
วันที่ 2 พ.ย.2568 เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย หรือ คปท. นำโดย นายพิชิต ไชยมงคล พามวลชนขึ้นรถบัส 3 คัน เดินทางออกจากกรุงเทพมหานครตอนตี 5 ไปที่บ้านหนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ให้กำลังใจทหารที่ปฏิบัติหน้าที่หน้าด่านบ้านหนองจาน โดยเดินทางมาถึงบ้านหนองจาน 10 โมงเช้า และเดินรวมกลุ่มเข้ามาหน้าด่านเพื่อทำกิจกรรมแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ โดยนำข้าวสาร อาหารแห้ง ไปมอบให้เจ้าหน้าที่ และปราศรัยย่อยถึงจุดยืนของกลุ่ม คปท. โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที จากนั้นได้แสดงดนตรีโฟล์คซอง ซึ่งได้รับอนุญาตให้ใช้เสียงจากเจ้าหน้าที่
ส่วนแกนนำอย่างนายพิชิต เปิดเผยว่า วันนี้มายืนยันสิทธิ์และมาแสดงพลังว่าพื้นที่บ้านหนองจาน เป็นของประเทศไทยและเป็นของคนไทยทั้งประเทศ รวมถึงมาให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในพื้นที่ในการเร่งทวงคืนพื้นที่ที่กัมพูชาเข้ามายึดครอง เพราะที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ถูกตั้งคำถามว่าทำเต็มที่แล้วหรือยัง ซึ่งกลุ่ม คปท.อยากให้เจ้าหน้าที่เร่งรัดมากกว่านี้ เพราะจากการเจรจาสันติภาพของรัฐบาลที่ผ่านมาอาจเป็นดาบสองคมให้ถูกตั้งคำถาม
ส่วนวันนี้จะนำข้าวสาร อาหารแห้ง มามอบให้เจ้าหน้าที่ และมีการแสดงดนตรีโฟล์คซองเป็นเวทีเล็ก ๆ โดยยืนยันว่าจะไม่พามวลชนเข้าไปพื้นที่ด้านในเหมือน นายวีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายประชาชนต้านคอรัปชั่น เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม ที่ผ่านมาแน่นอน แต่การแสดงออกของกลุ่ม คปท.และนายวีระ มีเป้าหมายเดียวกัน คือการทวงคืนแผ่นดินไทย แต่หลังจากนี้หากยังไม่คืบหน้าอาจรวมกลุ่มกับนายวีระเพื่อมาเคลื่อนไหวในพื้นที่
ส่วนข้อตกลงหลังการประชุม JBC ที่กำหนดให้ไทยและกัมพูชาเก็บกู้ทุ่นระเบิดร่วมกัน ส่วนตัวไม่เคยเชื่อใจกัมพูชา เพราะที่ผ่านมาไม่เคยทำตามข้อตกลงใด ๆ ทั้งการเก็บกู้ทุ่นระเบิดและการถอนอาวุธออกจากพื้นที่ และยังวางทุ่นระเบิดเพิ่มอีก รวมถึงอาจซ่อนอาวุธอื่นที่ไม่ใช่อาวุธหนักไว้ที่อื่น และจะเห็นว่าประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาหลายสิบปีผ่านมากัมพูชาเป็นประเทศที่ไว้ใจไม่ได้
ส่วนที่ทหารจะเริ่มปักหมุดเขตแดนวันที่ 17 พฤศจิกายนนี้ ตนเองจะรอดูว่าหากปักหมุดเสร็จสิ้นแล้วไทยจะเสียเปรียบหรือไม่ หากกัมพูชาบิดพลิ้วทำให้ไทยเสียดินแดน ก็อาจเห็นภาพที่ประชาชนออกมาทวงคืนพื้นที่ร่วมกับทหารอีกครั้ง
ส่วนการที่นายวีระ นำมวลชนเข้าไปในพื้นที่จะทำให้ไทยเสียเปรียบหลังเจรจาสันติภาพหรือไม่ นายพิชิต มองว่าไม่เป็นเช่นนั้น ตนเองเข้าใจนายวีระ เพราะมีประวัติศาสตร์ที่ขมขื่น เคยถูกจับกุมที่บ้านหนองจานซึ่งเป็นพื้นที่ของไทย จึงแสดงตัวเพื่อยืนยันสิทธิ์ของตัวเองที่เคยถูกกระทำมาก่อนหน้านี้
