อมกัมพูชา ทั้งการละเมิดสัญญาสันติภาพและการผนึกกำลังนานาชาติในการปราบปรามสแกมเมอร์ ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยได้เปรียบกัมพูชาในทุกประตู แต่สิ่งที่นายกรัฐมนตรีดำเนินการ กลับเลือกโหนกระแสชาตินิยม เพื่อปกป้องคะแนนนิยมของตัวเอง และกลบเกลื่อนการจัดการปัญหาสแกมเมอร์ รวมถึงกระบวนการการฟอกเงินที่กระทบรัฐบาลของคุณอนุทินในขณะนี้ ถ้าหากรัฐบาลยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นที่ตั้ง ผมยืนยันว่ายังมีอีกหลายมาตรการที่รัฐบาลสามารถดำเนินการได้" นายณัฐพงษ์ กล่าว

นายณัฐพงษ์ ยังเสนอมาตรการ 3 ข้อ ประกอบไปด้วย

1. การพูดคุยโดยตรงกับผู้นำสหรัฐอเมริกาและประเทศจีนให้ตัดการสนับสนุนทางการทหารและเศรษฐกิจต่อกัมพูชา เพื่อจบปัญหาสแกมเมอร์ อันเป็นภัยต่อประชาชนทั้งโลก รวมถึงจีนและสหรัฐฯ

2. ควรตั้งผู้แทนพิเศษ หรือ Special envoy เป็นศูนย์กลางในการประสานงานกับนานาชาติ ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลและประสานงานด้านการปราบปรามสแกมเมอร์ เช่นการพิจารณาเข้าร่วมเป็นสมาชิก International Anticorruption Coronation Center เพื่อเปิดทางให้ผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศเข้ามาร่วมสืบสวนในกรณีดังกล่าวในประเทศไทยได้

3. สิ่งที่สามารถจัดการได้ทันทีคือการอายัดทรัพย์เครือข่ายสแกมเมอร์ในประเทศประเทศไทย เพื่อสาวถึงต้นตอของผู้กระทำ ไม่ใช่จับเพียงปลาตัวเล็ก เพื่อรักษาภาพของรัฐบาลต่อไปอย่างเดียวเท่านั้น

นายณัฐพงษ์ ย้ำว่า ประเทศไทยในวันนี้ตกอยู่ในความเสี่ยงหลายประการในการแก้ไขปัญหากัมพูชา ที่รัฐบาลไม่ได้สนใจผลประโยชน์ของชาติเป็นตัวตั้ง แต่ยึดคะแนนนิยมการเมืองเป็นที่ตั้ง เราตกเป็นจำเลยว่าไทยเป็นแหล่งฟอกเงินให้สแกมเมอร์ เราตกเป็นจำเลยของสงครามข่าว เหนือสิ่งอื่นใดเราเสี่ยงถูกทุนเทาเข้ายึดประเทศผ่านการฟอกเงินมาทำธุรกิจในประเทศไทย ผ่านการติดสินบนข้าราชการ ไม่เว้นแม้แต่ผู้บังคับบัญชาระดับสูง นายตำรวจ ผ่านการสนับสนุนเงินให้นักการเมืองที่มีอำนาจในการสนับสนุนนโยบายระดับประเทศ

“ประเทศไทยในปัจจุบันเราต้องการตัวนายกรัฐมนตรีที่แสดงออกอย่างมีวุฒิภาวะ ตอบโต้อย่างมีสติและได้สัดส่วน และยึดถือผลประโยชน์ของประเทศเป็นที่ตั้งมากกว่าการรักษาคะแนนนิยมของตัวเอง ขอเรียกร้องในการดึงสตินายกรัฐมนตรีให้กลับมาและเร่งดำเนินการตามมาตรการที่ผมแถลง” นายณัฐพงษ์ กล่าว

