ทบ. ยันทำตามหลักมนุษยธรรมผลักดันคนเขมรออกสระแก้ว
ทบ. ยันทำตามหลักมนุษยธรรมผลักดันคนเขมรออกสระแก้ว ชี้อยู่ในกรอบฝ่ายปกครอง ขึ้นอยู่กับสถานการณ์หน้างาน ย้ำ18เชลยศึกคุมตัวตามหลักสากล
วันที่ 3 ต.ค. 68 ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ถ.ราชดำเนิน พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) อนุมัติการสร้างรั้วตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาว่า
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
กองทัพบกเป็นหน่วยที่รับผิดชอบพื้นที่ คงต้องสนับสนุนเรื่องของข้อมูล และต้องพิจารณาพื้นที่ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูล เนื่องจากเป็นนโยบายจากฝ่ายบริหาร และกระทรวงกลาโหมด้วย ซึงเบื้องต้นเห็นชอบในหลักการว่าควรจะทำรั้ว แต่ดูความเหมาะสมในเรื่องของพื้นที่ จะเป็นตรงไหนที่จะสามารถดำเนินการได้ก่อน โดยบางพื้นที่มีความเรียบร้อยอยู่แล้ว และไม่มีปัญหาอะไร อาจพิจารณาดำเนินการได้ทันที ส่วนพื้นที่อื่นที่ยังต้องอาศัยกลไกของ JBC
เมื่อถามว่า เบื้องต้นพื้นที่ที่เรียบร้อยแล้ว มีประมาณกี่จุดที่สามารถทำรั้วได้เลย พล.ต.วินธัย กล่าวว่า ต้องดูรายละเอียดอีกที
เมื่อถามถึงการประชุม สมช.เมื่อวานนี้ว่าจะผลักดันชาวกัมพูชา บริเวณบ้านหนองหญ้าจาน และบ้านหนองหญ้าแก้ว จ.สระแก้ว กลับกัมพูชานั้น ตามหลักมนุษยธรรมจะต้องดำเนินการอย่างไร พล.ต.วินธัย ระบุว่า ตอนนี้ก็ดำเนินการตามหลักมนุษยธรรมอยู่แล้ว ต้องทำอย่างระมัดระวัง เมื่อเป็นการเผชิญหน้าของฝั่งประชาชนกับหน่วยงานราชการก็ต้องระมัดระวัง ถึงแม้เราจะรู้ว่าการชุมนุมของฝั่งกัมพูชาจะเป็นลักษณะมีแผนเป็นการจัดตั้งมา แต่เราก็ต้องมีมาตรการที่จะดำเนินการ เพื่อไม่ให้เกิดภาพที่ไม่เหมาะสม หรือถูกนำไปใช้ขยายในเวทีต่างประเทศ
แต่เรายืนยันว่าเราดำเนินการตามหลักมนุษยธรรม
พล.ต.วินธับ กล่าวว่า ทั้งนี้การดำเนินการในพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว กับบ้านหนองจาน จะเป็นการดำเนินการแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่ได้เป็นลักษณะการเผชิญหน้ากันด้วยกำลังอาวุธ เหมือนพื้นที่อื่นๆ ฉะนั้นเราจะเห็นลำดับขั้นตอนในการปฏิบัติ ซึ่งน่าจะมีการออกประกาศหรือแจ้งเตือน และมีการพูดคุยกับผู้รับผิดชอบในพื้นที่ทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งจ.สระแก้ว และจ.บ็อนเตียย์เมียนเจ็ยของกัมพูชา
ที่ผ่านมาก็ได้มีการพูดคุยกันแล้ว และแจ้งเตือนกันตลอดว่าฝ่ายกัมพูชาต้องดำเนินการให้ถูกต้อง ทั้งหลักกฎมหายของประเทศแ ละหลักสากล ฉะนั้นเรื่องของสิทธิมนุษยชนหากใครติดตามหลังมีสถานการณ์ เราเองก็คำนึงถึงเรื่องนั้นมาโดยตลอด และอีกสิ่งหนึ่งที่เราสังเกตคือความพยายามทำให้เกิดเป็นภาพรุนแรง ก็อาจจะไม่บังเกิดผล เพราะความรุนแรงที่เกิดขึ้นนั้น เกิดจากกลุ่มผู้ชุมนุมของฝั่งกัมพูชา ซึ่งตำรวจที่รับผิดชอบสถานการณ์ก็พยายามใช้ความระมัดระวัง และไม่แสดงออกถึงท่าทีความรุนแรงที่เกินกว่าความเหมาะสม ซึ่งเป็นการรับมือในแบบที่เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่หน้างานแบบไม่ให้เกิดภาพรุนแรง
เมื่อถามว่า ขั้นตอนในวันที่ 10 ต.ค. ที่จะผลักดันชาวกัมพูชา จะดำเนินการจากเบาไปหาหนักหรือไม่ พล.ต.วินธัย กล่าวว่า เรื่องนี้อยู่ในกรอบความรับผิดชอบของฝ่ายปกครอง ส่วนจะเริ่มดำเนินการผลักดันแน่นอนหรือไม่นั้น ก็ต้องอยู่กับพื้นที่อีกที ต้องดูตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า เชื่อว่าอะไรที่อาจนำไปสู่สถานการณ์ที่รุนแรงเกินไปเราก็อาจจะมีวิธีการ แต่เรายืนยันว่าเราดำเนินการตามหลักกติกาสากล และยึดตามกฎหมายประเทศไทยด้วย
ส่วนกรณีที่ระยะหลังมากัมพูชาชอบอ้างเรื่องหลักมนุษยธรรม และเรียกร้องให้ปล่อยตัว ทหารเชลยศึกทั้ง 18 นายนั้น พล.ต.วินธัย กล่าวว่า เชลยทั้ง 18 นาย เราดำเนินการตามหลักสากล และกฎหมายระหว่างประเทศ ตามหลักมนุษยธรรมสากล หากมีความกังวลก็สามารถจัดองค์กรสากลมาเยี่ยมเชลยเหล่านี้ได้ ที่ผ่านมาก็มีมาเป็นระยะ ซึ่งก็ไม่มีปรากฎเรื่องความกังวลของผู้ที่มาเยี่ยม และไม่มีความเห็นไปในทางที่เสียหาย แต่กลับกันเราได้รับคำชมด้วย ขณะนี้ความขัดแย้งที่เป็นปฏิปักษ์ต่อกันยังไม่จบสิ้นสุดลง แต่ยืนยันว่าหลักนี้เป็นหลักสากล เราได้ทำความเข้าใจและสื่อสารไปหลายครั้งแล้ว แม้ฝั่งกัมพูชาจะพูดซ้ำ แต่เราก็ยังยืนยันคำตอบเดิม
Advertisement