เมื่อถามว่าครั้งนี้กัมพูชา จะละเมิดข้อตกลงหรือไม่เพราะมีประเทศที่ 3 เข้ามาสังเกตการณ์ด้วย นายพิชิต บอกว่าก่อนหน้านี้แม้จะมีตัวกลางเป็นประเทศที่ 3 รวมถึงมีการเจรจาหยุดยิงหลายครั้งแต่กัมพูชาก็ยังละเมิดข้อตกลงและยังฝังทุ่นระเบิดในพื้นที่อีก
ส่วนท่าทีของรัฐบาลตอนนี้มองว่ารัฐบาลเคร่งเกินไป ไทยยังมีคำถามอีกมากโดยเฉพาะที่บ้านหนองจานและปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ ที่มวลชนประกาศรวมตัวกันทวงคืนพื้นที่วันที่ 7 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งทั้งสองพื้นที่ยังมีคำถามว่าทำไมไทยถึงไม่เร่งเจรจาขอคืนพื้นที่ให้ได้ก่อนการเจรจาหยุดยิงหรือเร่งขอขึ้นพื้นที่ให้ได้
ส่วนก่อนหน้านี้ที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า ส่วนที่ไทยรุกล้ำกัมพูชาก็มี นายพิชิต มองว่านี่เป็นบทเรียนที่นายอนุทิน ต้องศึกษา เพราะการพูดหรือทำอะไรไปก่อนอาจทำให้ฝ่ายปฏิบัติอึดอัดใจ ซึ่งก่อนหน้าเป็นนายกฯ นายอนุทิน มีท่าทีแข็งกร้าวและประกาศว่าจะไม่ยอมเสียดินแดนแม้แต่เซนติเมตรเดียว แต่วันนี้มาพูดแบบนี้เหมือนทำลายน้ำใจเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติและทำลายน้ำใจคนไทย ดังนั้นนายอนุทิน ต้องสรุปบทเรียนเรื่องนี้ เพราะการพูดอะไรออกมาเป็นนโยบายระหว่างประเทศ ซึ่งนายอนุทิน เป็นคนเดินทางไปเจรจาและลงนามด้วยตนเอง เพราะฉะนั้นการพูดหลังเจรจาสันติภาพอาจกลายเป็นเรื่องที่กัมพูชาอาจนำไปขยายต่อได้และอาจทำให้เสียภาพลักษณ์ประเทศไทย
ส่วนตอนนี้กลุ่ม คปท. ,คณะรวมพลังแผ่นดิน และนายวีระกำลังหารือกันอย่างเข้มข้นถึงท่าทีของรัฐบาลนายอนุทิน ว่าจะเป็นมวยล้มต้มคนดูหรือไม่ โดยหลังจากวันที่ 17 พฤศจิกายนนี้ รัฐบาลของนายอนุทิน ทำให้ไม่เชื่อใจ คณะรวมพลังแผ่นดินอาจมีการเคลื่อนไหวครัังใหญ่
ส่วนตอนนี้มีกระแสข่าวว่ากัมพูชา พยายามกดดันไทยให้เปิดด่าน นายพิชิต ยืนยันว่าไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ เราต้องมีสภาพบังคับให้กัมพูชาได้ยอมรับมากกว่านี้ ไม่ใช่ถอนอาวุธ เพียงไม่กี่คันรถแล้วไทยกลับรีบเปิดด่าน เพื่อรองรับเรื่องเศรษฐกิจและมองว่าอาจทำให้กัมพูชารู้สึกผ่อนคลาย และจะกลับมาเสริมอาวุธโดยที่ไทยไม่ทันระวังตัว
ส่วนที่กัมพูชากดดันให้ไทยเปิดด่าน โดยอ้างว่าการปิดด่าน ทำให้เกิดความล่าช้า หรือยากลำบากในการส่งตัวผู้ป่วยหรือผู้บาดเจ็บคนไทยกลับประเทศ มองว่ารัฐบาลมีมาตรการมากกว่านั้น ไม่ใช่ให้กัมพูชามากดดันไทยอยู่ฝ่ายเดียว ซึ่งไทยมีสภาพเศรษฐกิจและกองกำลัง อาวุธยุทโธปกรณ์ที่หนักแน่นกว่า สามารถกดดันหรือเรียกร้องรัฐบาลกัมพูชาได้มากกว่า แต่วันนี้กลับเหมือนว่านายอนุทิน วิ่งตามเกมของกัมพูชา และประเทศที่สามวางไว้ โดยมองว่านายอนุทิน เป็นนายกฯ ที่อ่อนหัด ไม่ทันเกมกัมพูชามาเลเซียและประเทศที่สามอื่น ๆ ซึ่งเป็นท่าทีที่ คปท.ห่วงใยนายกฯ ถ้ายังไม่ทันเกมระหว่างประเทศแบบนี้ ไทยอาจเสียเปรียบในเวทีโลกต่อไปได้
สำหรับกลุ่ม คปท.จะจัดกิจกรรมถึงบ่ายสามโมง และจะยุติการชุมนุม พามวลชนเดินทางกลับกรุงเทพฯ ทันที
Advertisement