เมื่อถามว่ามองท่าทีรัฐบาลที่ให้ทหารตัดสินใจในพื้นที่หน้างานอย่างไร นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ยังคงยืนยันในหลักการว่ารัฐบาลพลเรือนต้องอยู่เหนือกองทัพ การแสดงท่าทีออกไปแบบนั้นเปรียบเสมือนการตีเช็คเปล่า ให้หน่วยงานความมั่นคงสามารถดำเนินการได้ทุกเรื่องโดยที่ตัวนายกรัฐมนตรีเองลอยตัวอยู่เหนือปัญหา หรือหนีปัญหา ซึ่งเป็นท่าทีที่ไม่ถูกต้องของรัฐบาลพลเรือนที่มีต่อกองทัพ

เมื่อถามว่าพล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมให้สัมภาษณ์ ว่า เวที JBC อาจไม่เกิดขึ้นแล้ว ดังนั้นถ้าไม่มีระบบทวิภาคีในการเจรจาจะไปต่ออย่างไร นายณัฐพงษ์ มองว่า วิธีที่จะกดดันให้กลับเข้าสู่การเจรจาแบบทวิภาคีอย่างมีประสิทธิภาพคือเราต้องมีมาตรการกดดันกัมพูชาหลายด้าน ทั้งการปราบปรามสแกมเมอร์ หรือไทยยึดมั่นในหลักการ ข้อตกลงสันติภาพไม่ให้เราไปเข้าทางกัมพูชาที่เขาพยายามปั่นข่าว และนายกรัฐมนตรีจะต้องระบายความโกรธของตัวเองแสดงออกอย่างมีวุฒิภาวะต่อนานาชาติ โดยเฉพาะประเทศที่มีอิทธิพลต่อกัมพูชาอย่างจีนและสหรัฐ ให้ประเทศเหล่านั้นกดดันกัมพูชาหยุดละเมิดข้อตกลงสันติภาพ หยุดละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ และหยุดการใช้ทุ่นระเบิด กดดันให้กัมพูชากลับเข้ามาสู่กลไกการเจรจาแบบทวิภาคีเพื่อหาทางออกร่วมกัน

เมื่อถามว่าขณะนี้รัฐบาลให้กระทรวงการต่างประเทศสื่อสารกับทูตและมีการแถลงข่าวทุกวัน เพียงพอหรือไม่ต่อการสื่อสารไปยังประเทศอื่นๆ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า หลักการสื่อสารจะต้องชัดเจนและถูกต้องแม่นยำในข้อมูล การที่นายกฯมอบหมายให้กระทรวงต่างประเทศ ออกมาสื่อสารแทนตนเองเป็นประจำทุกวันไม่ได้ผิดหลักการอะไร แต่สิ่งที่เป็นปัญหา คือ การที่นายกรัฐมนตรีออกมาประกาศด้วยตัวเองในฐานะผู้นำประเทศเพราะว่าพร้อมที่จะฉีกข้อตกลงสันติภาพนี้เป็นการแสดงออกที่ขาดวุฒิภาวะขาดการแสดงออกที่เหมาะสม และได้สัดส่วน ทำให้ประเทศไทยตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

ส่วนที่นายกรัฐมนตรีของไทยไม่พร้อมเจรจากับฝ่ายกัมพูชา ขณะที่นายกของมาเลเซียพร้อมที่จะเป็นตัวกลางในการเจรจาเพื่อให้เกิดสันติภาพ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า สิ่งที่นายกรัฐมนตรีจะดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพในการแก้ปัญหาระหว่างไทยกับกัมพูชาและไทยไม่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เราต้องกลับมายึดตามหลักกติกาสากล หรือข้อตกลงสันติภาพที่เราไปทำเอาไว้โดยมีสหรัฐอเมริกาและประเทศมหาอำนาจต่าง ๆ เป็นสักขีพยานแทนที่จะมาประกาศฉีกข้อตกลง โดยการโหนกระแสชาตินิยมปกป้องกระแสนิยมของตัวเอง สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องต่อการแสดงออกของนายกรัฐมนตรี

