วันที่ 7 ต.ค. 68 ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ภายหลังศาลนัดฟังคำพิพากษาครั้งที่ 2 คดี หมายเลขดำ อ.968/2561 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ฟ้อง นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ อดีตประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (ปธ.นปช.) พร้อมแกนนำ นปช. และแนวร่วมอื่นๆ เป็นจำเลย 1-13 ในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป สร้างความกระด้างกระเดื่องก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง, ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ พ.ศ.2548
กรณีเมื่อระหว่างวันที่ 31 ม.ค.-9 เม.ย. 2552 พวกจำเลย ได้ร่วมกันชุมนุมขับไล่รัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ โดยปิดทางเข้า-ออกทำเนียบรัฐบาล เพื่อขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของคณะรัฐมนตรี รวมถึงมีผู้ชุมนุมบางส่วนบุกไปยังบ้านพัก พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี (ขณะนั้น) เพื่อกดดันให้ พล.อ.เปรม พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ และนายชาญชัย ลิขิตจิตถะ ลาออกจากตำแหน่งองคมนตรี รวมทั้งการปิดล้อมสถานที่ราชการสำคัญๆ หลายแห่งใน กทม. จำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ และได้รับการประกันตัว
สำหรับคดีนี้เมื่อวันที่ 22 ส.ค. ที่ผ่านมา ศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาครั้งแรก แต่เนื่องจากนายอดิศร เพียงเกษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย จำเลยที่ 11 อยู่ระหว่างสมัยประชุมสภา ส่วนนายพงศ์พิเชษฐ์ สุขจินดาทอง จำเลยที่ 10 มีพฤติการณ์หลบหนี ศาลสั่งออกหมายจับ ปรับนายประกัน
สำหรับจำเลยทั้ง 13 คนประกอบด้วย
1.นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์
2.นายจตุพร พรหมพันธุ์
3.นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
4.นพ.เหวง โตจิราการ
5.นายสิระ หรือสรวิชญ์ พิมพ์กลาง แกนนำคนเสื้อแดง จ.สกลนคร
6.นายนายณรงศักดิ์ มณี
7.นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท
8.นายพิพัฒน์ชัย ไพบูลย์
9.นายพายัพ ปั้นเกตุ
10.นายพงศ์พิเชษฐ์ หรือพิเชษฐ์ สุขจินดาทอง
11.นายอดิศร เพียงเกตุ
12.นายพีระ พริ้งกลาง (เสียชีวิต)
13.นายเมธี อมรวุฒิกุล อดีตนักแสดงชื่อดัง
ต่อมาศาลมีคำพิพากษาจำคุก นายวีระกานต์ จำเลยที่ 1 นายจตุพร จำเลยที่ 2 นายณัฐวุฒิ จำเลย ที่ 3 นพ.เหวง จำเลยที่ 4 และนายอดิศร จำเลยที่ 11 คนละ 6 ปี และฐานฝ่าฝืน พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน จำคุกคนละ 6 เดือน คำเบิกความของจำเลยทั้งห้า เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาบ้าง ลดโทษให้คนละ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยที่ 1, 2, 3, 4 และที่ 11 คนละ 4 ปี 4 เดือน ไม่รอลงอาญา
ส่วนจำเลยที่ 5, 7, 8, 9 และที่ 13 มีความผิดฐานฝ่าฝืน พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ จำคุกคนละ6 เดือน ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุก จำเลย 5, 7, 8, 9 และที่ 13 คนละ 4 เดือน ไม่รอลงอาญา และให้ยกฟ้องจำเลยที่ 6 และที่ 10
ก่อนที่ทนายความได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ ขอปล่อยชั่วคราวจำเลยระหว่างอุทธรณ์ โดยจำเลยทั้งหมดใช้หลักทรัพย์ในการขอปล่อยชั่วคราว 2 แสนบาท
ภายหลังจากจำเลยทั้ง 5 ยื่นคำร้อง และหลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราวจำนวน 2 แสนบาท ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตให้ 5 แกนนำ นปช.ที่ศาลพิพากษาจำคุกคนละ 4 ปี 4 เดือน ปล่อยชั่วคราวไประหว่างอุทธรณ์คดีโดยตีราคาประกันคนละ 2 แสนบาท และกำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล
ส่วนจำเลยคนอื่นที่ศาลพิพากษาจำคุกคนละ 4 เดือนฐานฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ก็ได้รับการปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์เช่นกัน โดยตีราคาประกันคนละ 5 หมื่นบาท
Advertisement