เมื่อถามว่ากังวลต่อการประกาศฉีกข้อตกลงของนายกรัฐมนตรีจะกระทบมาตรการทางภาษีสหรัฐฯ หรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า อาจมีผลกระทบตามมา แต่ต้องรอดูท่าทีของสหรัฐว่าจะมีท่าทีอย่างไร โดยเฉพาะการที่ไทยประกาศว่าจะไม่ดำเนินการตามข้อตกลง เป็นการขาดความรอบคอบขาดวุฒิภาวะ และไม่ได้ประเมินผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในภายหลัง

ส่วนประเทศไทยควรมีท่าทีอย่างไรหลังกัมพูชายื่นคำร้องต่อเวทีโลกว่าไทยเปิดฉากยิงก่อน นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาโดยตลอด ในเรื่องการชี้แจงข้อเท็จจริงของไทยต่อเวทีโลกที่ต้องชี้แจงอย่างเร็วชัดและถูกต้อง ต่อข้อมูลที่เกิดขึ้นในพื้นที่ แต่จากข่าวที่เกิดขึ้นกัมพูชาพยายามปั่นข่าวว่าไทยยิงกระสุนไปตกที่ฝั่งเขา ซึ่งตนเชื่อว่าไม่เป็นข้อเท็จจริง เขาจะอาศัยจังหวะนี้ ที่นายกรัฐมนตรีประกาศ ว่าจะไม่ทำตามข้อตกลง และพยายามเพิ่มพื้นที่กำลังทางการทหาร ตามแนวชายแดน กัมพูชาจะสามารถใช้โอกาสนี้ปั่นข่าวแบบนี้ให้เกิดขึ้นได้ เป็นผลกระทบที่ตามมาซึ่งเราสามารถป้องกันการปั่นข่าวแบบนี้ได้ ถ้านายกรัฐมนตรีแสดงท่าทีที่ไม่ได้ขัดแย้งต่อหลักการและแสดงออกอย่างเหมาะสม

เมื่อถามว่าวันนี้กระทรวงต่างประเทศได้พาผู้สังเกตการณ์อาเซียน AOT ลงพื้นที่จังหวัดสระแก้วนั้น นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ต้องชี้แจงไปตามหลักฐานที่เกิดขึ้น เพื่อให้นานาชาติยอมรับ ถ้าหลักฐานที่พิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์ทุกคนก็ต้องยอมรับอยู่แล้ว นั่นคือสิ่งที่ทางการไทยต้องทำตอนนี้ คือเสนอข้อมูลข้อเท็จจริงที่ไม่มีใครปฏิเสธได้

ส่วนถ้าเกิดการปะทะกันในรอบที่ 2 สถานะของไทยจะอยู่มุมไหนของเวทีโลก นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นหากมีการปะทะกันรอบ 2 คือข้อตกลงนี้ถูกฉีกอย่างถาวร และทำให้สถานการณ์อาจนำไปสู่สิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด ว่าจะเกิดผลเสียอะไรตามมา แต่ที่สำคัญหากมีการใช้กำลังจริงจะไปจบที่ตรงไหน เป็นคำถามที่เราต้องหาคำตอบอย่างจริงจัง สำหรับคนที่กำลังเรียกร้องเรื่องการใช้กองกำลังให้เด็ดขาด แต่อย่างไรก็ตามเราไม่สามารถย้ายที่ตั้งออกจากกันได้ จนเชื่อว่าในเรื่องของหลักการยึดมั่นข้อตกลงสันติภาพกติกาสากลแล้วหากลไกทุกช่องทาง วิธีการทูตระหว่างประเทศในการกดดันกัมพูชา เพื่อเข้าสู่กลไกเหล่านี้จะเป็นทางออกที่ยั่งยืนมากกว่า

Advertisement

แชร์
"เท้ง" ไม่ไหว! ดึงสติ"อนุทิน"ปมจัดการปัญหาชายแดนหวั่นทำไทยเสียเปรียบ